ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 68 คำเชิญจากทางตะวันตก
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 68 คำเชิญจากทางตะวันตก
กู้ชิวเหลิ่งนอนอยู่บนเตียงนุ่ม ครั้งนี้อวี่เหวินเจี๋ยพาอวี่เหวินหวายมาจวนกู้ น่าจะมีความคิดที่อยากจะช่วยอวี่เหวินหวายลดโทษให้เบา อวี้ฉือกงผิดหวังอย่างที่สุดแล้วสำหรับน้องหกคนนี้ ถ้าหากอวี่เหวินหวายมีผลงานในการล่าสัตว์ครั้งนี้ อวี้ฉือกงอาจจะมอบตำแหน่งอะไรสักอย่างให้กับอวี่เหวินหวายก็ได้
อย่างไรเสียเป็นผู้ชาย ต้องมีอุดมการณ์ ไม่ต้องพูดว่าอวี่เหวินหวายเป็นท่านอ๋อง ถึงจะเป็นคนเรียนหนังสือที่ตั้งใจร่ำเรียนมาสิบปี ในใจก็ต้องมีอุดมการณ์ แต่การศึกษายากลำบากสิบปีก็ไม่แน่ว่าจะได้ตำแหน่งขุนนาง แต่เพราะว่าอวี่เหวินหวายเป็นท่านอ๋อง เพราะฉะนั้นแค่มีผลงานเล็กน้อยก็สามารถมีได้
กู้ชิวเหลิ่งหัวเราะเย็นชา คนไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างอวี่เหวินหวายแบบนี้ ถ้าเข้าเป็นขุนนางในราชวงศ์ ขุนนางผู้มั่งคั่งแสวงหาอำนาจ บรรยากาศอันสกปรกของต้าเยียนนี้ก็จะทวีคูณขึ้น อย่างอื่นไม่ว่า อวี้ฉือจ้านเป็นคนแรกที่ต้องคัดค้านแน่นอน
เพราะฉะนั้นไม่ว่าอวี่เหวินเจี๋ยจะพยายามช่วยอวี่เหวินหวายแค่ไหน อวี่เหวินหวายก็ไม่มีทางได้ตำแหน่งแน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งนึกถึงอวี้ฉือจ้าน นกพิราบสารสีขาวตรงหน้าประตูก็ตีปีกเข้ามา ครั้งที่แล้วนางบอกทิศทางการไปของจวินฉีเซิ่งให้กับอวี้ฉือจ้าน ยังไม่รู้ว่าอวี้ฉือจ้านจะใช้ข่าวนี้อย่างไร ในต้าเยียนนี้มีแต่สายตาของเขาไปทั่ว บางทีอาจจะไม่ต้องใช้ข่าวของนางเลย อวี้ฉือจ้านก็สามารถรู้ตำแหน่งของจวินฉีเซิ่งได้
“จูเอ๋อร์ เจ้าไปหยิบของที่ขาก็เจ้าตัวน้อยมา”
จูเอ๋อร์กำลังเทน้ำชาให้กู้ชิวเหลิ่ง ตอนที่วางแก้วน้ำชาลงถึงเห็นนกพิราบสารตีปีกเข้ามา เสมือนกำลังแสดงให้รู้ว่าตัวเองมาแล้ว
“เจ้าค่ะ”
จูเอ๋อร์อยากประคองนกพิราบสารไว้เบาๆ แต่ว่าครั้งนี้นกพิราบสารไม่ได้ให้จูเอ๋อร์สมหวัง แต่กลับกางปีกออก บินไปที่ข้างขาของกู้ชิวเหลิ่ง สภาพสีหน้าเหมือนยกเว้นกู้ชิวเหลิ่งแล้วไม่มีใครสามารถเตะต้องได้
“เอ๋? …….คุณหนู! เจ้าตัวน้อยไม่เชื่อฟัง ไม่ให้บ่าวเตะต้อง!”
