ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 253 พบเซียวอวิ๋นเซิงอีกครั้ง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 253 พบเซียวอวิ๋นเซิงอีกครั้ง
เสวียนอีพยายามควบคุมบังเหียนเอาไว้ กู้ชิวเหลิ่งแทบจะพุ่งออกไปข้างนอกแล้วอาเจียนอยู่ข้างต้นไม้เป็นเวลานาน
แต่เป็นเพราะว่านางมิได้กินอะไรเลย ดังนั้นตอนที่นางอาเจียนออกมาจึงมีเพียงแค่น้ำกรดในกระเพาะ ร่างกายนี้มิค่อยแข็งแรงนัก อีกอย่างเด็กอายุเพียงสิบห้าปีเดินทางเนิ่นนานหลายวันติดต่อกัน อย่างไรคงทนมิไหว
ฉู่สวินตั้งใจจะเข้าไว้รูปหลังให้แก่นาง แต่กลับถูกกู้ชิวเหลิ่งห้ามเอาไว้ “ขอบคุณท่านอ๋องที่เป็นห่วง แต่ข้ามิเป็นไร ยังต้องรีบเดินทางมิใช่หรือ ไปเถิด”
“ช้าก่อน”
ฉู่สวินเข้าไปกั้นทางของกู้ชิวเหลิ่งเอาไว้ กล่าวว่า “เจ้ากำลังยั่วโมโหข้าอย่างงั้นหรือ”
“ข้ามิกล้าหรอก ท่านเป็นถึงท่านอ๋อง อีกอย่างในมือท่านมีความลับมากมายเกี่ยวกับร่างกายนี้ของข้าอยู่ แม้แต่วิญญาณข้าหลังจากที่ตายไปก็เป็นท่านที่เรียกมันกลับคืนมามิใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะกล้าทำให้ท่านโกรธได้อย่างไร?”
“เหิงเอ๋อร์……”
ฉู่สวินกล่าวชื่อนั้นออกมาโดยมิได้ตั้ง จากนั้นเขาก็สงบสติอารมณ์ เดิมทีเขามิอยากจะเอ่ยชื่อนี้ต่อหน้ากู้ชิวเหลิ่ง แต่ตอนที่เขามองเห็นใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งทีไรก็อดมิได้ที่จะเรียกชื่อนี้ออกมา
กู้ชิวเหลิ่งหัวเราะเยาะนางรู้ว่าฉู่สวินมิได้เรียกนาง กู้ชิวเหลิ่งหันหลังกลับกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ท่านอ๋อง นี่ก็เย็นแล้ว พวกเราขึ้นรถเถิด”
ฉู่สวินมิได้กล่าวสิ่งใดออกมาอีก ได้แต่เดินตามกู้ชิวเหลิ่งขึ้นรถไป
มิรู้ว่าเป็นเพราะที่เขาเอ่ยชื่อเหิงเอ๋อร์ออกมาหรือไม่ จิตใจของกู้ชิวเหลิ่งมักรากฎเรื่องร้ายๆ ขึ้นเสมอ นางมิรู้จักมิเข้าใจถึงร่างกายนี้ แต่ทุกครั้งที่ฉู่สวินเรียกชื่อคำว่าเหิงเอ๋อร์ออกมา หัวใจของนางก็ดูเจ็บปวด
“กินเถิด”
ฉู่สวินได้นำอาหารว่างวางลงไปในมือของกู้ชิวเหลิ่ง แม้ว่ากู้ชิวเหลิ่งจะมิอยากสนใจฉู่สวินนัก แต่เพื่อมิเป็นการทำร้ายร่างกายนี้ นางจึงได้รีบกินมันลงไป ถึงจะมิค่อยถูกปากเท่าไร ประกอบกับรสชาติค่อนข้างหวานก็ตาม กู้ชิวเหลิ่งกินไปเพียงแค่สองคำและมิได้กินมันอีกเลย
เมื่อรถม้าเข้าสู่เมืองหลวงก็เป็นเวลามืดค่ำแล้ว ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางกำลังนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่โดยมีผ้าคลุมบางบางๆ ห่มเอาไว้ และชุดคลุมชุดหนึ่ง
นางเดินทางมาถึงจวนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“เฉิงตู้?”
