ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 62 เข้าข้างชิงคน
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 62 เข้าข้างชิงคน
ใบหน้าของกู้หนานเฉิงแข็งทื่อลงในทันใด ในใจของกู้ชิวเซียงกับฉินจงโล่งใจไปเปราะหนึ่ง ใครๆก็รู้ว่าหลิวเหล่าฮูหยินของตระกูลฉินเข้าข้างคนของตัวเองที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รักและเข้าข้างหลานชายฉินจงมากเป็นพิเศษ กู้หนานเฉิงถึงแม้จะมีตำแหน่งเป็นท่านโหวแล้ว ก็ยังคงไม่สู้หลิวเหล่าฮูหยินเช่นเดิม
เพราะในตอนนั้นหากมิใช่หลิวเหล่าฮูหยินของตระกูลฉินท่านนี้ คาดว่าก็คงไม่มีกู้หนานเฉิงที่ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นในตอนนี้ได้
กู้หนานเฉิงกำหมัดคารวะแล้วกล่าวขึ้นมาจริงๆ: “ไม่ทราบว่าเป็นเหล่าฮูหยินมา ทำไมถึงไม่ให้คนรับใช้มาแจ้งเล่า? หนานเฉิงจะได้ไปต้อนรับด้วยตัวเอง”
หลิวเหล่าฮูหยินฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง กล่าวว่า: “ข้าก็ต้องการให้คนมาเชิญ แต่ว่าท่านกู้โหวเย๋วางก้ามใหญ่โต เกรงว่าคงจะไม่อยากพบข้าที่เป็นแม่เฒ่าหนังเหนียวคนนี้”
กู้หนานเฉิงโค้งตัวเล็กน้อย กล่าวด้วยความหวาดหวั่น: “หนานเฉิงไม่กล้า ในเมื่อเหล่าฮูหยินมาแล้ว ไหนเลยจะมีเหตุผลที่จะไม่พบ? เพียงแต่ว่าเมื่อครู่นี้กำลังอยู่ในอารมณ์โมโห ดังนั้นก็เลย……”
“ท่านย่า! รีบช่วยหลานเร็ว!”
บนใบหน้าของฉินจงเต็มไปด้วยน้ำมูกน้ำตาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตกใจกับคำพูดและสีหน้าท่าทางเมื่อครู่นี้ของกู้หนานเฉิง เวลานี้เห็นบุคคลสำคัญที่เป็นแกนหลักแล้ว ย่อมไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นอยู่แล้ว ถ้าหากให้พ่อของเขารู้ว่าในตอนแรกเขาทำให้สนมของกู้หนานเฉิงแปดเปื้อนก่อน จากนั้นก็ทำสาวใช้ที่อยู่ข้างกายของน้องสาวลูกพี่ลูกน้องแปดเปื้อนอีก จะต้องตีเขาจนตายแน่นอน
ในเวลานี้คนที่สามารถปรามกู้หนานเฉิงเอาไว้ได้ ก็คงมีแต่หลิวเหล่าฮูหยินแล้ว
“ท่านยาย……”
กู้ชิวเซียงน้ำตาไหลออกมาสองหยดในเวลาที่พอเหมาะพอดี หลิวเหล่าฮูหยินเห็นกู้ชิวเซียงล้มตัวอยู่บนพื้น ใบหน้าบวมแดงไปครึ่งหนึ่ง และหลานชายที่ตัวเองรักและทะนุทะนอมในเวลาปกติ ยังคุกเข่าอยู่บนพื้นในลักษณะที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย
หลิวเหล่าฮูหยินดึงกู้ชิวเซียงขึ้นมา เห็นบนใบหน้าเล็กที่เดิมทีงดงามละเอียดอ่อนของกู้ชิวเซียงยังมีรอยฝ่ามือหนึ่งฝ่ามือ ก็หายใจถี่ด้วยความโกรธทันที ยิ้มเย้ยหยันพร้อมกล่าวขึ้นมาว่า: “หากข้าไม่มา เจ้าคงจะตีหลานสาวกับหลานชายแท้ๆของข้าจนตายเลยใช่ไหม?”
เหงื่อเย็นของกู้หนานเฉิงไหลออกมารางๆแล้ว ความไม่มีเหตุผลของหลิวเหล่าฮูหยินคนนี้ก็ขึ้นชื่อเช่นกัน ขอเพียงเป็นการทำเพื่อลูกๆของตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้หมด
กู้หนานเฉิงได้แต่เงยหน้าขึ้นมา กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง: “เหล่าฮูหยินไม่ทราบ วันนี้หลานชายของท่านแอบเข้ามาในจวนกู้โหวของข้า แล้วแอบมีสัมพันธ์กันอย่างลับๆกับสาวใช้ ทำลายชื่อเสียงไม่ว่า ยัง……”
“ว่าแล้วเชียว นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร ก็แค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อจงเอ๋อร์ได้สาวใช้ในจวนกู้โหวของเจ้าแล้ว ข้าจะซื้อตัวเอาไว้ให้เขา พากลับไปที่จวนตระกูล ไม่ทราบว่าท่านกู้โหวเย๋ จะยอมขายหรือไม่?”
