ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 271 ฟื้นคืนความทรงจำ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 271 ฟื้นคืนความทรงจำ
ในวันนี้ โหลวเว่ยเหิงแยกย้ายสาวใช้ที่อยู่รอบข้าง แอบไปที่ตำหนักด้านข้างของอวี้ฉือจ้านคนเดียว
เมิ่งจิ่วเดินทางมาจากต้าเยียนถึงแคว้นเป่ยอย่างเร่งด่วน ยังไม่ทันได้พักหายใจก็ถูกอวี้ฉือจ้านจับตัวมาถึงหน้าโหลวเว่ยเหิงเพื่อตรวจรักษา
เมิ่งจิ่วเดินวนรอบๆโหลวเว่ยเหิงสองรอบ แล้วมองพิจารณาขึ้นลง: “แม่นาง ยังจำได้หรือไม่ว่าข้าคือใคร?”
ตั้งแต่วินาทีแรกที่เมิ่งจิ่วก้าวเข้ามาในเรือน โหลวเว่ยเหิงก็สังเกตเห็นความขุ่นเคืองอย่างลึกซึ้งที่มีต่อนางในดวงตาของเมิ่งจิ่ว โหลวเว่ยเหิงส่ายหน้า กล่าวว่า: “ถ้าหากข้ายังสามารถจำได้ว่าเจ้าคือใคร อวี้ฉือจ้านก็ไม่ให้เจ้ามารักษาข้าแล้ว ที่ข้าพูดถูกต้องไหม?”
เมิ่งจิ่วกล่าวขึ้นมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม: “ตอนนี้เจ้าแค่ต้องรู้ว่าเจ้าเคยติดค้างแมงป่องพิษข้าตัวหนึ่งเท่านั้นก็พอ”
โหลวเว่ยเหิงทำเหมือนไม่ได้ยิน อวี้ฉือจ้านที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า: “เจ้าตรวจดูก่อนว่าเพราะอะไรนางถึงสูญเสียความทรงจำ อย่าพูดให้มากความขนาดนั้น”
เมิ่งจิ่วกล่าวว่า: “ใช้งานเสร็จก็ถีบหัวส่ง ข้าเร่งเดินทางไกลมาจากต้าเยียน มันง่ายหรือ?”
“ข้าสั่งให้จีเฟิงไปดูแลแมงป๋องของเจ้าแล้ว ถ้าหากเจ้ารักษาไม่หาย……ระวังแมงป๋องของเจ้าด้วย”
“……”
เมิ่งจิ่ววนรอบโหลวเว่ยเหิงแล้วมองดูรอบหนึ่ง กล่าวว่า: “วางใจได้ ไม่ได้เป็นอะไรมาก คาดว่าคงจะมีคนใช้วิชาลับอะไรบางอย่าง และวิชาลับแบบนี้ หยุดข้าไม่ได้หรอก”
อวี้ฉือจ้านรู้ว่าเมิ่งจิ่วมีความรู้เกี่ยวกับวิชาแปลกประหลาด พิษกู่หนอนศพทุกอย่างในโลกอย่างทะลุปรุโปร่ง ดังนั้นถึงได้ให้เมิ่งจิ่วมา เวลานี้ได้ยินเมิ่งจิ่วพูดเช่นนี้ ถึงได้รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ขอเพียงแค่โหลวเว่ยเหิงสามารถฟื้นคืนความทรงจำได้ ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว
เมิ่งจิ่วหยิบขวดกระเบื้องเคลือบเล็กๆอันหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ กล่าวว่า: “ในนี้คือยา เจ้ากินเข้าไปก่อน อีกสักครู่อาจจะนอนหลับครึ่งชั่วยาม แต่ว่าไม่เป็นอะไร”
โหลวเว่ยเหิงก็ไม่ได้กังวลอะไร ยื่นมือก็เอาเม็ดยาที่อยู่ในขวดเครื่องเครือบกลืนลงท้องไป กล่าวว่า: “ได้แล้วใช่ไหม?”