เฉิงตู้ซึ่งยืนอยู่ด้านนอกมิกล้าผลักประตูเข้ามา เขายืนกล่าวอยู่ที่นอกประตูว่า “คุณหนูมีสิ่งใดรับใช้หรือขอรับ”
“นี่เป็นเวลากี่ยามแล้ว?”
“เป็นเวลาห้าทุ่มขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งนอนหลับไปเนิ่นนานเพียงนี้เชียว? ดูมิธรรมดาเอาเสียเลย แต่เมื่อนึกถึงอาหารว่างที่นางกินไปก่อนหน้านี้จึงได้รู้สึกแปลกใจขึ้นมาได้
“เจ้าจงเข้ามาเถิด”
เฉิงตู้มิได้ลังเล เขาเปิดประตูเข้ามา กู้ชิวเหลิ่งสวมเสื้อด้านในเพียงชั้นเดียว นางมิได้รู้สึกมิเหมาะสมแต่อย่างใด “ที่นี่คือจวนขององค์ชายตัวประกันหรือ?”
“เป็นจวนของฉู่อ๋องขอรับ”
เฉิงตู้กล่าวขึ้นอีกประโยคหนึ่งว่า “ฉู่อ๋อง…… เป็นผู้อุ้มคุณหนูกลับมาที่จวนด้วยตนเอง”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นถอดเสื้อคลุมของฉู่สวินออก เอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน?”
“อาจเป็นตอนที่ลงจากรถม้า ฉู่อ๋องรู้สึกว่าลมด้านนอกพัดค่อนข้างแรงจึงได้คลุมไว้ให้คุณหนูขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งครุ่นคิดแล้วสนทนากับเฉิงตู้ “นี่ก็ดึกมากแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เหตุใดฉู่สวินจึงได้ใส่ยานอนหลับในอาหารนั้นด้วย?
กู้ชิวเหลิ่งมองไปยังสัมภาระที่อยู่ด้านข้างและพบว่ามันมิเคยถูกเปิด ของของนางก็มิมีสิ่งใดบุกสลาย มิมีอะไรที่ถูกรื้อค้น กู้ชิวเหลิ่งสงสัยเสียจริงว่าฉู่สวินทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด
ฉู่สวินนั่งอยู่ในห้องหนังสือ นั่งอ่านหนังสือธรรมะอย่างที่มิเคยเป็น เมื่อเขาคิดขึ้นได้ถึงท่าทีการกินอาหารของกู้ชิวเหลิ่งโดยมิระมัดระวังก็ยิ่งรู้สึกสนใจมากขึ้น
“เหตุใดนางจึง……”
“เจ้าจะเอ่ยถามข้าว่าเหตุใดข้าจึงวางยานางอย่างนั้นหรือ?”
เสวียนอีพยักหน้า ฉู่สวินมองไปยังแสงเทียนแล้วหัวเราะเบาๆ “นางเป็นคนใจแข็งและเย่อหยิ่ง เมื่อนางต้องการจะทำให้ข้าโมโห แน่นอนว่านางต้องทำเป็นเสแสร้ง มิเห็นหรือว่าเมื่อเช้านางนั่งหลังตรงมาโดยตลอด มิได้แม้แต่ขยับตัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรปล่อยให้นางนอนสบายกว่า”
เสวียนอีมิเคยเห็นเจ้านายของตนแสดงท่าทีเช่นนี้มาก่อน และมิเคยเห็นเจ้านายของตนสนใจใครเท่านี้มาก่อนเลย เสวียนอีอดมิได้ที่จะเอ่ยถามว่า “นายท่าน จากที่ข้าเห็น นางมิได้……”
“เจ้ากล่าวว่านางมิได้ชอบข้าอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
“ขอรับ”
มิเพียงแต่มิชอบทั้งยังเกลียดเสียด้วยซ้ำ
“ข้ามิสนใจ”
ฉู่สวินกล่าว มุมปากของเขาเผยอรอยยิ้มขึ้น
“โอ้ย อย่า! อย่า อย่าทำร้ายข้า!”
ที่ด้านนอกมีเสียงดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของฉู่สวิน เสวียนอีขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านเซียวโหวเย๋น้อยขอรับ”
ฉู่สวินวางหนังสือในมือลง “ออกไปดู”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งเตะเข้าที่หว่างขาของเซียวอวิ๋นเซิงแล้วกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “มิเจอกันตั้งหลายเดือน ท่านเซียวโหวเย๋น้อยเชี่ยวชาญด้านการปีนขึ้นห้องได้ดีเชียว!”
