ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 61 แผนซ้อนแผน 3
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 61 แผนซ้อนแผน 3
“อีกอย่าง ถ้าหากว่าเชี่ยชุนวางยาลงไปในถั่วเขียวต้มน้ำตาลจริงๆ แล้วทำไมนางถึงดื่มมันลงไปเองล่ะ? มันน่าแปลกจริงๆ นี่……นี่จะต้องมีคนให้ร้ายอย่างแน่นอน!”
กู้หนานเฉิงก็ไม่อยากจะใช้เรื่องนี้มาตัดสินโทษกู้ชิวเซียงง่ายๆ ตอนนี้ข่าวลืออื้อฉาวเกี่ยวกับกู้ชิวเซียงในเมืองหลวงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกก็คือแอบคบหากับว่าที่น้องเขยในอนาคตของตัวเอง ต่อมาก็ทำเรื่องบัดสีกับลูกผู้พี่ตระกูลฉินแล้วก็เรื่องที่ฆ่าคนอีก ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกสาวคนนี้มีใบหน้าที่ล่มชาติล่มเมือง กับชื่อเสียงต่างๆในอดีต แล้วก็ยังเป็นบุตรีภรรยาเอกคนเดียวในบ้าน เขาจะทำใจไม่ลงโทษนางได้อย่างไร?
สุดท้ายกู้หนานเฉิงก็ข่มอารมณ์เอาไว้ กล่าวว่า: “ไป ให้ท่านหมอหวังเข้ามา”
ท้องฟ้าตอนนี้ดึกมากแล้ว พ่อบ้านที่อยู่หน้าประตูเพียงแค่พูดขึ้นว่า “ขอรับ” คำเดียวเท่านั้น ก็ไม่สนใจว่าเวลานี้ท่านหมอหวังจะเข้านอนแล้วหรือไม่ ก็ไปเลย
ฉินจงยังคงสั่นเทาเพราะความหวาดกลัว เขาเป็นจอมอันธพาลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงก็จริง แต่ว่าขอแค่เจอกับพ่อของเขา เขาไม่กล้าที่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ
ฉินจงขยิบตาให้กับกู้ชิวเซียง กู้ชิวเซียงเข้าใจในทันที ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ช้าเร็วก็ต้องสืบจนรู้ว่านางเป็นคนทำเรื่องนี้ขึ้นมา ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่ากู้หนานเฉิงจะไว้หน้านางที่เป็นลูกสาวคนนี้ วิธีเดียวที่จะทำให้กู้หนานเฉิงปล่อยให้เรื่องนี้เลยตามเลยไป ก็คือขอความช่วยเหลือจากภายนอก
กู้ชิวเซียงขยิบตาให้กับเชี่ยจู๋ที่อยู่ด้านหลัง เชี่ยจู๋ที่อยู่หน้าประตูค่อยๆถอยออกไป
บ้านของท่านหมอหวังอยู่นอกจวน ถึงแม้จะไม่ได้ไกลมาก แต่ก็ยังต้องการเวลาสักพักกว่าจะถึง เชี่ยจู๋แอบออกไปจากลานหลังในตอนที่ไม่มีคนสังเกต หวังเพียงแค่ว่าตัวเองจะสามารถเร็วกว่า
กู้ชิวเหลิ่งโค้งตัวคำนับ กล่าวว่า: “ท่านพี่กับท่านพ่อ พี่ใหญ่นั่งลงมาก่อนดีกว่า ท่านพ่ออย่าโกรธจนเสียสุขภาพไปเลย รอให้หมอหวังมาถึงยังมีเวลาอีกสักพัก ดื่มชาถ้วยหนึ่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวสั่งการต่อจูเอ๋อร์: “ไปเตรียมน้ำมาหนึ่งกา ชงชาให้กับท่านพ่อท่านพี่แล้วก็พี่ใหญ่”
อย่างน้อยบรรยากาศก็ไม่ได้ตึงเครียดเหมือนก่อนหน้านี้ กู้ชิวถางกล่าวขึ้นมาอย่างกึ่งล้อเล่นติดตลกว่า: “เดิมทีน้องรองยังบอกว่าจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าว ดูท่าครั้งนี้ข้าวคงไม่ได้กินกันแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว: “ท่านพี่ยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลย ในห้องของน้องก็มาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ช่างเป็นการละเลยจริงๆ”