กู้ชิวเหลิ่งประคองนกพิราบไว้เบาๆ นกพิราบไม่ขยับไปเลื่อยอย่างเชื่อฟัง ให้กู้ชิวเหลิ่งแกะจดหมายบนขาออกมาอย่างตามใจ
จูเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าน่าสงสาร “คุณหนู นกพิราบสารนี้ช่างแสนรู้เหลือเกิน เหมือนมีแค่คุณหนูเท่านั้นที่เตะต้องได้”
กู้ชิวเหลิ่งเปิดจดหมายออก ข้างบนเขียนตัวหนังสือไว้ :เจอจ้านที่ศาลาทางตะวันตกของเมือง
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเบาๆ แต่ว่าคิ้วก็คลี่คลายออกอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับจูเอ๋อร์ว่า “เทียน”
เรื่องเผาจดหมายช่วงนี้กู้ชิวเหลิ่งทำอย่างขยัน เพราะฉะนั้นจูเอ๋อร์ก็เตรียมเทียนไว้นานแล้ว รอกู้ชิวเหลิ่งเผาทิ้ง
จูเอ๋อร์ถาม “คุณหนู เป็นข่าวของเซ่อเจิ้งหวางอีกแล้วหรือ?”
“อืม”
ดวงตาของจูเอ๋อร์เต็มไปด้วยสีสัน พูดว่า “บ่าวรู้สึกว่าเซ่อเจิ้งหวางต้องชอบคุณหนูแน่นอน”
กู้ชิวเอ๋อร์เผาจดหมายในมือทิ้ง พูดว่า “เจ้าสังเกตจากตรงไหนว่าเขาชอบข้า?”
จูเอ๋อร์พูดอย่างสมเหตุสมผล “คุณหนูไม่รู้หรือว่าเซ่อเจิ้งหวางมีหลักการหนึ่งข้อ ก็คือหญิงสาวห้ามเข้าใกล้ระยะสามเมตร มิเช่นนั้นไม่ว่าเป็นใคร เบาหน่อยก็หักแขนหักขา หนักก็คือเสียชีวิต!”
กู้ชิวเหลิ่งพูดเรียบเฉย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้อยากเอาชีวิตข้า?”
มีอยู่หลายครั้ง กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าในสายตาของอวี้ฉือจ้าน แต่ไม่สามารถมองออกว่านั้นคือหาทดสอบ หรือว่าอยากเอาชีวิตนางจริงๆ
ครั้งที่แล้วนางอยู่บนเรือไปเข้าใกล้ฝู้จื่อโม่ครั้งแรก แต่กลับถูกพบโดยอวี้ฉือจ้าน มองเห็นโฉมหน้า ก็จำได้ว่านางคือกู้ชิวเหลิ่งที่ถอนการหมั้นหมาย ตอนนั้นนางเห็นเจตนาฆ่าในสายตาของอวี้ฉือจ้านอย่างชัดเจน
นางคำนวณยังไงก็คาดไม่ถึงว่าวันนั้นอวี้ฉือจ้านได้รับข่าว จวินฉีเซิ่นก็ลงมือในวันเดียวกันบนเรือ มิเช่นนั้นนางก็ไม่ถึงขั้นต้องเสียแผนการเร็วขนาดนั้น ถูกฝู้จื่อโม่และอวี้ฉือจ้านระวังแบบนี้
“เตรียมตัวสักหน่อย ออกเดินทางตอนนี้”
“หา? เซ่อเจิ้งหวางคนนี้ก็จริงๆเลย วันนี้คุณหนูไม่ได้นอนทั้งคืนเลย…….”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ใส่ใจนอนหรือไม่ได้นอน แค่รู้สึกว่าน่าสนุกดี ตอนแรกนางไม่เชื่อข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายในเมืองหลวงพวกนี้เลย แต่ว่าวันนี้มีจดหมายนี้มา กลับทำให้กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกน่าสนใจดี
จูเอ๋อร์เตรียมรถม้าที่ดูไม่โดดเด่นจอดอยู่หลังตำหนัก ตามคำสั่งของกู้ชิวเหลิ่ง อ้อมไปตามทางโรงน้ำชายีผิ่งถนนซี
ตอนที่ถึงโรงน้ำชายีผิ่ง เห็นคนที่มาซื้อชาหน้าประตูกลับมากกว่าหน้าประตูโรงน้ำชาร้อยปีที่ถนนตงต้า
จูเอ๋อร์แค่เปิดผ้าม่านเบาๆดูเท่านั้น ตกใจจนรีบหดหัวเข้ามา ถามด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “คุณหนู สายตาของบ่าวมีปัญหาใช่หรือไม่? ท่านช่วยบ่าวดูหน่อย นี่ไม่ใช่ฝันใช่ไหม?”
