ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 261 แทงเข้าไปที่ไหล่
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 261 แทงเข้าไปที่ไหล่
“ตอนนี้ข้ายัง ไม่อยาก”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวออกมาโดยไม่อ้อมค้อม
ฉู่สวินเพียงแค่ยิ้มออกมา ไม่ได้คิดจะพูดอะไรแล้ว
ในคืนนี้ โหลวเว่ยเหิงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ไม่รู้ว่าทำไม นางถึงกับใส่มีดสั้นเข้าไปในแขนเสื้อเล่มหนึ่งโดยสัญชาตญาณ แล้วก็ล้อมกระดิ่งเอาไว้ข้างเตียงหลายเส้น เหมือนกับว่าในอดีตตัวเองก็จะทำเช่นนี้
เข่อเอ๋อร์ยกน้ำร้อนเข้ามา สายตาโหลวเว่ยเหิงเปลี่ยนเป็นมืดมนและเย็นชาทันที: “ใครใช้ให้เจ้าเข้ามากัน! ออกไป!”
เข่อเอ๋อร์ถูกโหลวเว่ยเหิงทำให้สะดุ้งตกใจ ในตอนที่เห็นกระดิ่งที่ล้อมอยู่ข้างเตียง ก็คุกเข่าลงไปบนพื้นทันที กล่าวว่า: “บ่าวไม่ได้ตั้งใจ บ่าวแค่จะยกน้ำร้อนเข้ามาเท่านั้น บ่าวจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
โหลวเว่ยเหิงก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องโกรธมากมายขนาดนี้ด้วย เพียงแต่รู้สึกว่าไม่ชอบให้คนอื่นมารบกวนในเวลานี้เท่านั้น และโหลวเว่ยเหิงมองไปที่กระดิ่งที่ล้อมอยู่ข้างเตียง ท้ายที่สุดก็เอากระดิ่งลงมา
ที่นี่คือจวนอ๋องฉู่ ใครจะสามารถบุกเข้ามาได้ล่ะ? บางทีนางอาจจะระมัดระวังตัวมากเกินไปแล้ว
หน้าประตูมีเสียงเคาะประตูดังมา โหลวเว่ยเหิงเก็บซ่อนกระดิ่งเอาไว้ กล่าวว่า: “เข้ามา”
ฉู่สวินสวมชุดคลุมสีเงิน เดินเข้ามาใกล้ กล่าวว่า: “เมื่อครู่ได้ยินเสียงจากที่นี่ เกิดอะไรขึ้น?”
โหลวเว่ยเหิงปกปิดสีหน้าท่าทางของตัวเองเอาไว้ กล่าวว่า: “ก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ว่าเข่อเอ๋อร์เข้ามากะทันหันเกินไป ทำให้ข้าตกใจเท่านั้น”
ฉู่สวินยกน้ำร้อนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา วางเอาไว้บนโต๊ะ กล่าวว่า: “หากเข่อเอ๋อร์ทำงานได้ไม่ถูกใจ ก็เปลี่ยนคนเถอะ”
“ไม่ต้องแล้ว”
โหลวเว่ยเหิงสวมเสื้อชั้นในตัวเดียว เวลานี้นั่งอยู่บนเตียงแล้ว กล่าวต่อฉู่สวินว่า: “นี่มันก็ดึกแล้ว ท่านก็ควรจะกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
ฉู่สวินชุบผ้าเช็ดหน้าให้เปียกผืนหนึ่ง เดินไปถึงตรงหน้าของโหลวเว่ยเหิง ตั้งแต่เดินเข้ามาเขาก็สังเกตเห็นแล้วว่าโหลวเว่ยเหิงเปลือยเท้าอยู่ ดังนั้นจึงยกขาทั้งสองข้างของโหลวเว่ยเหิงขึ้นมา กล่าวว่า: “มักจะไม่รู้จักดูแลตัวเองอยู่เสมอเลย”
โหลวเว่ยเหิงหดเท้าทั้งคู่กลับมา กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ: “ข้าจัดการเอง”
ฉู่สวินชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา วางผ้าเช็ดหน้าเอาไว้ในมือของโหลวเว่ยเหิง
ฉู่สวินแตะหน้าผากของโหลวเว่ยเหิงเบาๆ กล่าวว่า: “ดึกมากแล้ว เจ้าพักผ่อนเถอะ”
โหลวเว่ยเหิงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ความคิดไม่ได้อยู่ที่ฉู่สวินนานแล้ว
ตอนที่ฉู่สวินจากไป ดวงตามืดลงเล็กน้อย หลังจากที่ออกจากประตูไป กล่าวต่อเข่อเอ๋อร์ว่า: “เจ้าเฝ้าดูจวิ้นจู่เหิงให้ดี เกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าก็ไม่ต้องปรากฏตัวอีก”
เข่อเอ๋อร์รีบร้อนก้มหน้าลง กล่าวว่า: “ข้าน้อยรับคำสั่ง! ข้าน้อยจะดูแลจวิ้นจู่เหิงอย่างสุดความสามารถ ไม่มีการละเลยแม้แต่น้อยเด็ดขาด”
“จำสิ่งที่เจ้าพูดในคืนนี้ให้ดี หากมีอะไรผิดผลาด……”
“ข้าน้อยมิกล้า!”
