ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 254 ข่าวคราวของอวี้ฉือจ้าน
เซียวอวิ๋นเซิงรู้สึกว่านี่มิใช่เรื่องที่สนใจหรือไม่สนใจ อยู่ที่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ต่างหาก
กู้ชิวเหลิ่งเป็นไปมิได้ที่จะละทิ้งอวี้ฉือจ้านแล้วมาตกหลุมรักฉู่สวิน แม้ว่าเรื่องอื่นเขาจะมิแน่ใจนัก แต่เรื่องนี้มิต้องสงสัย
เขามองฉู่สวินมิออกจริงๆ เช่นเดียวกับที่เขามองกู้ชิวเหลิ่งมิออก จะว่าไปเขามิเข้าใจแม้กระทั่งอวี้ฉือจ้าน และท้ายที่สุดแล้วแม้กระทั่งตัวเขาก็รู้สึกโศกเศร้าด้วยกู้ชิวเหลิ่งเป็นเวลาเนิ่นนาน
ค่ำคืนอันมืดมิด ฉู่สวินมิรู้สึกง่วงนอนแม้แต่น้อย เขาได้แต่หวนนึกถึงท่าทีของกู้ชิวเหลิ่งที่มีต่อเขา ความคิดถึงคนึงหาที่เขามีต่อนางล้วนมาจากความรู้สึกตามจริง ต่อให้เขาพยายามควบคุมมันเอาไว้แต่ก็มิอาจควบคุมได้
ทว่ากู้ชิวเหลิ่งดูเหมือนจะเกลียดเขายิ่งนัก
ต่อให้เสวียนอีมิบอก เขาเองก็สามารถสัมผัสได้ แววตาอันดูถูกเหยียดหยามนั้น ช่างทำให้ใจสลายเหลือเกิน
กู้ชิวเหลิ่ง……มู่หลงชิว เหิงเอ๋อร์
ฉู่สวินยิ้มขึ้นแล้วดับไฟในห้องอ่านหนังสือ เอนกายไปที่ข้างเตียงแล้วหลับตาลง
เช้าตรู่ในวันต่อมา กู้ชิวเหลิ่งลืมตาตื่นขึ้นและพบว่ามีเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกาย
“เจ้าเป็นใคร?”
“บ่าวนามว่าเข่อเอ๋อร์ มาเพื่อรับใช้คุณหนูเจ้าค่ะ”
เข่อเอ๋อร์กล่าวว่า “ท่านอ่อนกำชับไว้ให้จัดเตรียมน้ำร้อนแก่คุณหนู บ่าวได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว เชิญคุณหนูลุกขึ้นไปอาบน้ำเถิด”
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกอึดอัดร่างกายเล็กน้อย เนื่องจากช่วงนี้เดินทางค่อนข้างบ่อยและหนทางมิสะดวกนัก จึงยังมิได้อาบน้ำดีๆ สักครา
“ข้าเข้าใจแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งลุกขึ้นยืน เข่อเอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืนด้วย เพียงแต่นางยืนนิ่งก้มศีรษะลง
“เจ้าออกไปได้แล้ว”
“บ่าวรอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “มิจำเป็น”
“ท่านอ๋องสั่งเอาไว้ ให้ดูแลรับใช้คุณหนูทุกระเบียบนิ้ว”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “ข้ามิชินกับการมีคนมากมายอยู่รอบข้าง เพียงเจ้าคนเดียวก็พอ แต่ว่าตอนที่ข้าผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ข้าก็มิชอบให้ใครอยู่รอบกาย ตอนข้าอาบน้ำข้ามิชอบให้มีใครอยู่ด้วย เจ้าฟังเข้าใจแล้วหรือไม่”
เข่อเอ๋อร์ครุ่นคิดแล้วตอบว่า “บ่าวเข้าใจแล้ว บ่าวจะออกไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งมิได้หันไปดูเข่อเอ๋อร์อีก ภายในห้องมีเพียงนางแค่คนเดียวและรู้สึกสงบยิ่งนัก
ห้องที่ฉู่สวินจัดเตรียมเอาไว้ให้นางดูสดชื่นและสง่างาม ภายในห้องมิมีเครื่องหอมแม้แต่น้อยทำให้กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกประหลาดใจ นี่คือสิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งชื่นชอบ แต่ฉู่สวินกลับรู้อย่างชัดเจน
