ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 272 ตอนจบ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 272 ตอนจบ
ในวันนี้ โหลวเว่ยเหิงรออยู่ในตำหนักด้านข้างของตัวเองนานพักหนึ่งแล้ว
ในตอนที่ฉู่สวินเดินเข้ามาตามเวลานัด โหลวเว่ยเหิงกำลังชงชาอยู่
“ฉู่สวิน ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”
ตอนที่โหลวเว่ยเหิงพูดประโยคนี้ออกมา ฉู่สวินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติแล้ว: “เจ้าฟื้นคืนความทรงจำแล้ว?”
โหลวเว่ยเหิงวางถ้วยชาที่อยู่ในมือลง กล่าวว่า: “ตอนนั้นท่านทำเรื่องเช่นนั้นกับข้า ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับท่านเลย ฉู่สวิน เห็นแก่ร่างกายนี้ ข้าจะไม่ทำอะไรท่าน ที่ข้าเรียกท่านมาในครั้งนี้ คือต้องการจะเจรจาข้อตกลงกับท่าน”
ในใจของฉู่สวินรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาแล้ว: “เจ้าอยากจะเจรจาอะไรกับข้า?”
“ความจริงในใจของท่านน่าจะรู้ดี ข้าไม่ได้ชอบท่าน และข้าก็ไม่ใช่โหลวเว่ยเหิงด้วย ท่านมุ่งหวังอยากจะให้โหลวเว่ยเหิงกลับมา เป็นเพราะโชคชะตาของหงส์แห่งบัญชาสวรรค์ใช่หรือไม่?”
ถึงแม้ว่าฉู่สวินจะไม่พูด โหลวเว่ยเหิงก็รู้ชัดเจนดี ความทะเยอทะยานของฉู่สวินถึงแม้เบื้องหน้าจะมองไม่เห็น แต่ว่าในดวงตากลับปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ นางเห็นจิตวิญญาณที่กล้าหาญของราชาในตัวของฉู่สวินนานแล้ว ฉู่สวินเป็นราชาโดยกำเนิดจริงๆ
“ใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร? ใจที่รักเหิงเอ๋อร์ของข้า ไม่มีใครเทียบได้”
โหลวเว่ยเหิงหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าวว่า: “ไม่มีใครเทียบได้? ในขณะที่โหลวเว่ยเหิงถูกรังแกสารพัดในตระกูลกู้ กล้ำกลืนความอัปยศเป็นสิบปีเพื่อท่าน ท่านกำลังวางแผนอะไรในแคว้นเป่ย? ความจริงด้วยความสามารถของท่าน ท่านสามารถทำให้โหลวเว่ยเหิงแสร้งทำเป็นตาย จากนั้นก็สั่งคนไปรับนางมาที่แคว้นเป่ย ใช้ชีวิตที่อยู่ดีกินดี แต่ว่าท่านไม่ได้ทำเช่นนี้ เพราะท่านอยากจะให้โหลวเว่ยเหิงปรากฏตัวที่แคว้นเป่ยในนาทีสุดท้าย ปรากฏตัวต่อหน้าฝ่าบาท ท่านแต่งงานกับโหลวเว่ยเหิง ได้สาวงามมาครอบครอง ขณะเดียวกันยังสามารถใช้ประโยชน์จากความรู้สึกที่ฝ่าบาทมีต่อองค์หญิงใหญ่วี่จิ่น มาเป็นข้อต่อรองในการขึ้นครองบัลลังก์อีกด้วย ที่ข้ากล่าวมาถูกต้องหรือไม่?”
ในน้ำเสียงของฉู่สวินแฝงไปด้วยความเยือกเย็น: “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ที่ข้าอยากจะพูดก็แค่ ท่านก็ขึ้นครองบัลลังก์ของท่านไป ส่วนข้าก็กลับต้าเยียนของข้า”
ฉู่สวินกล่าวว่า: “เป็นไปไม่ได้ เจ้าคือว่าที่ฮองเฮาในอนาคตของข้า และก็เป็นภรรยาของข้าด้วย”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวออกมาทีละคำ: “ข้าคือภรรยาของอวี้ฉือจ้าน”
“ข้าไม่สนใจ”
“แต่ข้าสนใจ”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวต่อฉู่สวินว่า: “ท่านน่าจะรู้ว่า ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ ท่านแต่งงานกับข้าแล้วจะมีจุดจบอย่างไรแล้วใช่ไหม? ฝ่าบาทตัดสินใจให้อ๋องเฉิงซีอยู่ในเมืองหลวงถาวรแล้ว วันหน้าก็ไม่ต้องไปลำบากที่ชายแดนอันหนาวเหน็บอีก และท่านก็น่าจะรู้ว่า อ๋องเฉิงซีคือคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของท่าน เขาคือลูกชายสายเลือดโดยตรงของฝ่าบาท แล้วก็ยังแต่งงานกับลูกสาวของท่านกั๋วจิ้ว เป็นตัวเลือกของไท่จื่อในอุดมคติที่เหมาะสมที่สุด ถึงแม้ท่านจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็เป็นเพียงตัวประกันที่ส่งมาจากต้าเยียนคนหนึ่งเท่านั้น เลือดที่ไหลอยู่ในร่างกายคือราชวงศ์ก่อนของต้าเยียนกับองค์หญิงแคว้นเป่ย และท่านก็รู้ดียิ่งกว่า ที่ฝ่าบาทให้อ๋องเฉิงซีกลับมา คือกำลังบอกกับท่านว่า บัลลังก์กับสาวงามไม่สามารถมีได้ทั้งสองอย่าง ท่านวางแผนมาหลายปีขนาดนี้ หรือว่าจะล้มเลิกไปอย่างง่ายดายเช่นนี้?”
