ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 48 ภูเขาทองเก้าลูก
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 48 ภูเขาทองเก้าลูก
เซียวอวิ๋นเซิงตะลึงงันกับคำถามที่กู้ชิวเหลิ่งถามออกมา นานพักใหญ่ก็พูดอะไรไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ จะบอกว่าเพราะอะไรถึงต้องมอบชุดขี่ม้าชุดนี้ให้กับกู้ชิวเหลิ่ง เป็นเพราะว่าเมื่อวานเขาได้ข่าวมา บอกว่าฝู้จื่อโม่มอบชุดขี่ม้าให้กับกู้ชิวเหลิ่งชุดหนึ่ง เพื่อให้กู้ชิวเหลิ่งสวมใส่ในพื้นที่ล่าสัตว์หลังจากจบงานเลี้ยงของแคว้นแล้ว
เขาก็ไม่รู้ตอนนั้นตัวเองเป็นอะไรไป ถึงกับให้คนไปรวบรวมผ้าที่ดีที่สุดมาทำให้กู้ชิวเหลิ่งชุดหนึ่ง ถึงกับมีความหมายว่าจะแข่งขันแพ้ชนะกับฝู้จื่อโม่เล็กน้อย
เซียวอวิ๋นเซิงพูดไม่ออก จู่ๆก็ปิดกล่องไม้จันทน์กะทันหัน กล่าวว่า: “จะเอาไม่เอา! ให้เจ้าเปล่าๆยังจะพูดอะไรไร้สาระมากมายอีก!”
กู้ชิวเหลิ่งจับมือของเซียวอวิ๋นเซิงเอาไว้ ความเย็นยะเยือกที่ส่งมาบนหลังมือทำให้เซียวอวิ๋นเซิงตัวสั่นไปทั้งตัว
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ: “ของข้ารับเอาไว้ เพียงแต่ว่าไม่ใช่ท่านให้ข้าเปล่าๆ”
เซียวอวิ๋นเซิงกล่าวถามด้วยความมึนงง: “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าเป็นคนซื้อกับท่านเอง”
เซียวอวิ๋นเซิงเลิกคิ้ว กล่าวว่า: “ไม่ใช่ว่าข้าดูถูกเจ้า บวกกับเสื้อผ้าสองชุดที่เจ้าเอาไปจากที่นี่ครั้งที่แล้ว ก็มีมูลค่าสองแสนห้าหมื่นตำลึงทองแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าเลย ถึงแม้จะเป็นพ่อเจ้ากู้หนานเฉิง ทรัพย์สมบัติทั้งหมดรวมกันก็ไม่แน่ว่าจะมีสองแสนห้าหมื่นตำลึงทองนี่”
“ถ้าหากข้าจำไม่ผิด พื้นที่ตรงเขาหนานซานล้วนเป็นของท่านเซียวโหวเย๋น้อยใช่ไหม?”
เซียวอวิ๋นเซิงพยักหน้า กล่าวว่า: “ถูกต้อง เขาหนานซานถูกทิ้งร้างมาตลอดหลายปี สี่ปีก่อนข้าซื้อมันเอาไว้ ตอนนี้กลายเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มแล้ว”
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งโค้งขึ้นมาเล็กน้อย: “ภูเขาที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่ม? ข้าว่ามันก็ไม่แน่หรอก”
รอยยิ้มบนหน้าของเซียวอวิ๋นเซิงค่อยๆจางหายไป: “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“เขาหนานซานมีภูเขาทั้งหมดยี่สิบสี่ลูก เคยเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ต่อมาถูกท่านดูแลจนกลายเป็นภูเขาชาสามลูก ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์อีกสิบสองลูก แต่ว่าภูเขาอีกเก้าลูกที่โอบล้อมอยู่ด้านใน น่าจะยังคงไม่มีต้นหญ้าขึ้นสักต้นเช่นเดิมใช่ไหม?”
สายตาของเซียวอวิ๋นเซิงหรี่ลงเล็กน้อย ถาม: “เจ้ารู้อะไรมาบ้าง?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “อาศัยแค่ทรัพย์สมบัติของตระกูลเซียวจะมีเท่าไหร่กัน? อาศัยหอจูชุ่ยจะสามารถสร้างรายได้แค่ไหน? ในปีหนึ่งสามารถทำรายได้หลายหมื่นตำลึงก็ถือว่าเป็นรายได้ที่ไม่เลวแล้ว แต่ว่าดูจากที่ท่านเซียวโหวเย๋น้อยใช้เงินมือเติบเช่นนี้ ทรัพย์สมบัติของตระกูลไม่มีสักหลายล้านตำลึงทองคงเป็นไปไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
เซียวอวิ๋นเซิงอดที่จะกลืนน้ำลายเฮือกหนึ่งไม่ได้ กู้ชิวเหลิ่งกล่าวต่อไปอีกว่า: “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด บรรดาโรงน้ำชาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเมืองหลวงล้วนเป็นของท่านทั้งนั้น และสาเหตุที่ภูเขาเก้าลูกเขาหนานซานไม่มีแม้แต่หญ้าก็จะขึ้น เป็นเพราะว่าในภูเขามีเหมืองทอง และปริมาณก็มากจนไม่สามารถขุดได้หมด ลองนึกภาพว่ามีเหมืองทองมากมายอยู่ใต้ภูเขา บนภูเขาจะมีหญ้าและต้นไม้เติบโตขึ้นมาได้อย่างไร?”
