ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 259 โหลวเว่ยเหิง
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นเด็กกำพร้าจากสมัยก่อนราชวงศ์ต้าเยียน เหตุใดจึงมีความสัมพันธ์กับหยูจิ่นเหนียง? นอกจากนั้นฉู่สวินถึงกับเรียกว่าจิ่นเหนียงกูกู ถ้าเช่นนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกู้ชิวเหลิ่งเป็นพี่น้องฝั่งมารดากันหรือ?
กู้ชิวเหลิ่งได้ยินจนถึงตรงนี้จึงสังเกตได้ว่าเรื่องนี้มิชอบมาพากล ฉู่สวินบอกฐานะที่ชัดเจนของนางเช่นนี้ ยิ่งกลับทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวกว่าถูกขังเสียอีก
ฉู่สวินกล่าวว่า “หยูจิ่นเหนียง? นั่นเป็นชื่อปลอมที่ใช้เพื่อให้มีชีวิตรอดในราชวงศ์ต้าเยียน จิ่นกูกูเป็นองค์หญิงใหญ่ของแคว้นเป่ย หยูจิ่นองค์หญิงใหญ่”
กู้ชิวเหลิ่งลุกขึ้นยืน คิ้วขมวดพร้อมเอ่ยถาม “เจ้าบอกเรื่องเหล่านี้แก่ข้า เจ้ามีแผนใดกันแน่? ”
ฉู่สวินยิ้มหวานหยดย้อยกล่าวว่า “เพราะเจ้าอยากรู้ ข้าจึงบอกเจ้า เหตุใดเจ้ายังสงสัยข้าว่าจะทำอะไรเล่า? ”
“เจ้าอย่าทำมาแกล้งโง่หน่อยเลย! ”
เดิมทีฉู่สวินต้องการที่จะกำจัดจิตใต้สำนึกของนางทิ้งไป เพราะมีเพียงแค่หลังจากที่จิตใต้สำนึกของนางหายไป จิตใต้สำนึกของกู้ชิวเหลิ่งจึงจะกลับมา
จี้ต้านยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “อย่าได้ตื่นตระหนกไป เรามานั่งคุยกันดีกว่า ”
ฉู่สวินกล่าวว่า “จิตใต้สำนึกของเหิงเอ๋อร์มิครบถ้วน ข้ามิได้ตั้งใจที่จะกำจัดจิตใต้สำนึกของเจ้าไปทั้งหมด ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะจำอวี้ฉือจ้านมิได้อีกเลย ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ? ”
กู้ชิวเหลิ่งได้สติแล้วถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาของจี้ต้านกับฉู่สวินดูเย็นชา
ฉู่สวินลุกขึ้นยืนค่อยๆ เดินผ่านกู้ชิวเหลิ่งไปกล่าวว่า “หยูจิ่นกูกูตั้งครรภ์ก่อนอภิเษกสมรส ฮ่องเต้กับหยูจิ่นกูกูเป็นพี่น้องกัน แต่เรื่องก็ยังคงเป็นข่าวฉาวต่อราชวงศ์ ไหนยังจะในตอนนั้นแม่ทัพเถ่ยจี้แห่งแคว้นเป่ยเป็นคู่หมั้นของหยูจิ่นกูกู ฮ่องเต้จึงโกหกว่าหยูจิ่นกูกูเสียชีวิตเพราะป่วย จากนั้นส่งหยูจิ่นกูกูไปยังต้าเยียน ระหว่างทางเกิดเรื่องมิคาดฝันขึ้น ต้าเยียนเกิดกบฏ ภายในยุ่งเหยิง เป็นการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ จากนั้นเป็นต้นมาหยูจิ่นกูกูจึงขาดการติดต่อกับแคว้นเป่ย ส่วนมารดาของข้า คือฮองเฮาของราชวงศ์ก่อนต้าเยียน เป็นพี่น้องกับหยูจิ่นกูกู นับแต่เสด็จพ่อกับเสด็จแม่จากไป เหลือไว้เพียงองครักษ์ลับกับขุนนางบางส่วน ถึงข้าจะอายุน้อย ถูกขังไว้ในราชวงศ์ต้าเยียน ตั้งแต่นั้นมาก็มิมีคนมาก่อกวนข้า ดังนั้นฮ่องเต้ของต้าเยียนองค์ก่อนจึงส่งข้าไปเป็นองค์ชายตัวประกันแห่งแคว้นเป่ย ส่วนหยูจิ่นกูกูฉลาดหลักแหลม กู้หนานเฉิงในตอนนั้นอำนาจและอิทธิพลใหญ่โต ถึงแม้หยูจิ่นกูกูตอนอยู่ในจวนกู้จะเป็นอี๋เหนียง กลับเก็บรักษาชีวิตของเหิงเอ๋อร์ไว้ได้ ทำให้คู่หมั้นแคว้นเป่ยในตอนนั้นหานางมิพบ ”
“เช่นนั้นคนรักขององค์หญิงหยูจิ่นในตอนนั้นคือใคร? ”