กู้หนานเฉิงกล่าวด้วยความหวาดหวั่นมากยิ่งขึ้น: “จะกล้ารับเงินของเหล่าฮูหยินได้อย่างไร เพียงแต่ว่า……”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จงเอ๋อร์ ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก? เมื่อก่อนย่าเคยบอกกับเจ้าว่าอย่างไร? ไม่ว่าเจ้าจะไปก่อเรื่องใหญ่โตขนาดไหนในข้างนอก ขอเพียงมีย่าอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้า”
หลิวเหล่าฮูหยินมองดูกู้หนานเฉิงอย่างเย็นชา กู้หนานเฉิงรีบก้มหน้าลงทันที กล่าวว่า: “ในเมื่อเหล่าฮูหยินจะพาคนไป เช่นนั้นหนานเฉิงก็ไม่มีอะไรจะพูด”
หลิวเหล่าฮูหยินพยักหน้าเบาๆ กล่าวว่า: “หลายปีมานี้ หลานสาวของข้าคนนี้กลับบ้านยายอย่างเป็นทางการเพียงไม่กี่ครั้ง วันนี้ข้าจะพาไปด้วยสองสามวัน พานางไปพบกับท่านลุงท่านป้า ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ข้างกายและญาติมิตรแต่ละฝ่าย ไม่ทราบว่าท่านกู้โหวเย๋จะอนุญาตหรือไม่?”
กู้หนานเฉิงมองดูกู้ชิวเซียงครู่หนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “คำขอของเหล่าฮูหยิน หนานเฉิงจะกล้าขัดได้อย่างไร?”
“เช่นนั้นก็ดี”
มือหนึ่งของหลิวเหล่าฮูหยินจับมือกู้ชิวเซียงไว้ อีกมือหนึ่งดึงฉิงจงเอาไว้ แล้วให้แม่นมหลิวที่อยู่ข้างกายพาตัวเชี่ยชุนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไปด้วย ก่อนจะจากไปยังกวาดตามองกู้ชิวเหลิ่งที่อยู่ในห้องอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง เห็นเพียงบนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งแฝงไปด้วยรอยยิ้มจางๆจนมองไม่เห็น ไม่มีเจตนาจะขัดขวางเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองเลย
นี่เป็นครั้งแรกที่กู้ชิวถางเห็นพ่อของตัวเองประจบประแจงคนอื่นอย่างไม่รู้จักละอายเช่นนี้ อดที่จะเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้: “ท่านพ่อ สิ่งที่น้องสาวทำในครั้งนี้……”
“พอได้แล้ว เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้แหละ”
กู้หนานเฉิงใบหน้าดำมืด กล่าวกับกู้ชิวเหลิ่งว่า: “เรือนแห่งนี้สกปรกแล้ว ต่อไปเจ้าก็เปลี่ยนสถานที่พักซะ”
“เจ้าค่ะ”
กู้หนานเฉิงทิ้งประโยคนี้เอาไว้ ก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
สาวใช้กับบ่าวรับใช้ชายแต่เดิมของสวนยีชุ่ยค่อยๆทยอยถอยออกไป เหลือไว้เพียงกู้ชิวถางกับกู้ชิวเหลิ่งสองคนเท่านั้น จูเอ๋อร์กับรองแม่ทัพคนหนึ่งเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
สุดท้ายก็เป็นกู้ชิงถางที่เป็นคนเอ่ยปากก่อน กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจนใจ: “ความผิดที่เซียงเอ๋อร์กระทำขึ้นมาในครั้งนี้ ข้าที่เป็นพี่ชายคนนี้ขอโทษเจ้าแทนนางด้วย ยังหวังว่าน้องรองอย่าได้ถือสา”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ: “ท่านพี่ไม่จำเป็นต้องขอโทษข้า ท่านพี่เป็นคนในกองทัพ เรื่องในจวนบ้านเห็นน้อยก็จริง ไม่รู้ผู้หญิงลานหลังเหล่านี้แย่งชิงอะไรกันบ้าง ต่อไปเรื่องประเภทนี้ยังจะมีอีกมาก ข้าสามารถรอดตัวไปได้ครั้งหนึ่ง ไม่แน่ว่าจะมีครั้งที่สอง”