หลังจากที่ฉู่สวินจากไปแล้ว เข่อเอ๋อร์ถึงได้ตกใจกลัวจนเหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่าง
ถึงแม้ฉู่สวินจะเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนขนาดนั้นต่อหน้าโหลวเว่ยเหิง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นฉู่สวินล้วนไร้ความปรานีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีเพียงโหลวเว่ยเหิงที่เป็นข้อยกเว้น
เข่อเอ๋อร์กำหมัดเอาไว้แน่น นางถูกฉู่สวินเก็บกลับมาตอนอายุสิบเอ็ด จนถึงตอนนี้ก็ห้าปีแล้ว แต่ว่าฉู่สวินไม่เคยมองนางเลย เดิมทีนางนึกว่าฉู่สวินล้วนปฏิบัติต่อผู้หญิงทุกคนเช่นนี้เหมือนกัน แต่เมื่อโหลวเว่ยเหิงปรากฏตัวขึ้นมา นางถึงได้รู้ว่า คนที่ฉู่สวินชอบอย่างแท้จริง สาเหตุที่หลายปีมานี้ไม่เข้าใกล้ผู้หญิงมาโดยตลอด ก็เพราะผู้หญิงคนนี้
แต่จะทำอย่างไรได้? ตอนนี้โหลวเว่ยเหิงคือจวิ้นจู่ ฐานะสูงส่ง นางก็แค่มือสังหารที่ไม่สะดุดตาเลยแม้แต่น้อยคนหนึ่ง ถึงแม้นางจะเป็นมือสังหารที่มีความสามารถที่สุดของฉู่สวิน แต่ก็มีฐานะเป็นแค่บ่าวรับใช้เท่านั้น แล้วจะไปเทียบกับเจ้านายได้อย่างไรกัน?
ทุกครั้งตอนที่คิดถึงตรงนี้ เข่อเอ๋อร์ก็จะรู้สึกไม่เต็มใจ
กลางดึก โหลวเว่ยเหิงไม่ได้นอนหลับสนิทมาก ถึงแม้จะถอดกระดิ่งออกแล้ว แต่ยังคงรักษาความระมัดระวังตัวเอาไว้
รู้สึกถึงตรงบริเวณข้อมือถูกคนจับเอาไว้ โหลวเว่ยเหิงลืมตาขึ้นมาทันที มีดสั้นเลื่อนลงมาอยู่ในมือจากแขนเสื้อฝั่งขวามือมา แทงไปทางคนคนนั้น
อวี้ฉือจ้านไม่ได้หลบออกไป มีดสั้นเล่มนั้นแทงเข้าไปที่ไหล่เขาอย่างแรง
ตามนิสัยในอดีตของโหลวเว่ยเหิง ข้างเตียงจะจุดเทียนสลัวๆเอาไว้เล่มหนึ่งตลอดทั้งคืน เวลานี้นางเห็นใบหน้าที่อดทนต่อความเจ็บปวดของอวี้ฉือจ้านอย่างชัดเจน
หลังจากที่พบว่าตัวเองแทงมีดสั้นเข้าไปที่ไหล่ของเขาก็รีบดึงมือกลับทันที: “ท่าน……”
“เหลิ่งเอ๋อร์”
สายตาของโหลวเว่ยเหิงหยุดอยู่ที่ไหล่ของอวี้ฉือจ้านตลอด ความจริงเวลานี้นางแค่ตะโกนขึ้นมาคำเดียว ด้านนอกประตูก็จะมีคนพรั่งพรูเข้ามามากมายอย่างแน่นอน นางไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงเลย
แต่ไม่รู้ว่าทำไม สิ่งที่ในใจของนางเป็นห่วงไม่ใช่ความปลอดภัยของตัวเอง แต่เป็นบาดแผลของคนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ร้ายแรงหรือไม่ต่างหาก
“หากท่านไม่ปล่อยข้า ข้าก็จะเรียกคนมา”
ในดวงตาของโหลวเว่ยเหิงไม่มีความอ่อนโยนของกู้ชิวเหลิ่งอีกต่อไป ที่เข้ามาแทนที่คือความมืดมนเย็นชาและความห่างเหิน
อวี้ฉือจ้านกลับไม่สนใจบาดแผลบนไหล่ จูบลงไปอย่างแรง
จูบนี้ ราวกับจะประทับความอ่อนโยนทั้งหมดลงไป โหลวเว่ยเหิงเบิกตากว้าง มองดูอวี้ฉือจ้านที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จูบนี้ดูเหมือนจะคุ้นเคยอย่างมาก
ไม่เพียงแค่จูบเท่านั้น คนก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
โหลวเว่ยเหิงผลักอวี้ฉือจ้านออกไป กล่าวออกมาอย่างเย็นชา: “คิดไม่ถึงว่าเซ่อเจิ้งหวางผู้สง่างามแห่งต้าเยียน……”
“จะบุกรุกห้องส่วนตัวของผู้หญิง?”