จี้ต้านกล่าวว่า “นั่นคืออาจารย์ของข้าเอง และก็เป็นราชครูคนก่อนแห่งแคว้นเป่ยโหลวเย่นเฟิง”
“บัดนี้เจ้าก็รู้ทุกสิ่งอย่างแล้วถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะทำผิดต่อเจ้าไว้ โปรดอภัยให้กับความเห็นแก่ตัวของข้า เจ้าอยู่ในร่างของเหิงเอ๋อร์นานเช่นนี้ เวลาที่ขโมยมา อย่างไรเสียก็ต้องคืนกลับไป”
จู่ๆ กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกว่าขยับร่างมิได้ เหมือนกับโดนบางอย่างมัดไว้ ในตอนที่จี้ต้านเดินผ่านนางไป ห้องเงียบสงัดเหลือเกิน
อวี้ฉือจ้านรีบเร่งมาถึงเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ยราวกับเหาะได้ แต่นั่นก็ผ่านไปสามวันหลังจากนั้นแล้ว
ตลอดทางแทบมิได้พักเลย ต่อให้เป็นจีเฟิงก็คงแบกรับมิไหวจึงกล่าวถามว่า “ท่านอ๋อง เราควรหยุดพักผ่อนก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
“ป้ายหยกล่ะ?”
จีเฟิงหยิบมันออกมา อวี้ฉือจ้านมองดูครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เจ้านำป้ายหยกนี้ไปพักผ่อนที่ตำหนักฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยก่อน แคว้นเป่ยกับต้าเยียนต่างคนต่างอยู่ แต่ความสัมพันธ์ถือว่าสนิทสนมกัน ราชวงศ์แห่งแคว้นเป่ยมิทำให้ข้าต้องลำบากใจง่ายๆ เสียหรอก”
“แล้ว……แล้วท่านอ๋องเล่า? ”
ระหว่างทางนี้จีเฟิงถือว่าได้พักบ้างแล้ว แต่เจ้านายตนกลับมิได้พักเลยสักนิด หากมิเห็นว่าแรงของเขามิไหว มิเช่นนั้นเจ้านายคงเร่งไปอย่างสง่าผ่าเผยแล้ว
นับตั้งแต่ที่ตื่นขึ้น ณ ตำหนักแคว้นฉี เขาพบว่าบนเตียงมิมีเงาของกู้ชิวเหลิ่ง ในใจก็มีลางสังหรณ์มิค่อยดีนัก แต่เขามิเคยหลับลึกเช่นนี้มาก่อน นอกจากกู้ชิวเหลิ่ง คนข้างๆ มิมีโอกาสที่จะเข้าใกล้อาหารและเครื่องดื่มของเขา น่าจะต้องเจอเรื่องอะไรสักอย่าง กู้ชิวเหลิ่งจึงทำกับเขาเช่นนี้
ตอนที่รีบออกจากแคว้นฉี คำพูดของจวินหวาเทียนที่พูดข้างหูเหล่านั้น ทำให้เขารู้สึกมิสบายใจเสียจริงด้วย
เขารู้แต่แรกแล้วว่ากู้ชิวเหลิ่งมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับแคว้นเป่ย แต่กลับมิรู้รายละเอียดแน่ชัด
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อวี้ฉือจ้านรับรู้ได้ถึงความผิดพลาดและหมดหนทาง
จีเฟิงกล่าวอยู่ข้างๆ ว่า “ท่านอ๋อง พวกเราขอออกตามหาพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
อวี้ฉือจ้านกล่าวอย่างเย็นชาว่า “นำสัมภาระทั้งหมดของพวกเราจัดเก็บให้เรียบร้อย ข้าจะไปออกไปตามหาเอง นี่เป็นคำสั่ง ”
จีเฟิงลังเลอยู่สักพักและกล่าวว่า “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งขอรับ”
อวี้ฉือจ้านลงจากหลังม้าส่งให้กับจีเฟิง พื้นที่ของเมืองหลวงแห่งแคว้นเป่ยใหญ่เหลือเกิน สิ่งเดียวที่เขาแน่ใจก็คือกู้ชิวเหลิ่งอยู่เมืองหลวงของแคว้นเป่ย แต่ว่าตรงไหนนั้นเขามิรู้
ต่อให้ไล่เรียงไปทีละบ้าน เขาก็จำเป็นต้องหากู้ชิวเหลิ่งจนเจอ
“บุปผาขึ้นชื่อ สตรีงามล่มเมือง รอยยิ้มจวิ้นจู่งงดงามจนตราตรึง”
ณ โรงน้ำชาด้านบน อวี้ฉือจ้านได้ยินเสียงปรบมือดังลั่น เดิมทีเขาเลือกที่จะมิไปฟัง แต่ในตอนที่ได้ยินมีคนถูกเรียกว่าจวิ้นจู่ เขาก็ถึงกับตกตะลึง
“เข่อเอ๋อร์ไปดูว่าสวินเกอเกอมาแล้วหรือยัง?”