เมื่อหวนนึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าฉู่สวินจะเป็นองค์ชายตัวประกัน แต่ได้รับการปฏิบัติติในแคว้นเป่ยอย่างมิธรรมดา เขายังเผชิญหน้ากับการลอบสังหารครั้งใหญ่ นั่นหมายความว่าอิทธิพลของเขาในแคว้นเป่ยนี้มิธรรมดา ด้วยเหตุนี้เองการที่ฉู่สวินอยากจะรู้เรื่องราวของกู้ชิวเหลิ่งในต้าเยียนก็มิใช่เรื่องยาก
ในตอนเช้าตรู่ ฉู่สวินจำเป็นต้องเดินทางไปประชุมราชวงศ์ ดังนั้นกู้ชิวเหลิ่งจึงรับประทานอาหารเช้าเพียงลำพัง เดิมทีเซียวอวิ๋นเซิงตั้งใจจะมารบกวนนาง แต่กลับถูกเฉิงตู้ขับไล่ไปเสียก่อน ในความรู้สึกของเฉิงตู้ เซียวอวิ๋นเซิงมิแตกต่างอันใดกับผู้ระเหเร่ร่อน
เซียวอวิ๋นเซิงมิใช่ผู้ที่จัดการได้ง่ายๆ เมื่อครู่ที่เขาถูกเฉิงตู้ขับไล่ออกไปจากประตูเรือน เซียวอวิ๋นเซิงจึงได้ตะโกนร้องขึ้นว่า “ข้ามีข่าวคราวของอวี้ฉือจ้านมา เดิมทีเห็นแก่ที่เรารู้จักกันจึงคิดจะบอกเจ้า ในเมื่อเจ้าให้คนของเจ้าขับไล่ข้าออกไปเช่นนี้ ข้าก็จะมิเล่าเรื่องใดให้เจ้าฟังแม้แต่คำเดียว ในแคว้นเป่ยนี้มีผู้คนที่มีความรู้มากมายมิน้อย เจ้าไปถามพวกเขาดูเอาเองแล้วกัน”
เมื่อสิ้นเสียงเซียวอวิ๋นเซิง กู้ชิวเหลิ่งก็ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยกล่าวว่า “เฉิงตู้ให้เขาเข้ามา”
เฉิงตู้หลีกทางให้แก่เซียวอวิ๋นเซิงอย่างมิวางใจ เซียวอวิ๋นเซิงแทบจะเชิดหน้าขึ้นสู้ท้องฟ้ากล่าวว่า “ตอนที่ข้ารู้จักกับคุณหนูของเจ้า ตอนนั้นเจ้าอยู่ที่ใดก็มิรู้”
เฉิงตู้อยากจะหักล้างคำพูดนี้ก็มิได้ เพราะเขากับกู้ชิวเหลิ่งเพิ่งรู้จักกันมิกี่วันนี้เอง
ตอนที่เซียวอวิ๋นเซิงเดินตรงเข้ามาทางประตู กู้ชิวเหลิ่งกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่ที่ด้านนอกเข่อเอ๋อร์เดินตรงเข้ามากล่าวว่า “คารวะท่านเซียวโหวเย๋น้อย คุณหนูเจ้าคะ บ่าวขออนุญาตนำของออกไปเก็บ”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า มิได้ปฏิเสธ
รอจนกระทั่งเข่อเอ๋อร์นำของทั้งหมดออกไปแล้ว กู้ชิวเหลิ่งจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามีข่าวเกี่ยวกับอวี้ฉือจ้านหรือ จงบอกข้ามา”
“ข้ากับเจ้ามิได้เจอกันตั้งนาน เจ้ามิคิดจะถามสารทุกข์สุกดิบข้าบ้างหรือ เอาแต่เอ่ยถึงอวี้ฉือจ้านอยู่ได้”
เซียวอวิ๋นเซิงทำหน้าตาโศกเศร้าแล้วกล่าวว่า “ข้าเป็นห่วงเป็นใยเจ้ายิ่งนัก แต่กลับถูกเจ้าทำร้ายร่างกายเสียจนบาดเจ็บ ช่างน่าโมโหเสียจริง”
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งมิได้ยินข่าวเกี่ยวกับอวี้ฉือจ้านจึงรู้สึกรำคาญใจ “เจ้าอยากจะเอ่ยเรื่องใดกันแน่”
“สิ่งที่ข้าอยากจะบอกก็คือสิ่งที่เจ้าอยากรู้ เจ้าอยากรู้เรื่องราวของอวี้ฉือจ้านมิใช่หรือไร ในตอนนั้นเจ้าทิ้งเขามาเพียงลำพังแล้วเดินทางอย่างรีบเร่งมาที่แคว้นเป่ย เจ้ามินึกบ้างหรือว่าจิตใจเขาจะเป็นเช่นไร”
