ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 34 เลือดกำเดาไหลแล้ว
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 34 เลือดกำเดาไหลแล้ว
อวี้ฉือจ้านพูดเสียงเย็นว่า “จีเฟิง”
จีเฟิงรีบหันหลังไปทันที เมื่อเห็นว่าฝู้จื่อโม่ยังคงจ้องมองกู้ชิวเหลิ่งตาไม่กะพริบ ก็รู้ว่าความเจ้าชู้ของฝู้ซื่อจื่อท่านนี้เริ่มทำงานอีกแล้ว
จีเฟิงรีบดึงฝู้จื่อโม่ให้หันหลังไป กู้ชิวเหลิ่งถอดเสื้อตัวในลงมา ฝู้จื่อโม่กลืนน้ำลาย เสียงของเสื้อผ้าที่หล่นลงบนพื้นสำหรับฝู้จื่อโม่แล้วช่างเป็นเสียงหยอกเย้าที่ไร้รูปร่างเสียนี่กระไร
อวี้ฉือจ้านยืนอยู่ข้างๆ สายตาของเขามองไปที่ร่างของกู้ชิวเหลิ่ง และมองกู้ชิวเหลิ่งจนครบทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว แต่กู้ชิวเหลิ่งทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอาเสื้อผ้าที่จีเฟิงส่งมาให้สวมใส่ลงไปอย่างไม่รีบร้อน พูดว่า “ตอนนี้ฝู้ซื่อจื่อยังไม่อาจทนได้อีกหรือ ก็แค่เปลือกนอกเท่านั้น ข้ายังไม่ใส่ใจเลย เห็นทีท่านเซ่อเจิ้งหวางจะใส่ใจมากกว่าข้าเสียอีก”
ฝู้จื่อโม่รู้สึกจมูกร้อนผ่าวขึ้น จีเฟิงอดไม่ได้ที่จะมอง ฝู้จื่อโม่ถึงกับเลือดกำลังไหลออกมาแล้ว
ส่วนอวี้ฉือจ้านที่เห็นทุกสัดส่วนของกู้ชิวเหลิ่ง กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้น
ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอให้กู้ชิวเหลิ่งสวมเสื้อผ้าจนเรียบร้อย ฝู้จื่อโม่จึงหันร่างมา สายตานั้นราวกับจะจ้องมองเรือนร่างที่อยู่ในร่มผ้าของกู้ชิวเหลิ่งให้ทะลุปรุโปร่ง
กู้ชิวเหลิ่งมองไปทางอวี้ฉือจ้าน เอ่ยขึ้นว่า “เซ่อเจิ้งหวางยังสงสัยอะไรในตัวข้าอีกหรือไม่ ท่านสามารถพูดออกมาได้เลย ไม่จำเป็นต้องคิดเองในใจ และคำตอบของข้าก็มีเพียงหนึ่งเดียว ข้าคือกู้ชิวเหลิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย”
อวี้ฉือจ้านจ้องมองกู้ชิวเหลิ่งอย่างสงบมาก เขานั้นกำลังสงสัยอยู่ในใจจริงๆ และแต่ไหนแต่ไรเขามองคนไม่เคยพลาด นิสัยของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืนเท่านั้น จะเป็นไปได้อย่างไร แต่เมื่อเห็นว่าบนร่างกายของกู้ชิวเหลิ่งไม่มีรอยแผลเลยแม้แต่น้อย ผิวพรรณขาวผ่องราวกับผิวของเด็กทารกที่เพิ่งกำเนิดมา ความเคลือบแคลงในใจเขาได้หายไปมากกว่าครึ่งแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งก็เป็นแค่บุตรีของอนุซึ่งเลี้ยงดูอยู่แต่ในเรือน ไม่ใช่มือสังหาร ไม่ใช่องครักษ์ลับ และไม่ได้ปลอมตัวมา เป็นกู้ชิวเหลิ่งอย่างไร้ข้อสงสัย
คำตอบที่เขาได้เหมือนกับที่กู้ชิวเหลิ่งบอกมาทุกอย่าง แต่ว่าหญิงสาวที่อยู่แต่ในเรือนรู้ความลับของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉีซึ่งอยู่ไกลมาก ข้อนี้กู้ชิวเหลิ่งกลับไม่มีอธิบายให้เข้าใจได้
ฝู้จื่อโม่ไม่เหมือนอวี้ฉือจ้าน ถามอย่างรับไม่ค่อยได้ว่า “เจ้าเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง สิ่งสำคัญที่สุดของหญิงสาวคือพรหมจรรย์ ตอนนี้ร่างกายเจ้าถูกจ้านจ้อมมองอย่างชัดเจนจนหมดแล้ว เจ้า……เจ้าคงไม่ได้คิดอะไรกับจ้านกระมัง”