เซียวอวิ๋นเซิงเจ็บเกินกว่าจะกล่าว ฉู่สวินเอ่ยขึ้นเบาๆ “มิทราบว่าอวิ๋นเซิงทำเรื่องใดให้คุณหนูกู้มิพึงพอใจหรือ?”
“ลองเอ่ยถามเขาดู”
เซียวอวิ๋นเซิงยิ้มจนเห็นฟัน “มิได้เจอตั้งหลายเดือน เหตุใดเจ้ายังมือหนักยิ่งนัก เจ้าเป็นสตรีจริงหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “หากข้าเป็นผู้ชาย เซียวโหวเย๋น้อยปีนขึ้นมาบนเตียงข้า ก็คงมิได้ถูกตบเพียงเท่านั้น”
“เจ้า” เซียวอวิ๋นเซิงเบิกตาจ้องมองดูกู้ชิวเหลิ่งเป็นเวลาเนิ่นนานแต่มิได้กล่าวสิ่งใดออกมา เดิมทีเขาตั้งใจเพียงแค่ไปแอบดู เพราะมิได้เจอกับกู้ชิวเหลิ่งเนิ่นนานแล้ว ได้ยินมาว่าคืนนี้ฉู่สวินเดินทางกลับมา จึงรู้ว่ากู้ชิวเหลิ่งต้องกลับมาด้วยแน่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบร้อนใจอยากจะมาดู ใครจะรู้เล่าว่ากู้ชิวเหลิ่งหลับอยู่ เขาก็เพียงแค่อยู่ดูอีกประเดี๋ยว คิดมิถึงว่ากู้ชิวเหลิ่งจะระแวดระวัง จนถึงขนาดให้เฉิงตู้มาจับตัวเขาไป
ฉู่สวินขยิบตาให้แก่เซียวอวิ๋นเซิง กล่าวว่า “อวิ๋นเซิง เหตุใดเจ้ายังทำตัวเหมือนเด็กกัน?”
เซียวอวิ๋นเซิงมองไปทางสหายผู้นี้อย่างเหลือเชื่อ เขารู้ว่าฉู่สวินชื่นชอบกู้ชิวเหลิ่ง และยังเป็นคู่หมั้นของกู้ชิวเหลิ่งด้วย แต่ก็มิควรจะหลงใหลในสตรีจนลืมสหายเช่นนี้?
ฉู่สวินเพียงยิ้มแล้วกล่าวว่า “อวิ๋นเซิงรู้จักกับคุณหนูกู้มาเป็นเวลาเนิ่นนาน คาดว่าคุณหนูกู้คงจะมิโกรธอวิ๋นเซิงเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าตบสั่งสอนเขาก็นับว่าเป็นบทเรียน แต่ข้าหวังว่าจะมิมีครั้งที่สอง”
ฉู่สวินพยักหน้ากล่าวว่า “แน่นอน”
กู้ชิวเหลิ่งหันไปกล่าวกับเฉิงตู้ที่อยู่ข้างกายว่า “เจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งมิได้หันไปมองดูเซียวอวิ๋นเซิงอีก แต่นางหันหลังจากไปทันที
ฉู่สวินมองไปยังร่างของกู้ชิวเหลิ่งแล้วกระทืบเท้า กล่าวกับเซียวอวิ๋นเซิงด้วยความโมโห “บัดนี้นางเป็นแขกผู้มีเกียรติในจวนเรา เจ้าอย่าได้ทำเรื่องไร้มารยาทไป นี่ก็ดึกแล้วเจ้าเองควรกลับไปนอน”
เมื่อกล่าวจบ ฉู่สวินก็ได้หันหลังตั้งใจจะไปยังห้องหนังสือ เซียวอวิ๋นเซิงเรียกฉู่สวินเอาไว้ แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้ามิได้ตั้งใจจะแต่งงานกับนางจริงๆ ใช่หรือไม่ บัดนี้นางแต่งงานกับอวี้ฉือจ้านแล้ว”
“ข้าเคยบอกแล้วว่าข้ามิสนใจ”