กู้ชิวถางถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งอย่างหนักใจ เขากลับมาที่จวนได้สักพักหนึ่งแล้ว สิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งพูดถึงเขาก็พอจะสังเกตเห็นอยู่เล็กน้อยเช่นกัน เพียงแต่ว่าลูกผู้ชายอกสามศอก เรื่องพวกนี้ก็ไม่ดีที่จะเข้าไปยุ่งด้วย ดังนั้นแต่ไหนแต่ไรก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตลอด เพียงแต่วันนี้ถึงถือได้ว่าเห็นการโจมตีทั้งในที่ลับและที่แจ้งอย่างชัดเจนจริงๆ
“น้องรองทำใจให้สบายๆก่อน เรือนแห่งนี้สกปรกไปแล้วจริงๆนั่นแหละ ไปพักที่เรือนด้านข้างในลานของพี่ก่อนคืนหนึ่งเถิด ยังไม่ได้กินข้าวเย็นกันอยู่พอดีด้วย ครั้งนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ปฏิเสธ กู้ชิวถางเป็นคนเที่ยงตรงที่หาได้ยากในจวนโหวแห่งนี้ เพียงแต่ว่าเล่ห์เหลี่ยมมีไม่มาก และก็ไม่ชำนาญการแก่งแย่งชิงดีกันของลานด้านใน ช้าเร็วก็จะถูกกู้ชิวเซียงกับฮูหยินใหญ่หลอกใช้ หลังจากที่ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว เขาจะได้ประจักษ์ชัดในสถานการณ์ของจวนโหวแห่งนี้
แต่ว่าดูจากความหมายของกู้ชิวถาง ยังเข้าข้างกู้ชิวเซียงกับฮูหยินใหญ่อยู่
กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่ได้รีบร้อน กาลเวลาถึงจะสามารถพิสูจน์ใจคน ในอดีตกู้ชิวถางไม่เคยอยู่ข้างกายของพ่อแม่และน้องสาวมาก่อน รอให้กู้ชิวถางคุ้นเคยกับคนและเรื่องพวกนี้แล้ว สักวันก็ต้องมีการกระทำที่ลงโทษญาติพี่น้องตามกฎหมายเพื่อรักษาความเป็นธรรม
กู้ชิวเหลิ่งรับประทานอาหารเย็นที่เรือนด้านข้างของกู้ชิวถางแล้ว ก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
คืนนี้จะสงบเงียบลงอย่างมาก กู้ชิวเซียงจากไปพร้อมกับหลิวเหล่าฮูหยินคือการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุด ผู้หญิงของตระกูลกู้คนหนึ่ง จากไปพร้อมกับยายในตอนกลางคืน คนนอกจะคิดอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือมากมาย กู้ชิวเซียงกลัวจะถูกกู้หนานเฉิงลงโทษ ดังนั้นก็เลยเลือกจะจากไป หารู้ไม่ว่านี่ทำให้สูญเสียความโปรดปรานในใจของกู้หนานเฉิงไปไม่น้อย
เปลือกนอกกู้หนานเฉิงทำเป็นนอบน้อมเชื่อฟังตระกูลฉิน ในใจน่าจะมีความไม่พอใจและโกรธแค้นมานานแล้ว วันนี้กู้ชิวเซียงทิ้งเขาแล้วเลือกตระกูลฉินต่อหน้าธารกำนัล วันหน้าถึงแม้จะกลับมา ความสัมพันธ์ระหว่างกู้หนานเฉิงกับนางก็จะมีช่องว่างอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
พอถึงวันรุ่งขึ้น จวนโหวก็เกิดเรื่องที่ทำให้คนไม่อยากจะเชื่อขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือกู้หนานเฉิงผู้ที่ไม่เคยพักค้างคืนข้างนอกมาตลอด พาผู้หญิงกลับมาคนหนึ่ง งดงามสดใสราวกับลูกท้อ อายุยี่สิบ ถึงแม้จะไม่ได้งดงามเท่ากู้ชิวเซียง แต่ก็สวยหยาดเยิ้มพริ้มพราวไปด้วยเสน่ห์ไม่มีใครเทียบ ได้ยินมาว่าเป็นนางคณิกาที่ดีดพิณในหอนางโลมแห่งหนึ่ง
เมื่อข่าวนี้รู้ไปถึงหูของฮูหยินใหญ่ นางก็แทบจะกระอักเลือดพุ่งออกมา
เพิ่งจะถอนรากถอนโคนอี๋เหนียงสี่ไป ตอนนี้ก็มีอี๋เหนียงห้ามาอีกคน การกักบริเวณของฮูหยินใหญ่สองวันนี้ ดูเหมือนจะแก่ไปสิบปีในชั่วพริบตา