กู้ชิวเหลิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “จะสวยงามแค่ไหนก็เป็นแค่เปลือกนอก ถ้าหากฝู้ซื่อจื่อยินดีจะดู ก็ย่อมได้ เพียงแต่ท่านมีเงื่อนไขอะไรที่พอจะสมน้ำสมเนื้อกันบ้าง”
เป็นครั้งแรกที่ฝู้จื่อโม่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของหญิงสาวคนหนึ่ง จึงถามขึ้นอย่างข้องใจว่า “ฉะนั้นที่เจ้าให้จ้านจ้องดูเรือนร่าง ก็เพื่อที่จะไขข้อสงสัยที่จ้านมีต่อเจ้าอย่างนั้นหรือ”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยอย่างไม่ปิดบังเลยสักนิด “ใช่”
ฝู้จื่อโม่ส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ “ช่างเป็นหญิงสาวที่น่าประหลาดจริงๆ ”
กู้ชิวเหลิ่งพูดว่า “ในเมื่อทั้งสองท่านไม่มีข้อสงสัยประการอื่นแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน พวกเราค่อยพบกันในงานเลี้ยงของแคว้นแล้วกัน”
ก่อนจะจากไป กู้ชิวเหลิ่งส่งสายตาให้กับอวี้ฉือจ้าน
มุมปากของอวี้ฉือจ้านโค้งขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วก็คงจะใส่ใจอยู่
ถูกชายแปลกหน้ามองเรือนร่างทั้งหมด ถูกชายแปลกหน้าจูบที่ริมฝีปาก แววตาของกู้ชิวเหลิ่งทำให้อวี้ฉือจ้านรับรู้ถึงความเย็นชาโหดเหี้ยม ราวกับถูกทำให้ขุ่นเคือง สายตาของกู้ชิวเหลิ่งแจ้งเตือนเขาว่า อย่าเข้าใกล้นางอีก
ฝู้จื่อโม่เช็ดเลือดที่ออกจากจมูกของตนเอง เขยิบเข้าไปถามอวี้ฉือจ้านว่า “เจ้าเห็นอะไรบ้าง น่าดูหรือไม่”
อวี้ฉือจ้านเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “เห็นคำตอบที่น่าสนใจ”
ฝู้จื่อโม่รีบคว้ามือของอวี้ฉือจ้านขึ้นมาทันที พูดว่า “มือของเจ้า”
อวี้ฉือจ้านมองดูปานแดงบนมือของตนเอง เริ่มรู้สึกคันขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย เห็นทีตอนที่อยู่ในน้ำ กู้ชิวเหลิ่งคงจะใช้ผงคันคะเยอที่ซ่อนอยู่ในเล็บข่วนหลังมือเขาจนเป็นแผล
เป็นหญิงสาวที่แม้แต่เรื่องเล็กๆก็ต้องเอาคืนให้ได้จริงๆ
อวี้ฉือจ้านพูดเสียงเรียบนิ่งว่า “ให้เมิ่งจิ่วจัดเตรียมยาที่ใช้พิษต้านพิษเอาไว้”
ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งกลับไป ท้องฟ้ามืดแล้ว จวนโหวยังคงเป็นเหมือนปกติ ไม่มีใครสังเกตว่ากู้ชิวเหลิ่งไม่ได้อยู่ที่เรือนของตนเอง
จูเอ๋อร์รอจนร้อนใจ เมื่อกู้ชิวเหลิ่งกลับมาถึง จูเอ๋อร์จึงรู้สึกโล่งใจ พูดว่า “คุณหนูทำไมวันนี้จึงได้กลับมาค่ำนัก เสื้อผ้าของท่าน……”
นั่นมันผ้าไหมสีแดงของแท้ซึ่งมีมูลค่าถึงห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะ
ที่จริงถ้าหากชุดที่เปียกน้ำเป็นชุดที่ใช้ผ้าแพรย้อมเป็นสีแดงละก็ กู้ชิวเหลิ่งคงจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ว่าที่ทิ้งไปคืออีกชุดหนึ่ง แม้จะล้ำค่ามากแค่ไหน นางก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
“บ่าวได้เตรียมน้ำร้อนไว้แล้ว คุณหนูรีบไปอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะ จะได้ไล่ความเย็นออกจากร่างกาย”
กู้ชิวเหลิ่งถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกมา พูดเสียงเย็นว่า “ก่อเตา เผาชุดนี้ทิ้งซะ”