เมิ่งจิ่วพยักหน้า: “ได้แล้ว”
เมิ่งจิ่วมองดูอวี้ฉือจ้านครู่หนึ่ง กล่าวว่า: “เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีธุระของท่านแล้ว”
อวี้ฉือจ้านขมวดคิ้ว: “ข้าจะดูอยู่ที่นี่”
“ท่านที่เป็นคนหยาบอยู่ขัดขวางที่นี่ ถ้าเกิดข้าแก้วิชาลับไม่ได้ ร่างและวิญญาณเมียท่านก็จะคืนสู่บ้านเกิด……”
คำพูดของเมิ่งจิ่วยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกอวี้ฉือจ้านอุดปากเอาไว้
อวี้ฉือจ้านมองดูโหลวเว่ยเหิงที่นอนอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง กล่าวต่อเมิ่งจิ่วว่า: “ข้ารออยู่หน้าประตู”
เมิ่งจิ่วพยักหน้า: “นี่ถึงจะมีเหตุมีผล”
แต่ว่าครึ่งชั่วยามต่อมา ตอนที่โหลวเว่ยเหิงตื่นขึ้นมาจากบนเตียง รู้สึกเพียงว่าหัวสมองมึนๆงงๆ
เมิ่งจิ่วที่อยู่ด้านข้างแทบจะหมดสติไป ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าวิชาลับนี้แก้ยากแค่ไหน มักจะรู้สึกว่าอายุขัยของตัวเองสั้นลงไปเป็นสิบปีแล้ว
อวี้ฉือจ้านผลักประตูออกแล้วเดินเข้ามา ก็เห็นโหลวเว่ยเหิงนั่งอยู่ที่หัวเตียง เหม่อลอยอย่างงุนงง
เหลิ่งเอ๋อร์
โหลวเว่ยเหิงถึงได้สติกลับมา เผยรอยยิ้มที่สดใสและสง่างามเล็กน้อย: “ข้าเอง”
โหลวเว่ยเหิงบอกความสัมพันธ์ระหว่างฉู่สวินและจี้ต้าน รวมไปถึงเรื่องของตัวเองให้กับอวี้ฉือจ้านโดยละเอียดไม่มีตกหล่น
ถึงแม้เวลาจะสั้น แต่ช่วงเวลาที่นางสูญเสียความทรงจำ อย่างไรก็สามารถรู้ว่าทั้งสองคนกำลังแอบสมคบคิดวางแผนอะไรอยู่กันแน่
“ข้าจำได้ว่าก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำ ข้าได้ยินพวกเขาพูดถึงเรื่องโชคชะตา โชคชะตาของหงส์แห่งบัญชาสวรรค์มีอยู่จริงๆ ตอนนั้นหวาเทียนไม่ได้พูดไปเรื่อย ดังนั้นข้าคิดว่า พระราชาของแคว้นเป่ยในวันหน้าน่าจะเป็นฉู่สวิน มิเช่นนั้นเขาก็จะไม่ใส่ใจอย่างมุ่งหวังในหงส์แห่งบัญชาสวรรค์นี้ และเลือกมาถึงตัวข้า”
โหลวเว่ยเหิงพูดเกี่ยวกับความคิดของตัวเองออกมา และนี่ก็เป็นสิ่งที่อวี้ฉือจ้านสงสัย
เพราะต้าเยียนกับแคว้นฉีล้วนสืบทอดกันจากสายเลือดราชวงศ์ทั้งนั้น สืบทอดจากทายาทสายตรงหรือไม่ก็เลือกผู้มีคุณธรรมเป็นพระราชาในการสืบราชบัลลังก์มาโดยตลอด
แต่ว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ยคนนี้กลับจะยกบัลลังก์ให้ตัวประกันที่ถูกส่งมาจากแคว้นอื่น นี่มันเป็นสิ่งที่ไม่เห็นได้ยินมาก่อนเลย
ไม่เพียงแค่ต้าเยียน หรือว่าแคว้นฉี เรื่องแบบนี้ก็ล้วนไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งนั้น
“ในเมื่อตอนนี้ข้าฟื้นคืนความทรงจำแล้ว เช่นนั้นเรื่องบางอย่างก็ต้องได้รับการสะสาง”
โหลวเว่ยเหิงเป็นคนที่แม้แต่ความแค้นที่เล็กน้อยที่สุดก็ต้องแก้แค้น แต่ว่าสำหรับร่างกายนี้แล้วฉู่สวินมีความพิเศษ ขอเพียงแค่โหลวเว่ยเหิงทำเพื่อร่างกายนี้ ก็จะไม่วางกับดักให้กับฉู่สวิน
แต่หากต้องการจากไปพร้อมกับอวี้ฉือจ้านอย่างปลอดภัย ยังจำเป็นต้องคิดหาวิธีให้มาก
จู่ๆโหลวเว่ยเหิงก็นึกถึงสาวใช้ที่อยู่ในลานของตัวเองคนนั้น ในใจก็เกิดแผนการขึ้นมา
“ดูจากการแสดงออกทางสีหน้าของเจ้าแล้ว คิดแผนร้ายอะไรได้แล้วใช่ไหม?”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ไม่ใช่แผนร้ายอะไรสักหน่อย คือแผนดีต่างหาก”
อวี้ฉือจ้านขูดจมูกของโหลวเว่ยเหิงเบาๆครู่หนึ่ง: “จากนี้ไป ห้ามห่างจากข้าไปแม้แต่ครึ่งก้าว”
โหลวเว่ยเหิงพยักหน้า กล่าวว่า: “ไม่แล้ว ต่อไปจะไม่ห่างอีกแล้ว”
เมิ่งจิ่วเคาะประตูขึ้นมาอย่างทำลายบรรยากาศ กล่าวว่า: “ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ถ้าอย่างไรพระชายาเซ่อเจิ้งหวางกลับไปก่อนดีไหม? มิเช่นนั้นความลับรั่วไหล มันจะดูไม่ดี”
โหลวเว่ยเหิงจัดการรูปลักษณ์ของตัวเองครู่หนึ่ง กล่าวว่า: “ข้ารู้แล้ว”
อวี้ฉือจ้านกวาดตามองเมิ่งจิ่วครู่หนึ่ง กล่าวว่า: “ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้เจ้าก็สามารถกลับต้าเยียนได้แล้ว”
“ท่านนึกว่าข้าอยากจะมาหรือ? หากไม่ใช่เพราะท่านใช้เงินบีบบังคับข้า ให้ตายอย่างไรข้าก็ไม่มา!”
