ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 36 ติดอาการหนาวสั่น
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 36 ติดอาการหนาวสั่น
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าสติสัมปชัญญะมึนงงอยู่บ้าง ในสมองเหมือนมีเศษทรายกระจัดกระจายอยู่ ความทรงจำหลายอย่างไม่สามารถปะติดปะต่อเข้าด้วยกันได้
จูเอ๋อร์เห็นท่าไม่ค่อยดี รีบเดินไปตรงหน้าและเอามืออังหน้าผากของกู้ชิวเหลิ่ง พูดว่า “คุณหนู ท่านมีอาการหนาวสั่นนี่นา”
กู้ชิวเหลิ่งค่อยๆปัดมือของจูเอ๋อร์ออก พูดขึ้นว่า “เสื้อผ้าที่ข้าให้เจ้าไปเตรียม ต้องเป็นชุดที่เรียบง่ายแต่ดูดี ชุดสีเขียวอ่อนนั่น ที่ปลายแขนเสื้อปักดอกไห่ถังก็ได้”
จูเอ๋อร์รีบพูดขึ้นว่า “ตอนนี้คุณหนูต้องพักผ่อนดีๆนะเจ้าคะ อย่าออกไปเดินข้างนอกอย่างเด็ดขาด”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา พูดเสียงเย็นว่า “ให้เจ้าไปทำก็ไปทำเถอะ”
ในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ ทำเอาจูเอ๋อร์ตกใจจนถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ได้แต่บอกว่า “บ่าวจะไปเตรียมมาให้คุณหนูเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ คุณหนูนอนพักก่อน กินอะไรสักหน่อย……”
เมื่อจูเอ๋อร์ไปแล้ว กู้ชิวเหลิ่งจึงล้มลงไปบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง นางค่อยๆหรี่ตาลง มองดูมุ้งสีเขียวอย่างเต็มตา เดิมทีนางคิดว่ายังมีเวลาอีกหลายวันกว่ากู้ชิวถางจะกลับมา แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะกลับมาอย่างเร่งรีบเช่นนี้ นี่มันเป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่าเป็นเพราะฮูหยินใหญ่กันแน่
ถ้าหากเป็นเพราะฮูหยินใหญ่จริง ถูกกักบริเวณแล้วยังสามารถส่งข่าวไปให้กู้ชิวถางที่อยู่ไกลนับร้อยลี้รับรู้ได้ เช่นนั้นก็มีความสามารถไม่น้อยทีเดียว
กู้ชิวเหลิ่งหวนนึกกลับไป เรื่องที่ฮูหยินใหญ่ถูกทำโทษก็เพิ่งจะเกิดขึ้นไม่กี่วันมานี้เอง แม้นางจะมีความสามารถล้นฟ้าก็คงไม่สามารถจะแจ้งข่าวให้กู้ชิวถางได้ทราบและเร่งเดินทางกลับมาได้ภายในวันเดียว บางทีนางอาจจะคิดมากไปเอง
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าความคิดของตนเองเชื่องช้ากว่าแต่ก่อนมาก แค่เรื่องเรื่องเดียวต้องใช้เวลาในการใคร่ครวญสามสี่รอบจึงจะได้บทสรุป ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อวานอวี้ฉือจ้านลากนางลงไปในน้ำ
ในสมองมีภาพของอวี้ฉือจ้านที่โอบกอดและจูบนางในน้ำผุดขึ้นมา
กู้ชิวเหลิ่งลืมตาขึ้นมาทันที สะบัดภาพที่มักจะผุดขึ้นมาในสมองทิ้งไป
ชาติก่อนนางเป็นคนหยิ่งยโส ไม่เคยมองผู้ชายธรรมดาทั่วไปอยู่ในสายตา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่จะให้ชายอื่นแตะต้องตัวนาง แต่ว่าตอนนี้นางเป็นแค่ลูกสาวเมียรองในจวนโหวที่ถูกทอดทิ้งคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนร่างกายนี้ก็เป็นแค่เปลือกนอก ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือเท่านั้น