จูเอ๋อร์เห็นว่าสีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งไม่ดีนัก เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ไม่ดี จึงรีบไปก่อเตาไฟขึ้นมา แล้วเผาเสื้อผ้าชุดนั้นจนไม่เหลือซาก
กู้ชิวเหลิ่งนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำ ในที่สุดจิตใจที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลงได้บ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่นางประลองฝีมือกับอวี้ฉือจ้านอย่างซึ่งหน้า เห็นได้ชัดว่าอวี้ฉือจ้านไม่ได้เชื่อนางทั้งหมด
แม้ว่านางจะใช้วิธีการนี้ เกรงว่าคงยากที่จะตัดข้อสงสัยที่อวี้ฉือจ้านมีต่อนางออกไปทั้งหมดได้ ด้วยนิสัยของอวี้ฉือจ้าน ตอนนี้คงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อสืบหาข้อมูลของนางอย่างแน่นอน
ดีที่กู้ชิวเหลิ่งเป็นแค่บุตรีของอนุที่ไม่สะดุดตามากนัก แม้แต่เครือข่ายสายสืบอันยิ่งใหญ่ของอวี้ฉือจ้าน ก็คงไม่สามารถที่จะหาเบาะแสที่ไม่ดีของนางได้
กู้ชิวเหลิ่งแช่ร่างของตนเองทั้งหมดลงไปในน้ำ ความอุ่นร้อนในอ่างน้ำทำให้กู้ชิวเหลิ่งนึกถึงความแตกต่างของน้ำเย็นในทะเลสาบ ริมฝีปากของอวี้ฉือจ้านที่เย็นเฉียบยิ่งกว่าน้ำในทะเลสาบได้เข้าครอบครองริมฝีปากของนาง การเต้นระรัวของหัวใจไม่ใช่เรื่องเท็จ แต่นั่นก็เป็นแค่ปฏิกิริยาปกติของร่างกายนี้เท่านั้น
ตอนที่นางถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น กู้ชิวเหลิ่งไม่รู้สึกถึงความอัปยศอดสู เพราะไม่ว่าจะเป็นร่างกายนี้ หรือว่าอย่างอื่น ล้วนเป็นแค่เครื่องมือในการแก้แค้นเท่านั้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในที่สุดหัวใจของกู้ชิวเหลิ่งก็โล่งขึ้น ไม่มีใครสามารถขัดขวางการแก้แค้นของนางที่มีต่อมู่หรงอี๋กับจวินฉีเซิ่งได้ เผ่ามู่หรงถูกทำลายล้างอย่างไร นางก็ไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
“เจ้าคิดจะกลั้นใจตายหรืออย่างไร”
ทันใดนั้นดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งก็เบิกโพลงขึ้นในน้ำ นางยืนขึ้น มีดสั้นในมือชี้ไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
อวี้ฉือจ้านยืนอยู่ตรงหน้ากู้ชิวเหลิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าเขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ คนเฝ้ายามของจวนโหวไม่รับรู้ถึงการมาของอวี้ฉือจ้านเลย
“เห็นทีวันนี้ท่านเซ่อเจิ้งหวางยังคงดูไม่หนำใจ”
สายตาของกู้ชิวเหลิ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา และไม่มีทีท่าว่าจะวางมีดสั้นลง ราวกับว่าวินาทีถัดไปจะแทงมันเข้าไปที่ลำคอของอวี้ฉือจ้าน
ในมือของอวี้ฉือจ้านถือกระโปรงยาวสีแดงเอาไว้ เป็นชุดที่นางทิ้งไว้บนเรือวันนี้
กู้ชิวเหลิ่งมองอวี้ฉือจ้านอย่างสงสัย อวี้ฉือจ้านได้ถอดชุดยาวสีดำเหลือบแดงของตนเองออกมาแล้ว วางไว้บนไหล่ของกู้ชิวเหลิ่ง พูดว่า “ชุดสีแดงชาดของหอจูชุ่ย เจ้าทิ้งชุดนี้เอาไว้บนเรือ เท่ากับทิ้งทองคำไปสิบหีบ”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกขมวดคิ้วเล็กน้อย “อย่าบอกข้านะว่าเพื่อสิ่งนี้แล้ว ท่านจึงมาที่นี่เป็นการเฉพาะ”