โหลวเว่ยเหิงชะงักงันไปครู่หนึ่ง อวี้ฉือจ้านกล่าวว่า: “เหลิ่งเอ๋อร์ เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ? ในอดีตเจ้าเคยพูดแบบเดียวกันนี้กับข้า มากกว่าหนึ่งครั้ง”
โหลวเว่ยเหิงเหมือนจะตอบกลับมาโดยสัญชาตญาณ: “ข้าจำท่านไม่ได้”
“ถ้าหากเจ้าจำข้าไม่ได้ เพราะอะไรเมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามาทำไมเจ้าถึงไม่ร้อง? หรือว่าเจ้าเห็นบาดแผลบนไหล่ข้าแล้ว ก็เลยทำใจแข็งไม่ลง?”
อวี้ฉือจ้านมองดูโหลวเว่ยเหิงอย่างไม่ละสายตา กล่าวว่า: “วันที่ข้ากับเจ้าแต่งงานกัน ข้าเคยให้สัญญาว่า จะอยู่เคียงคู่กันเป็นสามีภรรยาตลอดชีวิต ไม่เปลี่ยนแปลงเด็ดขาด เจ้าก็ลืมไปแล้วหรือ?”
โหลวเว่ยเหิงมองดูเลือดบนไหล่ที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายของอวี้ฉือจ้าน ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วกล่าวว่า: “ท่านเป็นเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน หากข้าร้องขึ้นมาตอนนี้ เซ่อเจิ้งหวางบุกรุกห้องส่วนตัวของคู่หมั้นอ๋องฉู่ จะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงทั้งของท่านและของข้า และฝ่าบาทก็ให้ความสำคัญต่อพี่สวินมาก ข้าร้องขึ้นมาเช่นนี้ จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นเกิดความแตกแยก ท่านคิดว่าข้าจะโง่ขนาดนี้เลยหรือ? ส่วนสิ่งที่ท่านพูดมา ข้าฟังไม่เข้าใจเลยสักคำเดียว เซ่อเจิ้งหวาง เชิญท่านออกไปเดี๋ยวนี้”
อวี้ฉือจ้านไม่เพียงไม่จากไป แต่กลับเข้าใกล้โหลวเว่ยเหิงมากขึ้นเรื่อยๆ: “ความหมายของเจ้าคือ เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น เจ้าจะไม่ไล่ข้าไปหรือ?”
โหลวเว่ยเหิงทำเสียงเย็นชา ไม่เผยท่าทีทำอะไรไม่ถูกอย่างเมื่อครู่นี้อีก: “ใช่ ข้าหมายความเช่นนี้แหละ แต่นั่นก็ต้องให้เซ่อเจิ้งหวางเข้าใจสถานการณ์ด้วย ที่นี่คือสถานที่อะไร? ไม่ใช่ลานหลังของจวนเซ่อเจิ้งหวางท่าน!”
อวี้ฉือจ้านมองดูดวงตาของโหลวเว่ยเหิงคู่นั้น ยังคงคุ้นเคยขนาดนั้น เหมือนกับตอนที่พบนางครั้งแรก สายตาที่ไม่เกรงกลัวอะไรเช่นนั้น
ท้ายที่สุด อวี้ฉือจ้านถึงได้ลดเสียงลง กล่าวว่า: “ได้ เราค่อยพบกันพรุ่งนี้”
ชั่วขณะหนึ่งโหลวเว่ยเหิงไม่รู้ว่าสิ่งที่อวี้ฉือจ้านพูดหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เพียงแต่รู้สึกว่าบนฝ่ามือยังมีเลือดบนไหล่ของอวี้ฉือจ้านหลงเหลืออยู่ รวมไปถึงความอบอุ่นที่หลงเหลืออยู่บนริมฝีปาก