ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 3 ซ่อนคนในเรือน
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 3 ซ่อนคนในเรือน
บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ติดประตูหลังของเรือนจั๋วยู่ มีใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ
คนผู้นั้นสวมชุดคลุมผ้าต่วนสีเขียวครามและเอียงตัวลงมาครึ่งหนึ่ง ร่างกายสูงราวๆ หนึ่งเมตรแปดสิบ นัยน์ตาเรียวยาวคู่นั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย มีรอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก พัดที่ถืออยู่ในมือกางออก ดูเกียจคร้านและสง่างามเกินจะเอื้อนเอ่ย
ปี้เถาที่อยู่ในสระร้องเรียกเสียงดัง “ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!”
จูเอ๋อร์ตกใจจนหน้าซีด นางมองปี้เถาที่อยู่ในสระ จากนั้นจึงหันไปมองชายแปลกหน้าที่อยู่บนต้นไม้อย่างทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
กู้ชิวเหลิ่งหรี่ตามองอย่างมุ่งร้าย แม้ว่าที่นี่จะเป็นประตูหลังและมีการป้องกันไม่แน่นหนา แต่เหล่าทหารที่ลาดตระเวนอยู่รอบๆ จวนก็ไม่ใช่พวกกินเจ การจะเข้ามาในจวนโหวอย่างสบายๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น คนที่เขามาจะต้องมีวรยุทธสูงส่งมาก ชายที่อยู่บนต้นไม้กระตุกมุมปากให้กู้ชิวเหลิ่งราวกับจะเอาใจนาง
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่เหลือบมองและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “จูเอ๋อร์ เจ้าส่งเสียงได้หรือไม่”
จูเอ๋อร์ถามอย่างงุนงง “ส่งเสียง?”
“ก็แค่ตะโกน… ว่ามีชายแปลกหน้าเข้ามาลวนลามสาวใช้ในเรือนของข้า เจ้าเข้าใจหรือไม่”
ทันทีที่สิ้นเสียง ชายคนก็เห็นว่าต้องแย่แน่ๆ เขาหุบพัดและรีบหันหลังหนีทันที
กู้ชิวเหลิ่งดึงปิ่นปักผมไม้บนศีรษะออกมาอย่างรวดเร็วและขว้างไปที่ชายผู้นั้น
มีเสียงดังตุ้บ ชายผู้นั้นตกลงไปบนพื้นเหมือนหมากินอึ ไหนเลยจะยังมีความหล่อเหลาเจ้าสำราญแบบเมื่อครู่หลงเหลืออยู่
ยังไม่ทันที่จูเอ๋อร์จะร้องตะโกน แม่นมฉีที่ยังเดินมาไม่ถึงประตูเรือนก็วิ่งเข้ามาเสียแล้ว
ปี้เถาเกือบจะหมดเรี่ยวแรงอยู่ในสระ นางตะโกนสุดกำลังว่า “แม่นมรีบช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย!”
ผิดกับจูเอ๋อร์ แม่นมฉีเป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบกว่าปี ร่างกายของนางอ้วนท้วน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยย่นแห่งความร่วงโรย แต่กลับเป็นใบหน้าที่ดูโหดร้ายใจดำ
แม่นมฉีมักจะประจบประแจงแม่นมโจวมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้กลับเกิดปัญหาขึ้นกับหลานสาวของแม่นมโจวภายในเรือนที่นางคอยควบคุมดูแล ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องเข้ามาข้องเกี่ยวอย่างเลี่ยงไม่พ้น
“เจ้า! นังเด็กเวร! ยังมัวชักช้าทำไมอยู่! ยังไม่ลงไปช่วยปี้เถาขึ้นมาอีก!”
แม้ว่าจะพูดแบบนั้น แต่จูเอ๋อร์ก็ยังเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กๆ นางว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าตอนนี้นางกระโดดลงไปช่วย นางจะต้องพาชีวิตของตัวเองให้จมลงไปด้วยแน่นอน
แม่นมฉีไม่ได้ชายตามองกู้ชิวเหลิ่งเลยแม้แต่น้อย นางกำลังเต็มไปด้วยความร้อนใจอยากจะช่วยพาตัวปี้เถาขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าจูเอ๋อร์ยังคงลังเลอยู่ที่เดิม แม่นมฉีจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นังบ่าวชั้นต่ำ! ยังไม่ไปเรียกให้คนมาช่วยปี้เถาขึ้นมาอีก!”