กู้หนานเฉิงเห็นความสัมพันธ์ของกู้ชิวถางกับกู้ชิวเหลิ่งสนิทสนมกลมกลืน ในใจก็ยังคงรู้สึกชื่นใจอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ว่าภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ เขาไม่มีอารมณ์ไปสนใจเรื่องสัพเพเหระพวกนี้
กู้ชิวเซียงแทบจะบดผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือเป็นชิ้นๆ จิตใจลอยตามเชี่ยจู๋ที่ไปที่จวนตระกูลกั๋วกงแล้ว*
ในสวนยีชุ่ยกลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ในตอนที่หมอหวังมาถึง เวลาก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูปแล้ว
ท่านหมอหวังอายุค่อนข้างมากแล้ว ตอนที่ถูกพ่อบ้านเรียกมา หยิบกล่องยาขึ้นแล้วก็รีบมาเลย มองดูทุกคนที่อยู่ในสวยยีชุ่ยมีสีหน้าเคร่งเครียด ในใจก็สั่นเทาเล็กน้อย ไม่กล้าพูดอะไรมาก
ท่าทางวางมาดใหญ่โตก่อนหน้านั้นของกู้หนานเฉิงลดลงมาไม่น้อยแล้ว เห็นหมอหวังมาแล้ว ก็ไม่ได้ให้ท่านหมอหวังทำความเคารพ เอ่ยปากกล่าวว่า: “เจ้ามาพอดี เข้ามาดูสิว่าในถั่วเขียวต้มน้ำตาลถ้วยนี้มีอะไรอยู่บ้าง”
หมอหวังไม่กล้าชักช้า รีบร้อนเข้าไปใกล้ อย่างไรเสียก็เป็นสิ่งของที่จะนำเข้าปาก เขาเป็นหมอมานานหลายปี สิ่งของที่จะนำเข้าปาก ไม่ว่าอะไรก็จำเป็นต้องระมัดระวัง ดังนั้นเขาเพียงแค่ดมกลิ่นมาโดยตลอด ไม่ได้ใส่เข้าไปในปาก
หมอหวังเพียงแค่สูดดมไปครู่เดียว ก็กล่าวว่า: “เรียนท่านโหวเย๋ นี่คืออำพันอนงค์ของแดนตะวันตก ฤทธิ์ยาแรงมาก ส่วนมากจะใช้ตอนชายหญิงร่วมรักกัน ในท้องตลาดใช้ทองพันตำลึงก็ยังหาซื้อไม่ได้เลย!”
กู้หนานเฉิงกำหมัดเอาไว้แน่น ในใจของกู้ชิวเซียงเต้นตึกตักขึ้นมา อำพันอนงค์ของแดนตะวันตก? นางจะมีของแบบนี้ได้อย่างไร? อำพันอนงค์นี่เดิมทีก็เป็นสิ่งที่ฉินจงเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว ฉินจงมั่วสุมกามารมณ์ในจวนมาหลายปี สิ่งของแบบนี้ย่อมมีบ่อยๆอยู่แล้ว แต่ว่าสิ่งของที่มาจากแดนตะวันตก ไม่ใช่ยาเสน่ห์ทั่วไป ในเมืองหลวงแห่งนี้ผู้ที่มีของสิ่งนี้ได้ เกรงว่าก็คงจะมีแค่ฉินจงผู้เดียวเท่านั้นแล้ว
ความโกรธที่มีอยู่เดิมของกู้หนานเฉิงเพิ่มขึ้นมาในทันใด กู้ชิวเหลิ่งก็แค่บุตรีของอนุภรรยาที่มีเบี้ยเลี้ยงแต่ละเดือนไม่ถึงหนึ่งก้วนคนหนึ่ง จะมีปัญญาซื้อของที่มีราคาแพงขนาดนั้นได้อย่างไร? ถ้าหากไม่ใช่เพราะกู้ชิวเซียงกับฉินจงสมรู้ร่วมคิดกันจะทำร้ายกู้ชิวเหลิ่ง เรื่องนี้อย่างไรก็ไม่สามารถอธิบายข้อขัดแย้งได้
เชี่ยชุนล้มตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง ดิ้นรนอย่างสุดชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย ตะโกนว่า: “แต่ว่า……แต่ว่าบ่าวไม่ได้ดื่มเจ้าคะ ทำไมถึงถูกวางยาได้!”
นี่คือคำถามที่ทุกคนต่างก็สงสัย หมอหวังมองไปทางซ้ายและทางขวา กล่าวว่า: “ดอกไม้นี่ เป็นดอกชุ่ยฮวาที่อยู่ในลานใช่หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ: “ข้าก็ไม่รู้ว่านี่คือดอกไม้อะไร เพียงแต่ว่าตอนเที่ยงของวันนี้เห็นว่ามันสวยดี ก็เลยให้สาวใช้วางเอาไว้ในเรือนเท่านั้น”
หมอหวังกล่าวว่า: “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ยาเสน่ห์นี้มีสิ่งที่ส่งผลกระทบเชื่อมโยงกันเป็นสายระโยงระยาง กลิ่นหอมของดอกชุ่ยฮวานี้สามารถรักษาความหอมไว้ได้เพียงสามสี่ชั่วยามเท่านั้น และถ้าหากกลิ่นหอมของดอกชุ่ยฮวานี้ไปรวมตัวกับกลิ่นของยาเสน่ห์ เช่นนั้นก็จะไม่ต่างอะไรไปจากยาเสน่ห์ที่กระจายตัวอยู่ในอากาศทั่วทุกที่ ดังนั้นถึงแม้แม่นางเชี่ยชุ่นจะไม่ได้ดื่มลงไป แต่ได้กลิ่นของสองสิ่งนี้พร้อมกัน ก็จะถูกวางยาเช่นกัน”
เวลาสามสี่ชั่วยาม ตั้งแต่เที่ยงจนถึงตอนที่กู้ชิวเหลิ่งกับกู้ชิวถางเปิดประตู กลิ่นก็จางหายไปหมดเกลี้ยงแล้ว ดังนั้นคนที่เกิดเรื่องก็มีแต่เชี่ยชุนกับฉินจงเท่านั้น
ถึงแม้จะเป็นเพียงวิธีที่กู้ชิวเหลิ่งคิดได้กะทันหันเท่านั้น แต่ก็ต้องโชคดีที่สวนยีชุ่ยแห่งนี้ปลูกดอกชุ่ยฮวาปลูกพืชชนิดนี้เช่นกัน ในอดีตนางเคยเปิดอ่านตำราแพทย์ เคยเห็นหน้านี้โดยบังเอิญ โชคดีที่ยังพอจำได้ชัดเจนอยู่
กู้ชิวเซียงหมดหนทางอย่างสิ้นเชิง ตกจากเก้าอี้ลงมาบนพื้นโดยไม่สนใจกิริยามารยาท ร้องไห้แล้วกล่าวว่า: “ท่านพ่อ! ท่านอภัยให้ลูกด้วย! ลูกก็แค่……”
“เดรัจฉาน!”
หนึ่งฉากของกู้หนานเฉิงตบไปบนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งอย่างแรง ในใจของฉินจงสั่นสะท้าน แม้แต่ลูกสาวที่รักและโปรดปรานที่สุดอย่างกู้ชิวเซียง กู้หนานเฉิงก็ยังลงมือได้ ครั้งนี้เขาจะต้องถูกท่านพ่อตำหนิอย่างแน่นอนแล้ว
หวังเพียงแค่ว่าท่านย่าจะสามารถมาเร็วหน่อย! มิเช่นนั้นพรุ่งนี้ก้นของเขาจะต้องถูกตีจนบานแน่!
กู้ชิวเหลิ่งมองดูด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง ตั้งแต่เมื่อครู่นี้นางก็สังเกตเห็นแล้วว่าสาวใช้ตัวน้อยที่อยู่ข้างกายของกู้ชิวเหลิ่งหายตัวไป ดูจากการแสดงออกทางสีหน้าของฉินจงในเวลานี้ กลับดูเหมือนมีคนไปขอความช่วยเหลือจากภายนอก และในต้าเยียนแห่งนี้นอกจากฮ่องเต้อวี้ฉือกงกับเซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านแล้ว คนที่สามารถปรามกู้หนานเฉิงเอาไว้ได้มีเพียงไม่กี่คน บางทีคนที่จะมาช่วยคนนั้นน่าจะเป็นมารดาของฉินกั๋วกง ท่านย่าของจวนตระกูล นางหลิวที่มียศเป็นถึงฮูหยินระดับเอกท่านนั้นแล้ว
พ่อบ้านรีบร้อนวิ่งเข้ามา ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง รีบร้อนกล่าวว่า: “นายท่าน! คน…คนของตระกูลฉินมาแล้ว!”
ใบหน้าของกู้หนานเฉิงไม่น่าดูขึ้นมาในทันที กล่าวเสียงขรึม: “มาก็มาแล้วสิ! ไล่ตะเพิดออกไปให้หมด!”
“กู้โหวเย๋ช่างมีอำนาจใหญ่โตเสียจริง นี่คือต้องการจะไล่ตะเพิดใครกัน? ต้องการจะไล่ตะเพิดข้าออกไปหรือ?”
เสียงเข้มแข็งมีแรงกำลัง เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คนที่พูดเดินเข้ามา ก็คือนางหลิวที่อายุเกินหกสิบไปแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งมองขึ้นลงพิจารณาหลิวเหล่าฮูหยิน ถึงแม้จะสวมใส่แต่เสื้อผ้าเรียบง่ายธรรมดา แต่ว่าทั้งหมดล้วนเป็นผ้าแพรที่ปักด้วยด้ายเงินทั้งนั้น ดูหรูหราไร้ที่เปรียบ ปิ่นปักผมที่ปักอยู่บนศีรษะก็ยิ่งเป็นปิ่นทองที่ประดับด้วยพลอยอะเกต ไม้เท้าในมือก็ยิ่งเป็นไม้เท้าที่แกะสลักจากไม้จันทน์แดง ประณีตไร้ที่เปรียบ เป็นฮูหยินที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเกียรติศักดิ์สูงส่งคนหนึ่ง