ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 44 ดูหมิ่นเหยียดหยาม
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 44 ดูหมิ่นเหยียดหยาม
อิงเอ๋อร์พูดอย่างหวาดหวั่นว่า “ข้าจะกล้าถือสาได้อย่างไร”
กู้ชิวเยว่ใช้น้ำเสียงดูถูกพูดเสียงเบาว่า “ข้าดูแล้วเจ้าก็คงไม่กล้า”
อิงเอ๋อร์รีบก้มหน้าลงทันที ราวกับกลับไปเป็นสาวใช้ขี้ขลาดคนนั้นอีกแล้ว
กู้ชิวถางไม่ค่อยจะสนใจเรื่องหลังบ้านเหล่านี้สักเท่าไหร่ ตั้งแต่เดินเข้าประตูมากู้ชิวเหลิ่งก็พบว่ากู้ชิวถางเหมือนมีความกังวลใจอยู่ นึกถึงเรื่องข่าวลือในเมืองหลวงช่วงนี้ บอกว่าองค์หญิงอานไท่ของซีจิ้งกำลังจะเข้าเมืองหลวง โดยใช้สถานการณ์เป็นแคว้นบริวารในการเข้าร่วมงานเลี้ยงของแคว้น เห็นทีข่าวนี้จะไม่ใช่เรื่องเท็จ
กู้หนานเฉิงก็สังเกตเห็นว่ากู้ชิวถางไม่ปกติ จึงถามขึ้นว่า “พวกเจ้าออกไปให้หมด ข้ากับถางเอ๋อร์มีเรื่องต้องปรึกษากัน”
กู้ชิวถางตอบรับอย่างนอบน้อม “ลูกทราบแล้ว”
ก่อนจะเดินออกไป ฮูหยินใหญ่กุมมือของอิงเอ๋อร์อย่างเป็นกันเอง พลางพูดว่า “น้องเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในสวนฟางหวา ทุกอย่างคงยังไม่ราบรื่นมากนัก ไม่สู้มาที่เรือนข้า มีบางอย่างที่ข้าอยากจะคุยกับเจ้าตามลำพัง”
อิงเอ๋อร์มือสั่นเทา แต่กู้หนานเฉิงกลับไม่รับรู้เลยสักนิด น้ำเสียงของอิงเอ๋อร์ไม่มั่นคง “ข้าทราบแล้วเจ้าคะ……”
กู้ชิวเหลิ่งได้ยินทุกสิ่งที่พวกเขาคุยกัน เดินไปที่ที่ไม่มีผู้คน แล้วจึงพูดกับจูเอ๋อร์ว่า “รอให้อี๋เหนียงสี่ออกมาจากเรือนของอี๋เหนียงสี่แล้ว เจ้าก็ไปดูที่สวนฟางหวา บอกนางว่าข้าได้เตรียมของขวัญไว้ให้นาง”
จูเอ๋อร์พูดว่า “บ่าวรู้เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งพูดว่า “รู้ความหมายที่ข้าให้เจ้าไปใช่หรือไม่”
จูเอ๋อร์ทบทวนอย่างละเอียด พูดว่า “บ่าวคิดว่าฮูหยินใหญ่ที่ชอบอิจฉาริษยา ต้องไม่ทำดีกับอิงเอ๋อร์แน่ คุณหนูอยากจะให้บ่าวไปดูว่าที่แท้นางกับฮูหยินใหญ่มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกันแน่ฮูหยินใหญ่
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มจางๆ “มีจุดหนึ่งที่ฮูหยินใหญ่พูดไม่ผิด อิงเอ๋อร์เป็นคนขี้ขลาด นางสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี แต่พวกเราก็เหมือนกันสามารถควบคุมได้ดีมาก……หลังจากเจ้าไปแล้ว อย่าเพิ่งทำอะไร แค่สังเกตดู พบว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ให้มาบอกข้า ”
จูเอ๋อร์พยักหน้า พูดว่า “บ่าวเข้าใจแล้ว”
นอกสวนอี้เซียงของฮูหยินใหญ่มีสาวใช้และแม่นมที่รายล้อมอยู่จนแทบจะปิดกั้นสวนอี้เซียงเอาไว้อย่างมิดชิดเลยทีเดียว
เสียงร้องอุดอู้ดังมาจากในห้อง แต่คนที่อยู่นอกเรือนต่างก็ทำกับราวไม่ได้ยิน