นั่นเองจูเอ๋อร์จึงได้สติกลับมา นางรีบวิ่งแยกตัวออกไปด้วยนึกกังวลในใจว่าปี้เถาจะย้อนกลับมาใส่ร้ายกู้ชิวเหลิ่ง
แม่นมฉีวิ่งไปรายงานฮูหยินใหญ่ ทั่วทั้งเรือนจึงเหลือแค่กู้ชิวเหลิ่งกับชายที่เพิ่งตกลงมาบนพื้น รวมไปถึงปี้เถาที่กำลังร้องตะโกนเอะอะอยู่ในสระน้ำ
เซียวอวิ๋นเซิงปัดฝุ่นบนตัว แม้ว่าเสื้อคลุมของเขาจะยังคงยุ่งเหยิง แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าเมื่อครู่นี้มาก
“เป็นนายน้อยอย่างข้าเองที่ชะล่าใจ ไม่คิดว่าหญิงงามที่โง่เขลาที่สุดในเมืองหลวงจะมีฝีมือเช่นนี้ ช่างน่ายกย่องยิ่งนัก”
ดวงตาของเซียวอวิ๋นเซิงเต็มไปด้วยแววของการหยอกล้อ เขามองปี้เถาที่กระเสือกกระสนอยู่ในสระ นึกอยากรู้ขึ้นมาว่าหญิงงามตัวน้อยตรงหน้าจะทำอะไรให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้ว เสียงของนางใสเย็นราวกับน้ำพุ “เมื่อครู่เจ้าจะหลบก็ได้ แต่จงใจเอาตัวรับ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่ จะพูดก็พูดตอนนี้เลย ไม่อย่างนั้นอีกครู่หากคนอื่นเข้ามา ด้วยฐานะของข้า ข้าจะอธิบายอะไรแทนเจ้าไม่ได้”
เซียวอวิ๋นเซิงเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนว่า “เมื่อครู่ตอนที่เจ้าบอกให้สาวใช้ของเจ้าตะโกนเรียกคน เจ้าไม่ได้คิดจะอธิบายแทนข้าหรอกหรือ”
แม้ว่าจะพูดไปแบบนั้น แต่ภายในใจของเซียวอวิ๋นเซิงกลับนึกชื่นชมเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นขอให้เขามาตรวจดูอาการบาดเจ็บของกู้ชิวเหลิ่งก่อนเมื่อกลับมาเมืองหลวงคราวนี้ เขาคงไม่รีบกลับจวนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเร่งร้อนกลับมา สุดท้ายจึงได้เห็นฉากที่วุ่นวายเช่นนี้โดยบังเอิญ
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่ที่ทางโค้งของระเบียงทางเดินอย่างสงบ ชายคาของระเบียงทางเดินบังร่างของนางเอาไว้ครึ่งหนึ่ง รอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง “เหตุใดเราไม่มาสนทนาหารือกันสักหน่อยล่ะ เซียวโหวเย๋น้อย”
เซียวอวิ๋นเซิงพูดติดตลกว่า “โชคดีจริงที่เจ้ายังจำข้าได้”
ยิ่งเวลาผ่านไป ความทรงจำภายในใจของกู้ชิวเหลิ่งก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้สิดี…ฟ้าอนุญาตให้นางมีชีวิตใหม่ นางไม่มีทางปล่อยให้คนที่ทำร้ายนางมีความสุขอย่างแน่นอน
หนทางข้างหน้านั้นยาวไกล จวนกู้โหวที่กว้างใหญ่แห่งนี้เป็นเพียงบันไดขั้นหนึ่งที่จะนำนางไปสู่การแก้แค้น
เมื่อแม่นมฉีจะวิ่งไปถึงสวนเซียงลู่ของกู้ชิวเซียง บรรยากาศก็เปลี่ยนไปอีกแบบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาฮูหยินใหญ่โปรดปรานลูกสาวผู้นี้แต่เพียงผู้เดียว โปรดปรานจนแทบจะนำทองมาสร้างเป็นสวนให้กู้ชิวเซียง ดังนั้นเมื่อเข้ามาถึงด้านใน แม่นมฉีจึงได้กลิ่นหอมพิเศษของเครื่องบรรณาการจากแดนตะวันตกทันที
ใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่หน้ากระจกดูงดงามประหนึ่งดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่ง กู้ชิวเซียงงดงามล้ำเลิศเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร ดวงตาหวานหยาดเยิ้ม คิ้วโก่งงอนงามตา ริมฝีปากสีแดงระเรื่อมีรอยยิ้มน้อยๆ ประหนึ่งเดินออกมาจากภาพวาด งดงามราวกับเทพธิดาก็มิปาน
ฮูหยินใหญ่สวมอาภรณ์เลิศหรู นางดูละม้ายคล้ายคลึงกับกู้ชิวเซียง เพียงแต่บนใบหน้ามีริ้วรอยเล็กๆ ที่ยากจะสังเกตเห็น ตอนที่ยังเยาว์วัย นางต้องงดงามล้ำเลิศมากเป็นแน่
หมิงอวี้ สาวใช้ที่อยู่ด้านหลังกู้ชิวเซียงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่ผู้งดงามราวกับเทพธิดา บ่าวได้ยินว่าเมื่อวานท่านอ๋องหกบุกเข้าไปในเรือนจั๋วยู่ ทำร้ายคุณหนูรองจนตอนนี้นางยังนอนอยู่บนเตียงเกือบตาย”
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า “ทั้งหมดคือความดีความชอบของเจ้า เจ้าใช้เวลาเพียงน้อยนิดคิดหาวิธีแก้ปัญหาได้ดีมาก จงใจตกลงไปในสระบัว ทำให้ท่านอ๋องหกช่วยพวกเราสั่งสอนนังเด็กคนนั้น แม้ว่านายท่านจะถามเมื่อกลับมา ท่านก็คงไม่สนใจเรื่องของเรา”
กู้ชิวเซียงแย้มยิ้ม “ถ้าไม่ใช่เพราะข่าวลือของท่านแม่แพร่ออกไป เรื่องนี้คงจะสำเร็จไม่ได้แน่เจ้าค่ะ”
เสียงตะโกนของแม่นมโจวทำลายความเงียบสงบของสองแม่ลูก นอกจากนี้นางยังเกือบจะล้มคะมำลงพื้น แม่นมโจวคอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่มานานหลายปีและนางไม่เคยเสียกิริยาเช่นนี้มาก่อน
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
แม่นมโจวเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “ฮูหยินใหญ่ผู้เป็นนายของบ่าวโปรดเมตตา! มีชายผู้หนึ่งบุกรุกเข้าไปในเรือนของคุณหนูรอง! ทำให้หลานสาวของบ่าวตกลงไปในสระน้ำ! ตอนนี้ยังไม่รู้เลยเจ้าค่ะว่าจะทำอย่างไรดี!”
ฮูหยินใหญ่นึกขึ้นมาได้ เมื่อก่อนปี้เถาหลานสาวของแม่นมโจวดูฉลาดปราดเปรียว ดังนั้นนางจึงส่งปี้เถาไปคอยรับใช้ข้างกายกู้ชิวเหลิ่ง ตอนแรกนางสั่งให้ปี้เถาคอยสอดส่องกู้ชิวเหลิ่งให้ แต่ตลอดหลายปีมานี้ภายในเรือนของกู้ชิวเหลิ่งมีแต่ความสงบเงียบ ดังนั้นนางจึงลืมปี้เถาไปเสียสนิท ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องกับปี้เถาในเรือนแห่งนั้นจริงๆ
ฮูหยินใหญ่ลุกจากเก้าอี้ แต่นางไม่ได้ถามถึงความเป็นความตายของปี้เถา “เจ้าเห็นชัดหรือไม่ มีผู้ชายอยู่ในเรือนของกู้ชิวเหลิ่งงั้นหรือ”
แม่นมโจวเช็ดน้ำตาและเอ่ยว่า “เจ้าค่ะ! แม่นมฉีเห็นมากับตา!”
ฮูหยินใหญ่ถามด้วยแววตาที่ดุดันว่า “ชายผู้นั้นอยู่ที่ไหน ยังอยู่ที่เรือนของกู้ชิวเหลิ่งงั้นรึ”
แม่นมโจวชะงัก แม่นมฉีรีบสั่งให้จูเอ๋อร์ลงไปช่วยปี้เถาขึ้นมา ในเรือนของกู้ชิวเหลิ่งมีสาวใช้แค่เพียงสองคนเท่านั้น