ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 26 เติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 26 เติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟ
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยเรื่องความฉลาดและเด็ดขาดของกู้หนานเฉิง ยังแอบบอกกู้หนานเฉิงเป็นนัยๆว่า กู้ชิวเซียงจะใช้การตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางกับฮูหยินใหญ่ว่าถูกใส่ร้าย
เมื่อกู้หนานเฉิงได้ยินคำนี้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย แล้วก็ตบเข้าที่ใบหน้าด้านซ้ายของกู้ชิวเซียง แก้มทางสองข้างของกู้ชิวเซียงมีแต่รอยแดง บวมแดงมาก หน้าซีดเผือดเหมือนกับฮูหยินใหญ่น่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้
กู้ชิวเหลิ่งจ้องมองเงียบๆอยู่ด้านข้าง ความโกรธของกู้หนานเฉิงมันมากเกินกว่าที่กู้ชิวเหลิ่งคิดเอาไว้ คาดว่าคงเป็นเพราะอี๋เหนียงสามผู้นี้เป็นหญิงงามที่ไม่เหมือนกับคนทั่วไป ไม่เช่นนั้นจะได้รับความคิดถึงที่มากมายขนาดนี้ของกู้หนานเฉิงทั้งที่นางได้ตายไปแล้วได้อย่างไร?
เพื่ออี๋เหนียงสามแล้วกู้หนานเฉิงไม่ลังเลที่จะปฏิบัติรุนแรงต่อภรรยาและบุตรสาวของเขา ในสายตาของกู้ชิวเหลิ่งมีรอยยิ้มจางๆ เป็นเช่นนี้ก็ดี มันจะยิ่งมีประโยชน์กับนางในอนาคต
แต่ความสงสัยลึกๆก็ได้ประทับอยู่หัวสมองของกู้ชิวเหลิ่งอีกครั้ง ในเมื่ออี๋เหนียงสามได้รับความรักจากกู้หนานเฉิงมากขนาดนี้ เช่นนั้นแม้ว่าร่างๆนี้จะเป็นเพียงบุตรีของอนุ ก็ควรจะได้รับความรักจากกู้หนานเฉิง แต่ความเป็นจริงกู้หนานเฉิงกลับปล่อยปละละเลยไม่สนใจกู้ชิวเหลิ่งเป็นเวลานานถึงสิบปี สิ่งนี้ทำให้คนคิดไม่ออกจริงๆ
และในตอนที่กู้ชิวเหลิ่งกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น กู้หนานเฉิงก็ได้โกรธขึ้นมาอย่างฮึดฮัดแล้วกล่าวขึ้นว่า:”เด็กๆ! พาตัวฮูหยินใหญ่กลับเรือน! หากไม่มีคำอนุญาตของข้า ห้ามออกจากห้องแม้แต่ก้าวเดียว!”
ร่างกายของฮูหยินใหญ่อ่อนแรงจนนั่งอยู่กับพื้น เป็นสามีภรรยาร่วมกันมาสิบกว่าปี ความสัมพันธ์ปรองดองกันมาตลอด แม้ว่าจะมีบางครั้งที่ทำให้กู้หนานเฉิงไม่พอใจ แต่เนื่องด้วยเรื่องของตระกูลฉินกับกู้ชิวถาง กู้หนานเฉิงจึงไม่เคยลงโทษนาง การกักบริเวณก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องของอี๋เหนียงสามในครั้งนี้ เป็นการสัมผัสเข้าที่จุดอ่อนของกู้หนานเฉิง ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้
กู้ชิวเซียงกุมหน้าครึ่งหนึ่งเอาไว้ ร้องไห้และกล่าวว่า:”ท่านพ่อ! ท่านจะกักบริเวณท่านแม่ไม่ได้! ท่านไม่ไว้หน้าท่านแม่ต่อหน้าคนรับใช้เลยแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้วต่อไปจะให้ท่านแม่จัดการดูแลเรื่องในจวนอีกได้อย่างไร? นางเป็นฮูหยินใหญ่ของจวนโหวนะเจ้าคะ!”
