ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 257 ข้อห้าม
“คุณหนูขอรับ พวกเรายังจะไปต่อไหม?”
เฉิงตู้อดมิได้ที่จะถาม หากว่าต้องการจะหนีไปจริงๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังป้องกันตนเองมิได้ นับประสาอะไรกับการปกป้องกู้ชิวเหลิ่ง
เขาเป็นองครักษ์ลับที่เก่งที่สุดซึ่งอยู่ข้างกายจวินหวาเทียน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับองครักษ์ลับของฉู่สวิน เขากลับมิมีโอกาสชนะเลย
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เจ้ามิได้ยินในสิ่งที่ฉู่สวินกล่าวหรือ เมืองหลวงนี้เป็นเมืองของเขา พวกเรามิมีโอกาสแม้แต่จะออกไป และดูเหมือนเขาจะมิให้โอกาสเราในการหนีจากที่นี่”
ต่อให้เป็นเฉิงตู้บัดนี้เขาก็ตระหนักได้ถึงความจริงจังของสถานการณ์ แม้ว่าเขาจะมิรู้จักฉู่สวินเท่าไหร่นัก แต่ก็พอจะเข้าใจวิธีการจัดการของคนคนนี้ เมื่อสักครู่ที่อยู่บนกำแพง องครักษ์ลับแต่ละคนซุกซ่อนตนด้วยความระมัดระวังกว่าปกติ เพียงแค่มีลมพัดผ่านก็ถูกพบได้อย่างแน่นอน
ต่อให้เป็นผู้พิทักษ์ขั้นสูงก็มิอาจหนีรอดจากการซุ่มโจมตีเช่นนี้ได้ ยิ่งมิต้องกล่าวถึงว่าคนจากภายในจะหนีไปข้างนอก
“เจ้าออกไปก่อนเถิด”
กู้ชิวเหลิ่งจำเป็นต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่าจะออกจากจวนฉู่อ๋องนี้ได้อย่างไร ในตอนแรกเป็นเพราะคำเชิญชวนของฉู่อ๋อง ต่อให้นางรู้ได้ถึงสัมผัส และความรู้สึกที่มิดีนัก ทว่าในตอนนั้นสถานการณ์บีบบังคับ ต่อให้นางมิยินยอมก็มิอาจทำสิ่งใดได้ เพราะฉู่สวินตั้งใจจะให้นางเดินทางมาด้วยตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เข่อเอ๋อร์เดินตรงเข้ามากล่าวอย่างช้าๆ ว่า “คุณหนูเจ้าคะ ท่านอ๋องเชิญให้เข้าพบ”
กู้ชิวเหลิ่งหันไปมองดูเข่อเอ๋อร์ เข่อเอ๋อร์น่าจะถูกนางทำร้ายจนหมดสติไปแล้ว นางรู้สึกว่านางลงมือไปมิเบา แต่ว่าสตรีคนนี้กลับฟื้นขึ้นมาได้ในระยะเวลาอันสั้น ช่างเป็นคนมีความสามารถมิเบา
เพื่อร่างนี้แล้ว ฉู่สวินทุ่มเทมิน้อยเลยทีเดียว
“เจ้าจงไปบอกกับเขาว่าข้ามิสบาย และมิอยากเจอใคร”
เข่อเอ๋อร์ยังคงกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านอ๋องได้เชิญราชครูมาด้วย คุณหนูจะมิไปจริงหรือเจ้าคะ”
ราชครูจี้ต้าน ก็คือชายคนที่เดินทางไปพบนางยังแคว้นฉีด้วยตนเอง
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกประหม่าโดยมิรู้ตัว ชายคนนั้นรู้ดีถึงเรื่องราวของร่างนี้ กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกสงสัย ต้องเป็นคนนี้อย่างแน่นอนที่นำวิญญาณของนางมาไว้ยังร่างกายนี้
“ไป ในเมื่อท่านราชครูแห่งแคว้นเป่ยเดินทางมา แน่นอนว่าข้าต้องไป”