แม้จะคิดเช่นนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่สามารถลบเงาที่อยู่ในสมองออกไปได้ แม้ว่าจูบของอวี้ฉือจ้านจะไร้ซึ่งความรู้สึก แต่ในขณะที่ความรู้สึกเช่นนี้ผุดขึ้นมาในสมอง นางมักจะคิดถึงจวินฉีเซิ่ง
เมื่อคิดถึงจูบของจวินฉีเซิ่ง นางก็รู้สึกคลื่นไส้
ตอนที่จูเอ๋อร์เอาเสื้อผ้ามาให้ กู้ชิวเหลิ่งกำลังทำท่าคลื่นไส้อยู่ที่หัวเตียง สีหน้าดูเจ็บปวดมาก แต่ก่อนนางไม่เคยมีอาการหนาวสั่นมาก่อนเลย เพราะว่านางฝึกใช้อาวุธมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าร่างกายจะสู้พี่ชายไม่ได้ แต่กลับแข็งแกร่งกว่าหญิงสาวทั่วไปหลายเท่านัก และเคยรบชนะในสนามรบมาแล้วหลายครั้ง ท่านพ่อยังชมนางบ่อยๆว่าเป็นทหารหญิงผู้แข็งแกร่ง นางเองก็รู้สึกภูมิใจกับฉายานี้
แต่เมื่อเห็นสภาพร่างกายในตอนนี้ แม้จะมีสุขภาพที่ดี แต่ยังห่างไกลจากร่างของชาติก่อนมากยิ่งนัก เกรงว่าถ้านางไม่ตายอยู่ภายใต้แผนการของฮูหยินใหญ่ ไม่ช้าก็คงต้องตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นางจำเป็นต้องฝึกฝนร่างกายนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นยังไม่ทันอดทนจนไปอยู่ตรงหน้าจวินฉีเซิ่ง นางก็คงต้องตายไปก่อนแน่
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”
จูเอ๋อร์ลูบหลังให้นาง อยากจะให้กู้ชิวเหลิ่งหายใจคล่องขึ้น
เมื่อเห็นใบหน้าของจูเอ๋อร์ นางก็มักจะนึกถึงสาวรับใช้คู่ใจอิงเกอที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันในชาติก่อน
น้ำเสียงของกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้เย็นชาเหมือนก่อนหน้านี้ และพูดขึ้นว่า “วางเสื้อผ้าไว้ตรงนี้ เอาอาหารเช้าออกไป”
จูเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “ตอนนี้คุณหนูไม่สบาย ไม่กินอาหารเช้าจะไม่ดีต่อสุขภาพนะเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งพูดเสียงเรียบๆว่า “ประเดี๋ยวจะไปพบท่านพี่ ถ้าหากข้าไม่สบาย เจ้าลองคิดดูหากข้าอาเจียนอาหารเช้าทั้งหมดออกมาต่อหน้าท่านพี่จะทำอย่างไร”
จูเอ๋อร์หุบปากทันที เอ่ยว่า “บ่าวคิดไม่รอบคอบเอง”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้มีทีท่าจะโมโห เพียงแต่จูเอ๋อร์ฉลาดก็ส่วนฉลาด แต่กลับตอบสนองได้เชื่องช้า ถ้าหากนางไม่คอยชี้แนะ ไม่ช้าจูเอ๋อร์ก็ต้องเผยจุดอ่อนให้ฮูหยินใหญ่กับกู้ชิวเซียงจับได้สักวัน ถึงตอนนั้นก็ไม่ดีต่อนางด้วย
ครั้งที่แล้วใช้แผนการกับกู้หนานเฉิงนับว่ายังได้ผล สองวันมานี้กู้หนานเฉิงได้ให้คนในครัวเล็กดูแลเรื่องอาหารการกินของนางด้วยตนเอง
กู้ชิวเหลิ่งอดทนต่ออาการคลื่นไส้ ถ้าหากนางคาดเดาไม่ผิด ประเดี๋ยวกู้หนานเฉิงคงจะส่งคนมาเรียกนาง
กู้ชิวเหลิ่งถามว่า “สาวใช้ขี้ขลาดคนนั้นเล่า”