เซียวอวิ๋นเซิงมองไปยังกู้ชิวเหลิ่งที่ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วกล่าวว่า “ข้าจะบอกเช่นนี้ก็แล้วกัน เขาค้นหาเจ้าอย่างบ้าคลั่งไปทั่ว อย่าว่าแต่ฝู้จื่อโม่เลย แม้แต่ฮ่องเต้เขาก็ได้ประกาศไว้แล้วว่าหากว่าวันใดเขายังหาเจ้ามิพบ เขาก็จะมิกลับต้าเยียน คาดว่าบัดนี้คงจะตั้งหน้าตั้งตามาทางแคว้นเป่ยแล้ว”
ด้วยความเฉลียวฉลาดของอวี้ฉือจ้านเขาคงจะนึกถึงแคว้นเป่ยอย่างแน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งกำลังเป็นกังวลเรื่องนี้อยู่ทีเดียว นางรีบร้อนเดินทางมาแคว้นเป่ยก็เพื่อมิให้เสียเวลามากนัก และทำความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้าของร่างนี้กับฉู่สวิน เมื่อถึงเวลานั้นจะได้พบหน้ากับอวี้ฉือจ้านได้อย่างสบายใจ
แต่ว่าบัดนี้หากอวี้ฉือจ้านเดินทางมาจริงๆ แล้วนางจะอธิบายกับเขาเช่นไรเล่า
เซียวอวิ๋นเซิงมองออกถึงความกังวลใจของกู้ชิวเหลิ่งจึงกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถิด เจ้าคิดว่านี่คือที่แห่งใด นี่คือจวนฉู่อ๋อง แท้จริงแล้วข้ามีเรื่องหนึ่งที่มิเคยบอกกับเจ้ามาก่อน ฉู่สวินนับว่ามีชื่อเสียงและอำนาจมากทีเดียวในแคว้นเป่ย ต่อให้อวี้ฉือจ้านเก่งกาจเช่นไร เขาก็มิกล้าจะบุกเข้ามาง่ายๆ”
“ข้ามิได้กังวลเรื่องนี้ เพียงแต่ว่า……”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูท่าทีการแสดงออกของเซียวอวิ๋นเซิง ดูเหมือนเขามิรู้ว่านางมิใช่กู้ชิวเหลิ่ง
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เซียวโหวเย๋น้อยนั่งอยู่ที่นี่เนิ่นนานแล้ว ควรจะกลับไปได้หรือยัง?”
เซียวอวิ๋นเซิงเบิกตากว้าง “ข้าเดินทางมาที่นี่ยังมิได้ดื่มแม้แต่ชาสักอึก เจ้าก็รีบเร่งไล่ข้ากลับไปแล้วหรือ เจ้าข้ามแม่น้ำไปแล้วก็รื้อสะพานทิ้ง ทำเช่นนี้มิดีเท่าไรนัก อย่างน้อยพวกเราก็เคยรู้จักกันมาก่อน เจ้าไว้หน้าข้าสักหน่อยมิได้หรือ!”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้นว่า “เซียวโหวเย๋น้อยล้อเล่นหรือไร ชาของข้ากับชาของท่านล้วนเหมือนกัน หรือท่านจะกล่าวว่า ฉู่สวินให้ชาดีแก่ข้าดื่มแล้วให้ชาด้อยแก่เจ้าดื่ม อีกอย่างเป็นเพราะเจ้าบอกว่ารู้ข่าวเกี่ยวกับอวี้ฉือจ้าน ข้าจึงได้ให้เจ้าเข้ามา ตอนนี้ข้ารู้แล้วก็มิจำเป็นต้องมีเจ้าอยู่”
“กู้ชิวเหลิ่ง นี่เจ้า ช่างทำตัวเหินห่างเหลือเกิน อย่างน้อยข้า……”
เมื่ออยู่ต่อหน้ากู้ชิวเหลิ่ง เซียวอวิ๋นเซิงก็มิกล้าเอ่ยว่าเขาเคยมอบของให้กู้ชิวเหลิ่งมากมายเท่าไร เนื่องจากเขาพบว่าสิ่งของที่เขามอบไปให้กู้ชิวเหลิ่งนั้น นางมิเคยใช้เลย
“เซียวโหวเย๋น้อยว่างมากหรือไรกัน?”
เซียวอวิ๋นเซิงพยักหน้า “ใช่ แล้วอย่างไรเล่า?”
“ในเมื่อเซียวโหวเย๋น้อยว่างนัก เช่นนั้นรบกวนพาข้าเดินไปรอบๆ จวนฉู่อ๋องนี้ได้หรือไม่”