“นี่คือเสื้อผ้าที่ท่านอ๋องจัดเตรียมไว้ให้ ล้วนตัดชุดพอดีตัวกับคุณหนู บ่าวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เนื่องจากนี่เป็นชุดของแคว้นเป่ย ดังนั้นคุณหนูโปรดให้บ่าวช่วยแต่งกายให้เถิดเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งมองออกไปด้านนอกพบสาวรับใช้เดินเข้ามาจากทางประตู ทุกคนถือถาดอยู่ในมือ มีทั้งกระโปรงยาวสง่างามรูปไห่ถัง และเครื่องประดับไห่ถัง มองไปดูเรียบง่ายแต่ทุกสิ่งอย่างล้วนประณีตละเอียดอ่อน คาดว่าคงจะใช้แรงมิน้อยทีเดียวในการจัดเตรียม
กู้ชิวเหลิ่งจะชื่นชอบไห่ถัง ดังนั้นนางจึงชื่นชอบเสื้อผ้าที่ทำจากไห่ถัง แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่นางชอบที่สุดก็ยังคงเป็นเยียนหงอันสดใส
บ่าวรับใช้แต่ละคนพากันคุกเข่าเข้ามาด้านในแล้วยกถาดขึ้นสูง โดยมีเข่อเอ๋อร์ กำลังจัดแจงเปลื้องผ้าอย่างเป็นระเบียบ
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยถามว่า “เจ้ารู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชครูกับฉู่สวินหรือไม่”
หลังจากได้ยินชื่อเจ้านายของตนแล้ว เข่อเอ๋อร์จึงก้มหน้าลงกล่าวว่า “ท่านอ๋องและราชครูนับว่าเป็นสหายกัน คุณหนูอย่าได้คาดเดาไปเลย ท่านอ๋องเห็นว่าคุณหนูรีบร้อนอยากจะรู้ถึงตัวตนของตน จึงได้เรียกเขามาเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งครุ่นคิด เหตุใดฉู่สวินจึงจะบอกถึงเรื่องตัวตนของนางให้ง่ายดายเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
กู้ชิวเหลิ่งมิรู้ว่าจะพูดอย่างไรดี หัวใจของนางสั่นคลอนเกรงว่าจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น
อีกด้านหนึ่ง เซียวอวิ๋นเซิงที่มิรู้เรื่องรู้ราวใด เสวียนอีได้จัดเก็บของจากในห้องของเขาแล้วโยกย้ายออกไปกล่าวว่า “ท่านอ๋องได้บอกว่า ทางต้าเยียนมีจดหมายมามากมาย เรียกร้องให้ท่านเซียวโหวเย๋น้อยเดินทางกลับไป และท่านอ๋องก็มิรู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร เห็นแก่หน้าของฮ่องเต้เยียน ดังนั้นจึงได้สั่งให้ข้าน้อยช่วยจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ของท่านโหวเย๋น้อยและออกเดินทางในทันที”
เซียวอวิ๋นเซิงมองดูสัมภาระของตนที่ถูกย้ายออกมาทีละใบ ราวกับว่าเขาถูกไล่ออกจากบ้าน จึงอดมิได้แล้วตะโกนกล่าวว่า “นี่พวกเจ้า หยุดบัดเดี๋ยวนี้! ไอ้เจ้าฉู่สวินอยู่ที่ไหนกัน ข้าจะไปถามเขาด้วยตนเอง เหตุใดจู่ๆ จึงได้กระทำกับข้าเช่นนี้? แม่สาวนั่นเดินทางมายังมิถึงครึ่งวันก็จะขับไล่ฆ่าไปแล้ว ข้ามิยอม”
เสวียนอีกล่าวขึ้นอย่างมิรีบร้อนว่า “เซียวโหวเย๋น้อย ทางต้าเยียนนั้นเร่งเร้ามาจริงๆ ท่านอ๋องมิรู้จะทำเยี่ยงไรแล้ว เพื่อมิให้เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ท่านอ๋อง เซียวโหวเย๋น้อยได้โปรดทำตามนั้นเถิด”
จู่ๆ เซียวอวิ๋นเซิงก็นึกถึงกู้ชิวเหลิ่งขึ้นมาได้ เขาหลอกนางว่าวันมะรืนนี้จะเป็นวันเกิดนาง อีกทั้งยังบอกว่าจะจัดงานวันเกิดให้ แม้ตอนอยู่ต่อหน้านางเขาจะแสร้งทำเป็นมิใส่ใจ แต่แท้จริงแล้วเขาได้จัดเตรียมของขวัญวันเกิดไว้ยังมิทันมอบให้แก่นางเลย อีกทั้งเขาตั้งใจจะบอกกับกู้ชิวเหลิ่งว่าวันเกิดของนางที่แท้จริงนั้นเป็นวันที่10เดือน8 มิใช่วันที่3เดือน9