สี่ปีก่อน เนื่องจากปัญหาเงินทุนทางการทหาร จวินฉีเซิ่งไปหาซินแสฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียง ก็เพื่อจะหาเหมืองทอง แต่ว่าถึงแคว้นฉีจะเป็นประเทศใหญ่ แต่ว่าเหมืองทองขนาดใหญ่ก็ไม่ได้มีสองแห่ง ซินแสฮวงจุ้ยในตอนนั้นชี้ว่าแหล่งกำเนิดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ทิศตะวันตก ซึ่งก็คือเขาหนานซานของต้าเยียน ในตอนที่จวินฉีเซิ่งอยากจะซื้อเขาหนานซาน เขาหนานซานก็ถูกเซียวอวิ๋นเซิงชิงตัดหน้าซื้อไปแล้ว ถึงแม้ว่าเซียวอวิ๋นเซิงจะซื้อไปแล้ว จวินฉีเซิ่งยังคอยตรวจสอบสถานการณ์ของเขาหนานซานเป็นระยะๆ ดังนั้นนางถึงได้รู้จักเขาหนานซานเป็นอย่างดี
“ข้าประเมินเจ้าต่ำไปจริงๆ”
เซียวอวิ๋นเซิงส่ายพัด กล่าวว่า: “ที่เจ้าพูดมาถูกต้องทั้งหมด แต่ว่าเขาหนานซานถูกข้าทำเป็นเขตต้องห้ามมาตลอด ภายในรัศมีสิบลี้ไร้คนพูดถึง เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ไม่ต้องสนใจว่าข้ารู้ได้อย่างไร ข้าแค่อยากจะถามท่าน ว่าอยากจะได้สองแสนห้าหมื่นตำลึงทอง หรือว่าอยากจะได้สองล้านห้าแสนตำลึงทอง?”
เซียวอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว กล่าวว่า: “สองแสนห้าหมื่นตำลึงทองเจ้าก็ไม่สามารถเอาออกมาได้ นับประสาอะไรกับสองล้านห้าแสนตำลึงทอง? เจ้ารู้หรือไม่ว่าในท้องพระคลังมีเงินอยู่เท่าไหร่? ไม่ถึงสามล้านตำลึงทอง ไม่ใช่ว่าข้าพูดเกินจริง ในเมืองหลวงแห่งนี้นอกจากข้าแล้ว ก็มีเพียงอวี้ฉือจ้านเท่านั้นที่มีกำลังทรัพย์ขนาดนี้”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวออกมาอย่างไม่รีบร้อน: “อวี้ฉือจ้านไม่มีเหมืองทอง สิ่งที่เขาอาศัยคือฝีมือ และท่าน……อภัยที่ข้าพูดคำที่ไม่น่าฟัง เหมืองทองทั้งเก้าแห่งที่อยู่ในมือของท่าน ช่างเสียของจริงๆ”
เซียวอวิ๋นเซิงได้ยินคำพูดประโยคนี้ จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นไปจนถึงระดับแปด: “นังหนูน้อย! เจ้าพูดอะไรน่ะ! ถึงกับพูดว่าเหมืองทองพวกนี้อยู่ที่ข้าก็คือการเสียของ? เจ้าออกไปถามดูเลย กิจการทั้งหมดภายใต้ชื่อเซียวอวิ๋นเซิงข้า นั่นล้วนมีชื่อเสียงในเมืองหลวง……”
“ใช้เงินทุ่มออกมาก็ถือว่ามีชื่อเสียงแล้ว? โรงน้ำชาของพวกท่านราคาสูงคุณภาพดีก็จริง แต่ว่ากลุ่มลูกค้าชี้ล้วนชี้ไปทางชนชั้นสูง ชนชั้นสูงในเมืองหลวงก็มีแค่ไม่กี่คนนั้น ลดราคาและส่วนลดไปๆมาๆจะทำกำไรได้กี่มากน้อย? ชื่อเสียงคือใช้เงินทุ่มจนสำเร็จแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ได้มาอยู่ในมือจริงๆก็ไม่ได้มากเท่าไหร่”
เซียวอวิ๋นเซิงไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปเหล่านี้ ร้านค้าพวกนี้ล้วนให้ผู้จัดการคนสนิทเป็นคนบริหารจัดการ กำไรที่ได้รับในทุกปีไม่ได้ถือว่ามากจริงๆ ถึงขั้นว่ายังน้อยกว่าการขุดเหมืองในครั้งหนึ่งด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะเขาไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน ดังนั้นก็เลยไม่ได้ถามอะไรมาก
แต่ครั้งนี้ตอนที่ถูกกู้ชิวเหลิ่งชี้เรื่องพวกนี้ออกมาต่อหน้า เขาก็ไม่มีอะไรที่จะโต้แย้งได้จริงๆ
เซียวอวิ๋นเซิงโบกมือ กล่าวว่า: “ที่เจ้าพูดมาถูกต้องทั้งนั้น! แต่ที่เจ้าพูดเรื่องพวกนี้ก็หาเรื่องข้าใช่ไหม? มีคำพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ! อย่ามาสะกิดส่วนที่เจ็บของข้า!”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มออกมาอย่างสุภาพ กล่าวว่า: “ความหมายของข้าคือ ให้ข้ารับช่วงต่อดูแลกิจการโรงน้ำชาพวกนี้”
“ให้เจ้า? ล้อเล่นอะไรกัน!”