ไม้ยาวหนึ่งเมตรถูกฟาดลงไปที่แผ่นหลังของอิงเอ๋อร์อย่างแรง ราวกับจะตีนางให้สลบ เดิมทีนางก็มีรูปร่างไม่สูงอยู่แล้ว ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น ร่างกายถูกมัดเอาไว้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง
กู้ชิวเซียงเดินเข้าไป ฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าของอิงเอ๋อร์ เอ่ยอย่างกราดเกรี้ยวว่า “นังคนต่ำช้า เจ้ากล้าคาดหวังจะขึ้นมาเป็นอี๋เหนียง ช่างน่าตายยิ่งนัก”
“ข้า..ข้า”
ยังไม่ทันพูดจบ น้ำเย็นกะละมังหนึ่งก็ถูกสาดไปบนตัวนาง ฮูหยินใหญ่มองด้วยสายตาเย็นชา ฮูหยินใหญ่ยิ้มเย็น “ข้า? เปลี่ยนได้เร็วจริงๆ เมื่อวานยังคุกเข่าอยู่กับพื้นเรียกตนเองว่าบ่าว วันนี้คิดได้เปลี่ยนตัวเองมาเป็นเจ้านายของจวนโหวแล้วอย่างนั้นหรือ”
อิงเอ๋อร์คุกเข่าอยู่ใต้ขาของกู้ชิวเซียง ร้องไห้พลางพูดว่า “บ่าวมิกล้า บ่าวมิกล้า บ่าวไม่เคยหวังอยากจะเป็นอี๋เหนียง……แต่นายท่านเขา……”
แม่นมโจวที่อยู่ข้างๆใช้เท้าเตะอิงเอ๋อร์จนล้มไปที่พื้น เอ่ยอย่างโมโหว่า “บังอาจ ถึงกับกล้าดึงนายท่านมาเกี่ยวข้อง เจ้ามันนังชั้นต่ำไร้ยางอายจริงๆ ”
ทั้งๆที่ฮูหยินใหญ่เป็นคนมอบยาปลุกกำหนัดให้นางเองกับมือ ให้นางใช้ร่างกายของตนเองใส่ร้ายกู้ชิวเหลิ่ง ถ้าหากไม่เป็นเพราะคนในครอบครัวนางต่างก็ตกอยู่ในกำมือของกู้ชิวเหลิ่งละก็ นางไม่มีทางเห็นด้วยแน่ แต่ว่าพูดอะไรตอนนี้ก็สายไปแล้ว
ฮูหยินใหญ่พูดเสียงเรียบว่า “เอาล่ะ ในเมื่อนายท่านชื่นชอบเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ ทำหน้าที่อี๋เหนียงสี่ของเจ้าให้ดี ถ้าหากหลังจากนี้เจ้าทำตัวเชื่อฟัง ข้ารับรองว่าคนในครอบครัวเจ้าจะปลอดภัย ข้าเองก็จะให้เจ้าได้มีความสุขกับชื่อเสียงและเกียรติยศ”
อิงเอ๋อร์โขกหัวคำนับกับพื้นอย่างแรง ร้องไห้พลางพูดว่า “บ่าวขอบคุณฮูหยินใหญ่ บ่าวจะเชื่อฟังฮูหยินใหญ่ทุกอย่าง”
ฮูหยินใหญ่โบกมือ ส่งสายตาให้กับแม่นมโจว แม่นมโจวกระชากผมของอิงเอ๋อร์ขึ้นมาทันที ใช้ยาที่มีรสขมฝาดเข้มข้นกรอกลงไปในปากของอิงเอ๋อร์
อิงเอ๋อร์สำลักจนพูดไม่ออก ฮูหยินใหญ่ได้เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ก็แค่น้ำแกงคำฝอย ข้าสามารถให้เจ้าปรนนิบัตินายท่านก็ได้ แต่ถ้าหากเจ้ากล้าปล่อยให้ตนเองตั้งท้อง……”
อิงเอ๋อร์รีบพูดขึ้นว่า “บ่าวไม่กล้า บ่าวจะกินยาตามเวลา ไม่ให้ตั้งท้องอย่างเด็ดขาด”
ฮูหยินใหญ่พยักหน้าอย่างพอใจ พูดว่า “เอาล่ะ ให้คนเปลี่ยนชุดให้เจ้าซะ เจ้าก็ไปจากที่นี่ได้แล้ว”
“บ่าวขอบคุณฮูหยิน ขอบคุณฮูหยิน”
สาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังพาอิงเอ๋อร์เข้าไปในเรือนด้านข้าง ในห้องไม่มีใครเลย มีเพียงชุดสีเหลืองไข่เท่านั้น ความเจ็บที่เอวทำให้นางยืนตัวตรงไม่ได้