เขายังอยากกลับไปดูบรรดาเหล่าของล้ำค่าตัวน้อยๆที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้ว่าถูกจีเฟิงทำทารุณหรือไม่
การเดินทางไปกลับครึ่งเดือนกว่า ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าบรรดาเหล่าของล้ำค่าตัวน้อยๆของตัวเองผอมไปขนาดไหนแล้ว
อวี้ฉือจ้านจุมพิตลงไปบนหน้าผากของโหลวเว่ยเหิง กล่าวว่า: “ระหว่างทางที่กลับไประวังตัวด้วยนะ”
โหลวเว่ยเหิงพยักหน้า กล่าวว่า: “ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”
เมื่อโหลวเว่ยเหิงเดินออกมาจากในตำหนักของอวี้ฉือจ้าน ก็สังเกตเห็นแล้วว่ามีความเคลื่อนไหวด้านหลังภูเขาเทียม
มุมปากของโหลวเว่ยเหิงเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่เดินออกมานอกตำหนัก และมาถึงสถานที่ที่เงียบสงบ ถึงได้เอ่ยปากกล่าวว่า: “เจ้าออกมาได้แล้ว”
เข่อเอ๋อร์ออกมาจากพุ่มไม้อย่างระมัดระวัง ก็เห็นสายตาของโหลวเว่ยเหิงเปลี่ยนไปแล้ว
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่?”
โหลวเว่ยเหิงมองดูเข่อเอ๋อร์ กล่าวว่า: “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้มากมายขนาดนั้น แต่ข้ารู้ความคิดที่เจ้ามีต่อฉู่สวิน เจ้าปรนนิบัติอยู่ข้างกายข้า ดูเหมือนจะไม่พอใจอย่างมากนี่?”
“ข้าน้อยเชื่อฟังคำสั่งของนายท่านมาโดยตลอด นายท่านให้ทำอะไร ข้าน้อยก็ทำอย่างนั้น”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ไปบอกฉู่สวินว่า ข้าต้องการพบเขาพรุ่งนี้”
เข่อเอ๋อร์กำหมัดแน่น แต่ก็ยังได้แต่ตอบว่า “เจ้าค่ะ”
เสวียนอีกลับมาด้วยความโกรธเคืองเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำของโหลวเว่ยเหิง การกระทำนี้ทำให้ฉู่สวินโกรธมาก ถูกโบยไปห้าสิบที ไม่สามารถลงจากเตียงมาไม่ได้ไปหลายวัน
ในตอนที่เข่อเอ๋อร์บอกฉู่สวินในสิ่งที่โหลวเว่ยเหิงพูดมาไปตามความจริง บนใบหน้าของฉู่สวินมีความมืดมนแวบผ่านไป
“ไปบอกเหิงเอ๋อร์ บอกว่าข้ารู้แล้ว”
เข่อเอ๋อร์เงยหน้ามองดูฉู่สวินครู่หนึ่ง ในดวงตามีความอ้างว้างเล็กน้อยแวบผ่านไป: “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
“แล้วก็ กินนี่ลงไปด้วย”
ฉู่สวินวางยาเม็ดที่อยู่ในมือไว้ในมือของเข่อเอ๋อร์
เข่อเอ๋อร์ก็ไม่ถามว่าทำไม แต่กินลงไปอย่างที่ทำเป็นประจำ
ฉู่สวินกล่าวว่า: “จำไว้ เก็บความคิดนอกลู่นอกทางของเจ้าซะ”
ตอนที่เข่อเอ๋อร์ได้ยินฉู่สวินกล่าวคำพูดประโยคนี้ออกมาอย่างเย็นยะเยือก ในใจรู้สึกเจ็บปวดและน้อยใจ