“ข้าจะคิดหาวิธี”
โหลวเว่ยเหิงเยาะเย้ย: “คิดหาวิธี? ฉู่สวิน ท่านอย่าหลอกตัวเองและคนอื่นต่ออีกเลย ถึงแม้จะขึ้นครองบัลลังก์เป็นฮ่องเต้แล้วจะทำอย่างไรได้? ข้ามู่หรงชิวยอมเป็นหยกแหลกลาญก็ไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ จะไม่มีทางให้ท่านรับสนมอย่างเด็ดขาด ถึงเวลานั้น ท่านนึกว่าวังหลวงของแคว้นเป่ยจะสามารถกักขังข้าไว้ทั้งชีวิตหรือ?”
ดวงตาของฉู่สวินหรี่ลงเล็กน้อย กล่าวว่า: “ที่เจ้ามาวันนี้ ก็เพื่อจะเจรจาเรื่องนี้กับข้า?”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ใช่ ฉู่สวิน ข้าสามารถรับประกันได้ว่าท่านจะได้ครองบัลลังก์ ขอเพียงแค่ท่านปล่อยให้ข้ากับอวี้ฉือจ้านกลับไปถึงต้าเยียน ฝ่าบาทก็จะมีรับสั่งให้ท่านเป็นไท่จื่อรัชทายาท ท่านน่าจะรู้ดีว่า ฝ่าบาทมีความคิดนี้อยู่นานแล้ว เพียงแต่ตัวท่านเองที่มักจะลังเล ผู้ทำการใหญ่ จะลังเลไม่ได้ จี้ต้านสนับสนุนท่านมานานขนาดนี้แล้ว คำพูดแบบนี้ก็น่าจะพูดมากกว่าที่ข้าพูดกับท่านด้วยซ้ำ”
“เจ้าจะให้ข้ายอมแพ้เรื่องเจ้า
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ไม่ใช่ข้าจะให้ท่านยอมแพ้เรื่องข้า แต่คนทั้งโลกกำลังให้ท่านยอมแพ้เรื่องข้า ท่านเป็นฮ่องเต้โดยกำเนิดจริงๆ แต่ในเมื่อเป็นฮ่องเต้โดยกำเนิด ก็จะมีความรักไม่ได้ ท่านเข้าใจหรือไม่?”
ฉู่สวินกำหมัดไว้แน่น โหลวเว่ยเหิงมองเห็นสีเลือดรางๆแล้ว
“ฉู่สวิน ขอเพียงท่านยอมแพ้เรื่องข้า ก็จะสามารถครอบครองทุกสิ่งที่ท่านต้องการ ตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุด ตำแหน่งที่ได้รับความเคารพสูงสุดในแคว้นเป่ย และท่านก็น่าจะรู้ว่า ข้าก็แค่คนที่หน้าตาเหมือนกับโหลวเว่ยเหิงทุกอย่าง แต่วิญญาณคือคนที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งเท่านั้น ปล่อยผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ใช่โหลวเว่ยเหิงไป มันยากขนาดนั้นเลยหรือ?”