ยังมิทันรอให้เซียวอวิ๋นเซิงได้กล่าวสิ่งใดออกมา เขาก็ถูกเสวียนอีลากตัวออกไปแล้ว
เมื่อตอนที่ประตูจวนฉู่อ๋องปิดลง เซียวอวิ๋นเซิงก็รู้ดีว่าเขามิอาจเข้าไปได้อีก
คนขับรถม้าคือคนที่ฉู่สวินตั้งใจจัดเตรียมไว้ให้เขาและเป็นองครักษ์ลับ เซียวอวิ๋นเซิงจึงทำได้เพียงขึ้นนั่งบนรถม้าอย่างมิเต็มใจ เขารู้ดีว่าตนมิอาจเอาชนะฉู่สวินได้ และครั้งนี้เมื่อเดินทางกลับไปยังต้าเยียน เขาสามารถพักผ่อนอยู่ที่นั่นสักสองสามวันแล้วค่อยกลับมาแคว้นเป่ยอีกก็ได้
เขารู้สึกว่าฉู่สวินมีเรื่องบางอย่างที่ปิดบังเขา และยังเกี่ยวข้องกันกับเรื่องของกู้ชิวเหลิ่ง
ส่วนด้านของกู้ชิวเหลิ่งที่ปฏิบัติต่อเขาก็ดูเหมือนมีความลับเสมอมา เขามองออก ครั้งนี้ที่กู้ชิวเหลิ่งเดินทางมาแคว้นเป่ย คาดว่าคงมีธุระต้องจัดการกับฉู่สวิน มิอย่างนั้นนางคงมิเดินทางมาโดยที่มิพาอวี้ฉือจ้านมาด้วยแน่
กู้ชิวเหลิ่งก้าวเข้าไปในห้องหนังสือของฉู่สวิน พบกับชายที่สวมหน้ากากครึ่งหนึ่งคนนั้น
น้ำเสียงของกู้ชิวเหลิ่งดูเย็นชาลงกล่าวว่า “ราชครูและท่านอ๋องรู้จักกันก่อนหน้าแล้ว เหตุใดจึงต้องเสแสร้งเมื่ออยู่ในแคว้นฉี”
ท่าทางของจี้ต้าน ดุจเช่นเซียนอมตะ มิอาจจินตนาการได้เลยว่าใบหน้าใต้หน้ากากนั้นเป็นเช่นไร “ข้ามิเคยเสแสร้ง แต่ข้านั้นเล่าความจริงทุกประการให้แก่จวิ้นจู่ฟัง ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่ตัดสินใจเดินทางมาแคว้นเป่ยก็คือท่านเอง มิใช่ข้า”
“จงเรียกข้าว่าคุณหนูกู้เถิด ดูเหมือนว่าฉู่อ๋องจะมิค่อยชื่นชอบตัวตนของข้าที่เป็นจวิ้นจู่เท่าไรนัก”
กู้ชิวเหลิ่งสัมผัสได้ว่าฉู่สวินมิพึงพอใจเป็นอย่างมากกับสถานะตัวตนที่เป็นจวิ้นจู่ของต้าเยียน นับตั้งแต่แรก นางก็พยายามอยากจะหลบเลี่ยง ใครก็ตามที่พบนางล้วนเรียกนางว่าจวิ้นจู่ หรือบางทีก็เรียกนางว่าพระราชชายาเซ่อเจิ้งหวาง ส่วนฉู่สวินส่งคนไปแอบสืบนางอยู่ลับๆ เขาจะมิรู้ตัวตนของนางได้อย่างไร
การที่ฉู่สวินมิยินดีเรียกนางว่าพระชายาเซ่อเจิ้งหวางนั้นก็คงจะมีเหตุผลของเขา เพราะว่าร่างนี้มีความสัมพันธ์เป็นคู่หมั้นคู่หมายกับฉู่สวิน แต่การที่มิเรียกนางว่าเป็นจวิ้นจู่ ก็ดูไร้เหตุผลไปหน่อย
จี้ต้านเหลือบมองไปดูฉู่สวิน ฉู่สวินได้แต่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ก็เป็นเพียงแค่ชื่อเรียกเท่านั้น แต่การที่คุณหนูกู้เดินไปรอบๆ ปรากฏกายในจวน หากมีคนนำข่าวที่ว่าคุณหนูอยู่ในจวนฉู่อ๋องเล็ดลอดออกไปละก็ เมื่อถึงเวลานั้นอวี้ฉือจ้านเดินทางมา……”
“เจ้าจะยอมปล่อยให้อวี้ฉือจ้านมาหรือ? หากในตอนแรกข้าพอจะมีความหวังคิดว่าสามารถออกจากจวนฉู่อ๋องได้ เช่นนั้นบัดนี้ข้าได้ละทิ้งความคิดนั้นไปแล้ว หากข้าออกไปมิได้ คาดว่าเจ้าก็คงมิปล่อยให้อวี้ฉือจ้านมาด้วยเช่นกัน”