มือของกู้ชิวเหลิ่งลูบไล้อยู่บนลวดลายที่อยู่บนกล่องไม้จันทน์ กล่าวว่า: “ข้าไม่เคยล้อเล่น”
เซียวอวิ๋นเซิงชิออกมาคำหนึ่ง: “ทำไมข้าต้องให้เจ้ารับช่วงดูแลกิจการโรงน้ำชาแทนข้าด้วย? ข้ากับเจ้าสนิทกันมากหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “ข้าสามารถรับประกันได้ว่าทุกปีจะทำกำไรให้ท่านมากกว่าสองล้านห้าแสนตำลึงทองขึ้นไป”
เซียวอวิ๋นเซิงเลิกคิ้ว: “นังหนูน้อย เจ้าเห็นว่าข้าหลอกง่ายหรือ?”
“ก็ถือว่าข้าหลอกท่านแล้วกัน อย่างไรเสียโรงน้ำชาเหล่านี้อยู่ในมือของท่านก็แค่ทำเล่นๆ วางไว้ในมือของข้า อย่างมากก็แค่ขาดทุน ท่านเซียวโหวเย๋น้อยเงินเยอะอยู่แล้ว ไม่สนใจเงินเล็กน้อยแค่นี้หรอกใช่ไหม?”
เซียวอวิ๋นเซิงส่ายพัดไปมา กล่าวว่า: “ใครว่าข้าไม่สนใจ? แต่ว่า……ให้เจ้าก็ได้ แต่ไม่สามารถมอบกิจการโรงน้ำชาทั้งหมดให้เจ้า ให้เจ้าได้แต่ร้านเดียวเท่านั้น และข้าก็มีข้อเรียกร้องด้วย”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวออกมาจากไม่สนใจอะไรทั้งนั้น: “ท่านว่ามา”
“ข้อเรียกร้องมีสองข้อ ข้อหนึ่ง ข้าให้เวลาเจ้าแค่ปีเดียวเท่านั้น สิ้นปีของปีหน้า จะต้องทำกำไรให้ถึงสองแสนห้าหมื่นตำลึงทอง”
“ข้อสองล่ะ?”
เซียวอวิ๋นเซิงกระแอมไอออกมาคำหนึ่ง กล่าวว่า: “ข้อสอง! การล่าสัตว์หลังจากงานเลี้ยงของแคว้น เจ้าต้องใส่ชุดขี่ม้าที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้เจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูกล่องไม้จันทน์ที่อยู่บนโต๊ะ กล่าวว่า: “ได้”
“จริงหรือ?”
น้ำเสียงของกู้ชิวเหลิ่งแฝงเจตนายิ้มเล็กน้อย: “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าท่านสนใจข้อเรียกร้องข้อที่สองมากกว่าล่ะ? มีผลประโยชน์อะไรต่อท่านอย่างนั้นหรือ?”
เซียวอวิ๋นเซิงรีบร้อนหันหลังไป แสร้งทำเป็นใช้พัดเพื่อพัดลม นานพักใหญ่ถึงได้กล่าวออกมาประโยคหนึ่ง: “ข้าก็แค่ทนดูความประพฤติของฝู้จื่อโม่ไม่ได้ เป็นผู้ชายดีๆคนหนึ่งไม่ชอบดันจะเป็นต้วนซิ่วอะไรนั่น ต้วนซิ่ว*ก็ต้วนซิ่วสิ ยังจะชอบเที่ยวผู้หญิงอีก ผู้ชายแบบนี้……ยังมีคนบอกว่าเขาสง่างามไม่ธรรมดาอีก!”
เซียวอวิ๋นเซิงยิ่งพูดก็ยิ่งจริงจัง ความจริงเขากับฝู้จื่อโม่ไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันเลย เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อนึกถึงภาพที่ฝู้จื่อโม่ประจบประแจงกู้ชิวเหลิ่ง ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา