ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 47 เอาไปผลาญได้เลย
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 47 เอาไปผลาญได้เลย
ในวันนี้ กู้ชิวเหลิ่งสวมผ้าคลุมหน้าบางสีเขียว สวมชุดกระโปรงยาวสีไผ่เขียวทั้งชุด ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในถือเป็นของชิวไห่ถัง ริมถนนคึกคัก นางไปที่หอจูชุ่ยของเซียวอวิ๋นเซิงคนเดียว
จูเอ๋อร์ติดตามอยู่ด้านหลังของกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: “วันนี้คุณหนูไปที่หอจูชุ่ยแต่เช้า คือต้องการจะเตรียมเสื้อผ้าใหม่หรือเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “หลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อวาน ฝู้จื่อโม่กลับเตือนสติข้า กฎเกณฑ์ของต้าเยียนไม่มาก หญิงสาวที่เข้าร่วมงานเลี้ยงในราชสำนักสามารถเข้าร่วมการล่าสัตว์ได้ ซื้อชุดขี่ม้าชุดหนึ่ง เผื่อจะใช้”
จูเอ๋อร์เกาหัว: “ชุดขี่ม้าที่เซ่อเจิ้งหวางที่ส่งมาก่อนหน้านี้ บ่าวเห็นว่าก็สวยดี ทำไมยังต้องซื้อของใหม่ด้วย?”
“ชุดขี่ม้าของแคว้นฉี ต้าเยียนจะมีได้อย่างไร?”
ถ้าหากนางสวมชุดขี่ม้าของแคว้นฉี ไม่รู้ว่าจะก่อให้เกิดเป็นเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
ถนนที่อยู่ด้านนอกหอจูชุ่ยมีชื่อว่าถนนฉางอัน ถนนไม่กว้างแล้วก็ไม่แคบ รถม้าที่ดูไม่สะดุดตาคันหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ คนที่ขับรถอยู่ด้านหลังม้าตะโกนกล่าวขึ้นมา: “ถอยไป! ถอยไปให้หมด!”
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่กลางถนนของถนนฉางอัน ผู้สัญจรไปมาที่อยู่ด้านข้างต่างก็ออกไปจากถนนสายนี้ ลวดลายบนรถม้าทำให้ในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งเย็นชาขึ้นมาทันที นี่คือรถม้าของแคว้นฉี
“ไสหัวไป!”
กู้ชิวเหลิ่งไม่มีเจตนาที่จะถอยออกไปเลยแม้แต่น้อย บ่าวรับใช้ชายรีบดึงบังเหียนเอาไว้ คำรามขึ้นมาอย่างโกรธเคือง: “ยังไม่รีบหลบออกไปอีก!”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวออกมาอย่างเย็นชา: “ไม่หลบออกไปแล้วอย่างไร? ผู้ที่อยู่ในเกี้ยวเป็นใครกัน? อนุญาตให้เจ้ามาโอหังอยู่ที่นี่?”
“เจ้า!”
“หลีกทางให้คุณหนูท่านนี้ เราเดินอ้อมไป”
ไม่มีอะไรที่จะคุ้นเคยไปมากกว่าเสียงที่อยู่ในเกี้ยวแล้ว เพียงแต่ว่าในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความอ่อนแอเล็กน้อย
กู้ชิวเหลิ่งค่อยๆอ้อมออกจากถนน ผ้าม่านของเกี้ยวถูกลมพัดจนเปิดออกครึ่งหนึ่ง สายตาที่เย็นชาของจวินฉีเซิ่ง เลื่อนผ่านใบหน้าที่สวมใส่ผ้าคลุมหน้าบางสีเขียวของกู้ชิวเหลิ่ง และกู้ชิวเหลิ่งก็เลื่อนผ่านใบหน้าที่ซีดขาวของจวินฉีเซิ่ง
เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวนี้เท่านั้น นางก็มีความคิดเป็นร้อยเป็นพันเข้ามาในหัว ความคิดที่อยากจะใช้มีดหมื่นพันเล่มเชือดเฉือนจวินฉีเซิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“คุณหนู ท่านกำลังคิดอะไรเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเย้ยหยันออกมา: “ข้ากำลังคิดว่า ตกลงคือบุคคลแบบไหน ที่สามารถกำเริบเสิบสานอย่างไร้ความยำเกรงในถนนฉางอันของเมืองหลวงได้”
จวินฉีเซิ่งก็ยังคงเป็นจวินฉีเซิ่ง เมื่อครู่นี้ที่สั่งให้บ่าวรับใช้ชายหลีกทางให้ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากให้ชาวบ้านของต้าเยียนเกิดความสนใจ เขามาที่ต้าเยียนเร็วขนาดนี้ น่าจะเพื่อเตรียมการทำลายแผนการของอวี้ฉือจ้าน
แต่ว่าตอนที่เห็นลักษณะหน้าตาของจวินฉีเซิ่ง กลับดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
และผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาคนนั้น……ในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งเย็นยะเยือก ดูเหมือนจะไม่ใช่มู่หรงอี๋
กู้ชิวเหลิ่งมองไปทิศทางที่รถม้าหายไปครู่สุดท้าย จากนั้นก็กล่าวกับจูเอ๋อร์ว่า: “เราไปกันเถอะ”
จูเอ๋อร์ตามอยู่ด้านหลังของกู้ชิวเหลิ่งอย่างเชื่อฟัง ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆที่แทรกเข้ามาเท่านั้น และจุดประสงค์ของพวกนางในครั้งนี้ ก็คือจะไปซื้อชุดขี่ม้าที่ดูดีได้มาตรฐานที่หอจูชุ่ยชุดหนึ่ง
ผู้จัดการของหอจูชุ่ยเฝ้าอยู่ด้านนอกประตูจนเหงื่อท่วมตัว ดื่มชาจับเลี้ยงที่อยู่ด้านข้างไปสองกาใหญ่แล้ว
กู้ชิวเหลิ่งเดินผ่านผู้จัดการไป กำลังจะเดินเข้าประตู ก็ถูกผู้จัดการหยุดเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “คุณหนูรอง คุณชายของเรารอท่านอยู่ชั้นสองครึ่งชั่วยามกว่าแล้ว”
“เซียวอวิ๋นเซิงรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา?”
ผู้จัดการปาดเหงื่อบนใบหน้า กล่าวว่า: “ข้าน้อยก็ไม่ทราบ อย่างไรเสียคุณชายก็ให้ข้าน้อยรออยู่ที่นี่ ท่านมาถึงเมื่อไหร่ ก็ไม่ต้องไปแจ้ง ให้เชิญท่านขึ้นไปชั้นสองโดยตรงเลย”
กู้ชิวเหลิ่งมองขึ้นไปชั้นสองจากหน้าประตูของหอจูชุ่ย เรื่องที่ว่านางอยากจะซื้อชุดขี่ม้าชุดหนึ่งนางไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้เลย ทำไมเซียวอวิ๋นเซิงถึงรู้ว่านางจะมาวันนี้?
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวกับผู้จัดการว่า: “เจ้ารออยู่ที่ชั้นหนึ่งเถอะ ข้าเข้าไปเอง”
“ข้าน้อยขออำลา”
จูเอ๋อร์คิดจะติดตามขึ้นไป กู้ชิวเหลิ่งกลับยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง ขวางจูเอ๋อร์เอาไว้ กล่าวขึ้นมาอย่างราบเรียบ: “เจ้ารอข้างนอก อีกสักครู่ข้าก็ลงมาแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งจะเดินไปถึงขอบบันได ก็เห็นเซียวอวิ๋นเซิงนอนอยู่บนเก้าอี้ที่อ่อนนุ่ม กำลังรออย่างใจจดใจจ่อ โดยใช้พัดพัดลมอยู่ และยังเอะอะไปด้วย: “ไปดูให้ข้าหน่อยสิ! ทำไมยังมาไม่ถึงอีก!”
“ท่านเซียวโหวเย๋น้อยว่างมากจริงๆ มารอข้าโดยเฉพาะเลยหรือ?”
เซียวอวิ๋นเซิงได้ยินเสียงนี้ ก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างเร็ว
กู้ชิวเหลิ่งถอดผ้าคลุมหน้าบางสีเขียวออกแล้ว ใบหน้าเย็นชาตัดขาดจากทางโลก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก: “ทำไม? ท่านเซียวโหวเย๋น้อยรอข้านานขนาดนี้ เชิญข้าขึ้นมาก็เพื่อมองดูข้าหรือ?”
เซียวอวิ๋นเซิงกระแอมไปสองครั้ง เก็บพัด แล้วกล่าวว่า: “ข้า……ข้าไม่ใช่……”
“ไม่ใช่?”
แก้มของเซียวอวิ๋นเซิงแดงขึ้นมาเล็กน้อย ลุกขึ้นมาซะเลย กล่าวว่า: “เมื่อวานเจ้ากับฝู้จื่อโม่แล้วก็อวี้ฉือจ้านอยู่ด้วยกันใช่ไหม?”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ทำไม? ท่านเซียวโหวเย๋น้อยยังแอบหาคนสืบว่าทุกวันข้าทำอะไรบ้างอย่างนั้นหรือ?”