กู้หนานเฉิงมองดูกู้ชิวเซียงด้วยสายตาเย็นชา กล่าวด้วยเสียงนิ่งๆว่า:”ข้ายังไม่ได้จัดการกับเจ้า! ข้าไม่สนใจว่าเมื่อก่อนเจ้าจะคิดอย่างไร บุตรสาวของข้ากู้หนานเฉิงจะต้องไม่ใช่หญิงสาวที่ไปยั่วยวนคู่หมั้นของน้องสาวตัวเอง! เจ้าจะให้ข้าเอาหน้าใบนี้ไปมุดไว้ที่ใด! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากไม่มีคำอนุญาตของข้า เจ้าห้ามเข้าใกล้ท่านอ๋องหกอีก! ได้ยินหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งที่อยู่ข้างๆกล่าวขึ้นมาว่า:”ท่านพ่อเองก็อย่าได้โกรธมากเกินไป พี่ใหญ่กับท่านอ๋องหกทั้งสองคนมีใจให้กัน ก่อนนี้เป็นข้าที่คิดเข้าข้างตัวเอง ตอนนี้เรื่องงานแต่งของข้ากับท่านอ๋องหกก็ได้ถูกถอนไปแล้ว ข้าหวังว่าท่านพ่อจะทำให้พี่ใหญ่กับท่านอ๋องหกได้สมปรารถนา……หากต่อไปท่านพ่อไม่อนุญาตให้พี่ใหญ่กับท่านอ๋องหกได้พบหน้ากัน ข้ากลัวจริงๆว่าท่านอ๋องหกเขาจะ……”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้พูดต่อ ก่อนหน้านี้เรื่องที่อวี่เหวินหวายพุ่งเข้ามาในจวนโหวเพื่อทุบตีนางได้ก่อให้เกิดความโกลาหลมาแล้ว ผู้คนข้างนอกต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าอวี่เหวินหวายลงมือกับนางเพราะปกป้องกู้ชิวเซียง ข่าวลือดังกล่าวมีมากจนนับไม่ถ้วน ไม่ว่ารูปแบบใดก็มี กู้หนานเฉิงเองก็ได้ยินมาบ้างแล้ว
ตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งเตือนเขาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้สีหน้าของกู้หนานเฉิงค่อยๆเย็นลง กล่าวกับกู้ชิวเซียงอย่างเย็นชาว่า:”บุตรสาวของกู้หนานเฉิงแม้จะเกิดจากสนม แต่ก็ไม่สามารถถูกผู้อื่นรังแกได้! ส่วนเซียงเอ๋อร์ ข้าไม่สนใจว่าแม่ของเจ้าจะพูดกับเจ้าอย่างไร แต่บุตรสาวของข้ากู้หนานเฉิง ห้ามทำเรื่องที่จะให้ตระกูลอับอายขายหน้าเด็ดขาด! ในช่วงระยะเวลาก่อนจะถึงงานเลี้ยงแห่งแคว้นนี้เจ้าก็อยู่แต่ในเรือนของเจ้าซะ ไม่ว่าใครก็ห้ามมาเยี่ยม หากเจ้ายังมีความคิดที่ไม่ถูกต้องกับท่านอ๋องหกอีก ก็อย่าโทษข้าจัดงานแต่งงานให้เร็วๆ!”
สีหน้าของกู้ชิวเซียงซีดเซียว คุกเข่าลงไปบนพื้น
“นำของดูต่างหน้าทั้งหมดของอี๋เหนียงสามเก็บเอาไว้ให้ดี ย้ายไปไว้ที่เรือนของคุณหนูรอง ห้ามมีข้อบกพร่องใดๆทั้งสิ้น!”
กู้หนานเฉิงเดินอ้อมกู้ชิวเซียงสะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป ไม่มีท่าทางจะไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่ข้างกายกู้ชิวเซียง กล่าวเสียงเบาว่า:”ใบหน้านี้ของพี่ใหญ่ทิ้งรอยแดงไว้ขนาดนี้ ไม่รู้ว่าจะหายทันก่อนงานเลี้ยงหรือไม่? ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าท่านพ่อจะลงมือหนักขนาดนี้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
กู้ชิวเซียงชี้ไปที่กู้ชิวเหลิ่ง กล่าวอย่างโมโหว่า:”เป็นเจ้า! เจ้าใช้กล……”
“ชู่ว์! หากพี่ใหญ่ยังพูดจาเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ต่อไป มันจะไม่จบเพียงแค่การกักบริเวณง่ายๆเช่นนี้”
กู้ชิวเหลิ่งมองกู้ชิวเซียงอย่างไม่หักห้ามเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคู่นั้นลึกราวกับบ่อน้ำอันลึกลับ เป็นรอยยิ้มที่พกความเย็นชาเอาไว้
กู้ชิวเซียงนั่งอยู่คนเดียวบนพื้นภายในห้อง ในห้องรกมาก นางถูกสายตาของกู้ชิวเหลิ่งมองจนในใจหนาวสั่น แม้กู้ชิวเหลิ่งจะจากไปเป็นเวลานานแล้ว นางก็ยังคงจำสายตาคู่นั้นได้ สายตาคู่นั้นที่ราวกับกำลังมองคนตาย
ภาพสาวงามล้มเมืองตกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง กู้ชิวเซียงเหมือนได้เห็นที่พึ่งของตนเอง ในดวงตาของนางเปล่งแสงเย็นชา กู้ชิวเหลิ่งนับประสาอะไร? เป็นหญิงใบ้มานับสิบปี น่าเกลียดราวกับกบที่อยู่ใต้ดิน นางไม่สามารถไปงานเลี้ยงแห่งแคว้นได้ และหญิงสาวเพียงคนเดียวที่จะได้รับชัยชนะในงานเลี้ยงแห่งแคว้นได้มีเพียงแค่กู้ชิวเซียง!