เมื่อจูเอ๋อร์ได้ยินกู้ชิวเหลิ่งถามเช่นนี้ ก็นึกขึ้นได้ พูดว่า “แม่นมโจวเอาแต่ยื้อเอาไว้ บอกว่าพ่อบ้านไม่อยู่ จากนั้นเป็นเพราะถูกฮูหยินใหญ่สั่งโบย จนไม่สามารถลงจากเตียงได้ จึงพักรักษาตัวอยู่นาน แต่เมื่อวานนี้พ่อบ้านที่รับใช้ข้างกายนายท่านได้ตอบกลับมาแล้ว บอกว่าจะย้ายชื่อของอิงเอ๋อร์ออกจากบัญชีมาที่เรือนของพวกเรา จากนั้นก็สามารถมาอยู่ที่นี่ได้แล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า ตอนนี้คนในจวนโหวส่วนใหญ่เป็นคนของฮูหยินใหญ่กับกู้ชิวเซียง ส่วนมากก็มีประวัติไม่ใสสะอาด อยากจะหาสาวใช้ที่มีเบื้องหลังที่นับว่าพอจะสะอาดอยู่บ้างนั้นถือเป็นเรื่องยากอยู่บ้าง ถ้าหากไม่เป็นเพราะครั้งที่แม่นมโจวต้องสูญเสียหลานสาวไปและแม่นมฉีเสียผู้ช่วยที่มีความสามารถไป นางก็คงไม่สังเกตเห็นเด็กสาวที่ชื่ออิงเอ๋อร์คนนี้
ฉวยโอกาสในขณะที่เบื้องหลังของอิงเอ๋อร์ยังใสสะอาดอยู่ และก่อนที่จะกลายเป็นคนของฮูหยินใหญ่ นางต้องเก็บมาเป็นคนของตนเองก่อน
กู้ชิวเหลิ่งไอเล็กน้อย และพูดว่า “ไปเตรียมน้ำชาเย็นมาหนึ่งถ้วย”
“น้ำชาเย็น?”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว นางรู้สึกลำคอแหบแห้งมาก คงได้แต่เอาน้ำเย็นมาควบคุมไว้ก่อน
จูเอ๋อร์ไม่กล้าทำให้น้ำชาเย็นมากนัก สุดท้ายจึงยกน้ำชาที่ไม่อุ่นและไม่ร้อนมาให้ หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกลำคอโล่งขึ้นมาบาง พูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายใหญ่จะกลับมาถึงเมื่อไหร่”
“คุณชายใหญ่เร่งเดินทางกลับทั้งวันทั้งคืน น่าจะเป็นเพราะมีราชกิจเร่งด่วน ฉะนั้นเมื่อกลับมาถึงจวน ลงจากม้าถอดชุดเกราะออกแล้วมุ่งหน้าเข้าวังทันที น่าจะออกไปได้ครึ่งชั่วยามแล้ว บ่าวก็ไม่ทราบว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูท้องฟ้าภายนอกแวบหนึ่ง พูดว่า “ฮ่องเต้ไม่มีทางให้กู้ชิวถางอยู่ทานอาหารกลางวัน ช้าสุดก็อีกครึ่งชั่วยาม แต่งตัวทำผมให้ข้าตอนนี้เลย”
จูเอ๋อร์บอกว่า “ทำเหมือนทุกวันหรือเจ้าคะ”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูเครื่องประดับอัญมณีมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ ล้วนเป็นของที่กู้หนานเฉิงส่งมาให้เมื่อสองวันก่อน ส่วนมากไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก แต่ดูแล้วก็สวยดี
กู้ชิวเหลิ่งบอกว่า “ปิ่นปักผมสีเงินนั่นแล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
นี่เป็นปิ่นปักผมธรรมดาไม่สะดุดตาที่กู้หนานเฉิงส่งมาให้ แต่ปิ่นปักผมที่ดูธรรมดาไม่สะดุดตาอันนี้ บางทีอาจจะสามารถใช้ประโยชน์ได้บ้างในงานเลี้ยงวันนี้
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งค่อยๆโค้งขึ้น นางไม่ชอบต่อกรกับทหาร แต่ถ้าหากกู้ชิวถางกับฮูหยินใหญ่ร่วมมือกันทำชั่ว นางก็คงต้องคิดหาวิธี กำจัดหายนะนี้ให้สิ้นซาก
แต่เสียดายที่ร่างกายนี้มีแทบจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับกู้ชิวถางเลย อาจเป็นเพราะว่าในหนึ่งปีนั้นกู้ชิวถางใช้เวลาอยู่ในจวนแค่ไม่กี่วันเท่านั้น กู้หนานเฉิงได้ฝากความหวังสูงสุดไว้กับทายาทเพียงคนเดียวคนนี้ และนางก็อยากจะดูว่า ที่แท้กู้ชิวถางนั้นมีบทบาทอย่างไรกันแน่
จูเอ๋อร์ปักปิ่นปักผมไว้บนศีรษะของกู้ชิวเหลิ่ง ถือกล่องที่ดูประณีตกล่องหนึ่งไว้ในมือ พูดว่า “ใช่แล้ว เมื่อคืนคุณหนูกลับมาดึก บ่าวลืมบอกไป นี่เป็นชาดที่เซียวโหวเย๋น้อยส่งมาให้ เพียงแต่ตอนที่มาคุณหนูไม่อยู่ โหวเย๋น้อยจึงวางเอาไว้”