โหลวเว่ยเหิงมองดูสีหน้าที่ค่อยๆซีดขาวไปทีละนิดของฉู่สวิน ในที่สุดก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
“ได้ ข้ารู้แล้ว”
ไม่ได้ใช้คำว่าข้า แต่ใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าข้าที่เป็นอ๋อง ฉู่สวินออกไปจากตำหนักด้านข้างอย่างไม่มีเยื่อใยเลยแม้แต่น้อย
ฉู่สวินจะไม่ฉุดรั้งนางอีก ยิ่งจะไม่มาพัวพันกับนางอีก โหลวเว่ยเหิงมองเห็นเรื่องพวกนี้ จากในดวงตาของฉู่สวิน
งานแต่งงานของเฮ่อหลันถิงกับซูเย่าเยียนสร้างความฮือฮาไปทั้งแคว้น และอวี้ฉือจ้านกับโหลวเว่ยเหิงก็เข้าพบฮ่องเต้ของแคว้นเป่ยอย่างลับๆแล้ว
โหลวเว่ยเหิงไม่ได้บอกลาฉู่สวิน แต่กลับต้าเยียนไปพร้อมกับอวี้ฉือจ้าน
“อุ๊บ……”
โหลวเว่ยเหิงที่อยู่ในรถม้ารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน อวี้ฉือจ้านตบหลังของโหลวเว่ยเหิงเบาๆ ถามขึ้นมาด้วยความประหม่า: “ตกลงเป็นอะไรกันแน่? นี่เป็นครั้งที่สามของวันแล้วนะ กินอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
โหลวเว่ยเหิงจับมือของอวี้ฉือจ้านเอาไว้แน่น กล่าวว่า: “ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว”
เมิ่งจิ่วมองดูโหลวเว่ยเหิงกับอวี้ฉือจ้านอย่างรังเกียจ กล่าวว่า: “ไม่เป็นไร? พวกท่านสองคนคนหนึ่งคือเซ่อเจิ้งหวางของต้าเยียน อีกคนคือพระชายาเซ่อเจิ้งหวางผู้ฉลาดหลักแหลม ทำไมแม้แต่เรื่องตั้งครรภ์ก็ยังไม่รู้?”
โหลวเว่ยเหิงกับอวี้ฉือจ้านตะลึงงัน ยังเป็นโหลวเว่ยเหิงที่เอ่ยปากออกมาอย่างตะกุกตะกักก่อน: “ตั้ง……ตั้งครรภ์?”
“ใช่! ตั้งครรภ์!”
เมิ่งจิ่วคว้าข้อมือของโหลวเว่ยเหิงไปจับ กล่าวว่า: “สองสามเดือนแล้ว ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน คาดว่าคงจะเป็นทารกชายอ้วนจ้ำม่ำคนหนึ่ง”
อวี้ฉือจ้านกอดโหลวเว่ยเหิงเอาไว้อย่างดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง เกือบจะทำให้คนขับรถม้าตกใจ
“ยอดเยี่ยมจริงๆ! เรากำลังจะมีลูกชายแล้ว!”
เมิ่งจิ่วกลอกตามองอวี้ฉือจ้านครู่หนึ่ง กล่าวว่า: “ท่านดีใจอะไร? ท่านคิดดูดีๆ เมียตัวเองยังต้องตั้งครรภ์อีกตั้งหกเจ็ดเดือน คนเป็นพ่ออย่างท่านกลับไปถึงต้าเยียน ในฐานะที่เป็นเซ่อเจิ้งหวาง ท่านลองพูดดูสิว่างานราชการที่ท่านทิ้งไว้มีมากมายขนาดไหน? ข้าคาดเดาว่าท่านอดหลับอดนอนสามเดือนก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำเสร็จ!”
อวี้ฉือจ้านขมวดคิ้ว กล่าวว่า: “ตำแหน่งเซ่อเจิ้งหวางก็มอบให้กับฝู้จื่อโม่ไป เกี่ยวกับด้านนี้เขาก็ทำได้ไม่เลว”
เมิ่งจิ่วเกือบจะล้มลงไป: “แล้ว……แล้วท่านล่ะ? !”
อวี้ฉือจ้านมองดูโหลวเว่ยเหิงที่เม้มปากยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า: “ย่อมกลับบ้านไปอยู่กับเมียอยู่แล้ว”
เซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียนอยู่อย่างสันโดษในป่าเขา เพราะเมียตั้งครรภ์ กลายเป็นเรื่องขำขันในหมู่ชาวบ้านจนถึงทุกวันนี้
มีเพียงฝู้จื่อโม่คนเดียว ที่นั่งอยู่ในจวนเซ่อเจิ้งหวางทุกวันทุกคืน เพื่อตรวจอ่านฎีกาอย่างไม่รู้วันรู้คืน
ในใจด่าว่าอวี้ฉือจ้านกับกู้ชิวเหลิ่งไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว
ในกระท่อมหลังเล็กบนภูเขา อวี้ฉือจ้านกอดภรรยาสาวสวยของตัวเองเอาไว้ กล่าวอย่างทอดถอนใจ: “มีภรรยาเช่นนี้คนเป็นสามียังต้องการอะไรอีก?”