อิงเอ๋อร์ค่อยๆถอดเสื้อผ้าที่เปียกปอนของตนเอง แต่ประตูกลับถูกเปิดออก ที่เข้ามาคือผู้ชายสองคนที่หน้าตาอัปลักษณ์มาก อายุน่าจะสามสิบสี่สิบปีแล้ว ฟันเหลืองเต็มปาก ผิวพรรณดำคล้ำ
อิงเอ๋อร์รีบเอาเสื้อผ้าปิดหน้าอกของนางเอาไว้ พูดด้วยใบหน้าที่มึนงงว่า “พวกเจ้าเป็นใคร ออกไปนะ ออกไป”
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในเรือนด้านข้างเหลือแค่อิงเอ๋อร์คนเดียว ราวกับหุ่นเชิดที่แตกสลาย นอนอยู่บนโต๊ะ เลือดไหลที่ไหลออกมาจากส่วนล่างเปื้อนชุดที่เปียกปอน นี่คือการลงโทษของฮูหยินใหญ่ จะบอกว่าเจ็บจนแทบอยากจะตาย ก็แค่นี้เอง
ความหวาดกลัวในใจค่อยๆเปลี่ยนเป็นความแค้น นางน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าฮูหยินใหญ่ไม่ใช่คนจิตใจดีอะไรขนาดนั้น จะปล่อยสาวใช้ที่ปีนขึ้นเตียงนายท่านไปได้อย่างไร ให้ดื่มน้ำแกงคำฝอยยังไม่พอ นี่ก็คือการแก้แค้นของฮูหยินใหญ่
หน้าประตูได้มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมา “อี๋เหนียงสี่ ท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จหรือยังเจ้าคะ นี่ก็ผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว”
น้ำตาของอิงเอ๋อร์ไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หยดลงบนโต๊ะไม่ขาดสาย นางยื่นมือไปใส่ชุดสีเปลือกไข่ ปกปิดรอยแผลที่อยู่บนร่างกาย ค่อยๆเดินออกจากห้อง
ภาพที่เห็นในสายตาคือรอยยิ้มของแม่นมโจวที่เข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี นี่เป็นการเหยียดหยามที่ใหญ่กว่าเมื่อคืนวานเสียอีก
อิงเอ๋อร์รีบเดินออกไปจากสวนอี้เซียง สองขาเจ็บปวดจนแทบจะทนไม่ไหว แต่เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูสวนฟางหวา นางมองเห็นจูเอ๋อร์
สิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งมอบให้คือปิ่นปักผมสีเงินหนึ่งอัน แต่อิงเอ๋อร์ไม่มีสมาธิจะดู ในเรือนนี้เต็มไปด้วยคนของฮูหยินใหญ่ แม้ว่านางอยากจะขอให้จูเอ๋อร์ช่วย อาศัยแค่ลูกสาวของอนุคนหนึ่ง จะช่วยนางได้อย่างไร
อิงเอ๋อร์รีบรับของขวัญที่กู้ชิวเหลิ่งให้จูเอ๋อร์ส่งมาให้ เมื่อจูเอ๋อร์กลับไปที่เรือน กู้ชิวเหลิ่งกำลังเปลือยเท้านั่งอยู่ข้างสระน้ำ
“ทำไม เจ้าได้เห็นหรือยัง”
จูเอ๋อร์ก้มหน้าลง พูดว่า “คุณหนู เอาอย่างนี้ท่านลองคิดหาวิธีช่วยอิงเอ๋อร์ดู ……บ่าวเห็นนางน่าสงสารจริงๆ”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูผิวน้ำที่นิ่งสงบ จุดจบของอิงเอ๋อร์นางเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่พูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ตอนที่นางใส่ร้ายข้า ก็น่าจะรู้จุดจบของตนเองแล้ว เป็นเพราะนางโง่และไร้เดียงสามากเกินไป แล้วข้าจะทำอะไรได้”
จูเอ๋อร์รีบถามขึ้นอย่างร้อนใน “แต่ในจวนโหวนี้ นอกจากคุณหนูที่ช่วยนางได้แล้ว ก็ไม่มีใครช่วยนางได้แล้ว”