น้ำเสียงของเขาทั้งเย็นชาทั้งงดงาม อวี้ฉือจ้านเงยหน้าขึ้นเห็นเพียงสตรีสวมชุดกี่เพ้ายาวสีแดงเข้มนางหนึ่ง เอนตัวพิงราวจับโรงน้ำชาอย่างเกียจคร้าน แม้ว่าใบหน้านั้นจะแต่งแต้มอย่างงามเพริศพริ้ง อวี้ฉือจ้านก็จำได้ในทันทีว่าเป็นกู้ชิวเหลิ่งอย่างมิต้องสงสัย
“เหลิ่งเอ๋อร์! ”
โหลวเว่ยเหิงถูกคำพูดนี้ดึงความคิดกลับไป ในจังหวะที่ก้มหน้านั้นได้เห็นใบหน้าตื่นตระหนกของอวี้ฉือจ้าน
แม้ว่าจะมีใบหน้าที่เคร่งขรึมแข็งแกร่ง แต่สำหรับโหลวเว่ยเหิงแล้วมิได้รู้สึกแปลกใหม่อะไร
อวี้ฉือจ้านมองโหลวเว่ยเหิงอย่างมิน่าเชื่อ เห็นชัดว่าหน้าตาเหมือนกู้ชิวเหลิ่งอย่างกับแกะ ระหว่างที่ยกมือขึ้นยังมีเงาของกู้ชิวเหลิ่ง ทว่าสีหน้ากลับมิเหมือนกัน
ราวกับว่าจำเขามิได้ แต่เมื่อสักครู่นี้เห็นปากของโหลวเว่ยเหิงกล่าวถึง “สวินเกอเกอ” คงเป็นฉู่สวิน องค์ชายตัวประกันแห่งแคว้นเป่ย
อวี้ฉือจ้านมิกล้าทำล่าช้า รีบเดินขึ้นไปชั้นสอง จึงพบว่าชั้นสองเต็มไปด้วยชายหนุ่ม พวกเขาเหล่านั้นใช้สายตาต่างๆ นานา มองโหลวเว่ยเหิง ราวกับว่ากำลังมองสิ่งของล้ำค่า
อวี้ฉือจ้านขมวดคิ้ว ในจังหวะนี้เองมีเสียงดังจากชั้นล่าง เขาได้ยินชัดเจนว่าคนที่มาคือฉู่สวิน
มุมปากของโหลวเว่ยเหิงเผยรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับดอกไม้กำลังผลิบาน ผู้คนทั้งหลายต่างถูกรอยยิ้มของโหลวเว่ยเหิงดึงดูดไป
“ใครก็ได้เข้ามาจัดการสถานที่หน่อย”
ฉู่สวินผ่านอวี้ฉือจ้านไปอย่างหน้าตาเฉย เหมือนกับมิรู้ว่าอวี้ฉือจ้านเป็นใคร แต่มีรอยยิ้มอยู่ในมุมตา
แค่ประโยคเดียวว่าให้จัดการสถานที่ ผู้คนต่างเดินหลีกกันออกไปเกรงว่าจะถูกฉู่สวินจัดการ
โหลวเว่ยเหิงมิได้หันมองฉู่สวิน แต่มองไปนอกหน้าต่างกล่าวว่า “ผู้คนถูกท่านไล่ออกไปหมดแล้ว ใครจะเขียนบทกวีให้ข้าฟัง?”
ฉู่สวินนวดศีรษะของโหลวเว่ยเหิงอย่างเบามือกล่าวว่า “เจ้าโทษว่าข้ามาช้าหรือ?”
“ข้ากล้าหรือ?”
ใบหน้าของโหลวเว่ยเหิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อวี้ฉือจ้านอกสั่นขวัญหาย