“ถุย! ข้าจะไปตามสืบว่าทุกวันเจ้าทำอะไรบ้างทำไมกัน? ข้าก็แค่นึกขึ้นมาได้ว่าเสื้อผ้าชุดที่เจ้าเอาไปจากที่นี่ครั้งที่แล้ว เด็กๆเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ใส่เหมือนกันอยู่บนเรือ บอกว่าชื่อแม่นางเหลิ่งอะไรนี่แหละ เป็นสนมของฝู้ซื่อจื่อ ข้าก็แค่สงสัย……แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้า ทำไมเจ้าถึงยังกลายเป็นแม่นางเหลิ่งอะไรนั่นล่ะ? เจ้าคงมิได้กลายเป็นสนมของฝู้จื่อโม่จริงๆใช่ไหม?”
“เรื่องของข้า ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้กับเจ้า”
“ข้ารู้ว่าฝู้จื่อโม่ร่ำรวย แต่ข้าเองก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง เขาสามารถมอบชุดขี่ม้าให้เจ้าได้ ข้าก็มอบให้ได้เช่นกัน!”
เซียวอวิ๋นเซิงชี้ไปที่กล่องไม้จันทน์ที่อยู่บนโต๊ะ กล่าวว่า: “อันนี้ให้เจ้า! รับประกันว่าในต้าเยียนไม่มีชิ้นที่สองอย่างแน่นอน! การล่าสัตว์ในงานเลี้ยงของแคว้น เจ้าก็ใส่ชุดนี้แหละ! ได้ยินหรือไม่?”
หว่างคิ้วของกู้ชิวเหลิ่งขมวดแน่นมากยิ่งขึ้น: “ท่านเดาออกว่าวันนี้ข้าจะมาเลือกชุดขี่ม้าที่หอจูชุ่ย ดังนั้นก็เลยเตรียมให้ข้าชุดหนึ่ง? ข้ากลับไม่รู้เลยว่า ท่านเซียวโหวเย๋น้อยใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ข้าใจกว้างเช่นนี้มาตลอดอยู่แล้ว! เจ้ารับหรือไม่!”
ภายใต้สายตาประหม่าที่แสร้งทำเป็นผ่อนคลายของเซียวอวิ๋นเซิง กู้ชิวเหลิ่งเปิดกล่องไม้จันทน์ออก สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นคือชุดขี่ม้าที่ดูล้ำค่ามากจริงๆ ชั้นที่แทรกที่อยู่ข้างในคือผ้าไหมน้ำแข็ง สวมใส่ในฤดูร้อนเย็นสบาย ชุดขี่ม้าที่อยู่ด้านนอกดูสง่าเรียบง่าย ปักดอกไห่ถังด้วยด้ายสีเงินสองสามดอก เมื่อเทียบกับชุดขี่ม้าทั่วไปแล้วดูงดงามกว่าเล็กน้อย แค่มองก็รู้ว่าเป็นชุดที่เด็กผู้หญิงสวมใส่
“เนื้อผ้าให้ความรู้สึกเย็นเมื่อสัมผัส เป็นชุดขี่ม้าที่ไม่เลวชุดหนึ่งเลย”
เซียวอวิ๋นเซิงรีบเอ่ยปากกล่าวว่า: “ไม่ใช่ว่าข้าคุยโม้โอ้อวด แค่ชุดขี่ม้าชุดนี้ ทั่วทั้งเมืองหลวงไม่มีชุดที่สอง ไม่มีชุดที่สวยกว่านี้อย่างแน่นอน! ข้าไม่สนว่าสิ่งที่ฝู้จื่อโม่มอบให้คืออะไร แต่ดีไม่เท่าชุดนี้อย่างแน่นอน!”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า: “เทียบชุดนี้ไม่ได้จริงๆ ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด เนื้อผ้าบนชุดขี่ม้าชุดนี้พับละพันตำลึงทอง ค่าใช้จ่ายในการแปรรูปหลังจากนั้นน่าจะสูงยิ่งกว่า ท่านเซียวโหวเย๋น้อยใช้เงินมือเติบเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะผลาญทรัพย์สมบัติของตระกูลจนสิ้นจริงหรือ?”
“ทรัพย์สมบัติตระกูลข้ามีมากมาย หากว่าเจ้าพอใจ เอาไปผลาญได้เลย!”
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งเกี่ยวเป็นมุมโค้งเล็กน้อย “ท่านเซียวโหวเย๋น้อยทุ่มเงินไปกับข้าเช่นนี้ เพื่ออะไร”