กู้ชิวเซียงกุมหน้าที่ปวดของตัวเองเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งกำภาพวาดเอาไว้แน่น กล่าวอย่างเคียดแค้นว่า:”กู้ชิวเหลิ่ง เจ้ารอดูเถิด! ความอัปยศในวันนี้ข้าจะให้เจ้าจำมันไว้ในใจ! สักวันหนึ่งข้าจะมองดูเจ้าคุกเข่าขอร้องตรงหน้าข้า!”
จูเอ๋อร์เดินตามหลังกู้ชิวเหลิ่งอย่างระมัดระวัง เอ่ยถามขึ้น:”คุณหนู วันนี้นายท่านโมโหมากถึงเพียงนี้ ทั้งหมดเป็นแผนที่คุณหนูวางไว้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งตอบกลับอย่างไม่มีการหลีกเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย:”ใช่มันจะยังไง? ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกเขาหาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น ข้าเพียงชักนำ เติมน้ำมันเข้ากองไฟก็เท่านั้น”
จูเอ๋อร์กล่าว:”บ่าวยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีเจ้าค่ะ”
“เจ้าคิดว่ากู้ชิวเซียงกับฮูหยินใหญ่ดีต่อเราหรือไม่?”
จูเอ๋อร์พยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า:”พวกเขาต่างชมว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนที่ดีมาก ไม่เพียงแต่งดงาม จิตใจดีเหมือนกัน แต่วันนี้บ่าวกลับรู้สึกว่าคุณหนูใหญ่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เหมือนกับคุณหนูใหญ่ที่เคยคิดเอาไว้”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวนิ่งๆ:”เคยได้ยินคำว่าหญิงงามใจงูพิษหรือไม่?”
จูเอ๋อร์กล่าว:”คุณหนูกำลังพูดถึงคุณหนูใหญ่อยู่หรือเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเย็นแล้วกล่าวว่า:”นางหรือ? เจ้าผิดแล้ว คนที่ข้าพูดถึงไม่ใช่นาง”
“หือ?”
หญิงงามใจงูพิษหากใช้มันบนตัวของกู้ชิวเซียงเช่นนั้นคงจะเป็นการขี่ช้างจับตั๊กแตนแล้วล่ะ กู้ชิวเซียงเป็นเพียงแค่พุ่มหญ้าที่ห่อหุ้มผิวหนังอันงดงามเอาไว้ก็เท่านั้น หญิงงามใจงูพิษตัวจริง คือมู่หรงอี๋
เพียงแค่คิดว่ามู่หรงอี๋ทำตัวเสแสร้งอยู่ใต้จมูกของนางมานานกว่าสิบปี กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกหนาวสั่นในใจ เดิมทีพ่อของนางรักท่านแม่เพียงคนเดียว ส่วนหลิ่วอี๋เหนียงแม่ผู้ให้กำเนิดมู่หรงอี๋ก็เป็นเพียงแค่หญิงนางโลมก็เท่านั้น นางใช้โอกาสตอนที่ท่านพ่อสู้รบกลับมา วางยาในเหล้าของท่านพ่อ ถึงได้มีตำแหน่งอี๋เหนียง
เดิมทีท่านพ่อไม่ชอบหลิ่วอี๋เหนียงมาตลอด แต่เพราะหลิ่วอี๋เหนียงตั้งท้อง บุตรีของอนุที่เกิดออกมาเพราะความไม่ตั้งใจ มู่หรงอี๋เชื่อมสัมพันธไมตรีกับทุกคนอย่างระมัดระวัง แม้แต่ท่านแม่ที่มีปมในใจมาตลอดท้ายที่สุดแล้วก็ยอมรับมู่หรงอี๋ เห็นได้ชัดว่ามู่หรงอี๋ใช้ความพยายามอย่างมาก เดิมทีท่านพ่อทำตัวห่างเหินกับมู่หรงอี๋และหลิ่วอี๋เหนียงมาตลอดเพราะท่านแม่ แต่เพราะทุกการเคลื่อนไหวของมู่หรงอี๋ ทำให้ท่านพ่อค่อยๆรู้สึกสงสารและรู้สึกผิดขึ้นมา