จำได้ว่าครั้งที่แล้วที่มาที่นี่ ไม่มีลูกค้าอะไรเลย แต่ว่าครั้งนี้ หน้าโรงน้ำชากลับเต็มไปด้วยผู้คน ถ้าหากเซียวอวิ๋นเซิงเห็นสถานการณ์นี้ ต้องตะลึงอย่างหนักแน่
กู้ชิวเหลิ่งกลับไม่รู้สึกแปลกใจ สิ่งของอย่างชานั้นทำให้ผู้คนในแคว้นฉีชื่นชอบมาก ชาทุกแบบทุกประเภทล้วนมีคนซื้อ มิหนำซ้ำยังทุ่มเทเพื่อชาด้วยซ้ำ ทุกบ้านทุกเรือน ต่างก็ดื่มชา ไม่ว่าสถานที่แบบไหนก็หนีไม่พ้นน้ำชา เพราะฉะนั้นการค้าขายของโรงน้ำชาก็รุ่งเรือง และเป็นเพราะเช่นนี้ ราคาก็แพงกว่าสิ่งอื่น
โรงน้ำชายีผิ่งทำการลดราคาชาที่ค่อนข้างแพง มันก็เป็นแรงดึงดูดที่ไม่น้อยอยู่แล้ว สามารถใช้ราคาที่แพงกว่าชาชั้นต่ำเล็กน้อยซื้อชาชั้นกลาง ใครๆก็ยอมไปซื้อ
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่ใช้ความเร็วระดับนี้ไปขายชาที่สะสมในโกดังออกไปเท่านั้น
เช่นนี้แล้ว ก็สามารถได้เงินสดจำนวนมากมา
ทางด้านศาลาทางตะวันตกของเมือง มีคนอยู่แล้ว จูเอ๋อร์พยุงกู้ชิวเหลิ่งลงจากรถ ก็เห็นฝู้จื่อโม่ที่สวมเสื้อคลุมสีเทาเข้ม เผยหน้าอกออกมากว่าครึ่ง กำลังมองกู้ชิวเหลิ่งอย่างยิ้มแย้ม
กู้ชิวเหลิ่งกลับไม่ได้ตกใจอะไร แต่เป็นจูเอ๋อร์ที่ตกใจ เพราะว่าเดิมแล้วคนส่งจดหมายให้กู้ชิวเหลิ่งคืออวี้ฉือจ้าน ใครจะไปรู้ว่ากลับเป็นฝู้จื่อโม่
ฝู้จื่อโม่แปลกใจเล็กน้อยสำหรับอาการไม่ประหลาดใจของกู้ชิวเหลิ่ง ดังนั้นจึงพูดว่า “คุณหนูรองกำลังแปลกใจ หรือว่ารู้แต่แรกแล้วว่าคนที่เรียกเจ้าออกมาคือซื่อจื่อข้า?”
กู้ชิวเหลิ่งเดินไปถึงกลางศาลา พูดว่า “อันดับแรกแปลกใจว่าท่านเรียกข้ามาทำไม อันดับสองแน่นอนว่าข้ารู้ว่าฝู้ซื่อจื่อรออยู่ที่นี่แล้ว”
ฝู้จื่อโม่หรี่ตาเล็กน้อย ถามว่า “รู้มาจากไหน?”
“แน่นอนว่าดูจากตัวหนังสือ ตัวหนังสือของฝู้ซื่อจื่อกับเซ่อเจิ้งหวางน่าจะไม่เหมือนกันกระมัง?”
ฝู้จื่อโม่เก็บรอยยิ้มกลับตั้งนานแล้ว ตั้งแต่แรกเขาก็ระแวงต่อกู้ชิวเหลิ่ง “พูดอย่างเปิดอกประโยคเดียวเลย จะทำอย่างไรเจ้าถึงจะจากจ้านไป”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว พูดว่า “ฝู้ซื่อจื่อ พูดเล่นหรือไม่? ข้าไปอยู่กับเซ่อเจิ้งหวางตั้งแต่เมื่อไหร่? จะไปพูดว่าจากไปได้อย่างไร?”
“อย่ามาเสแสร้งต่อซื่อจื่ออย่างข้า ข้าไม่สนใจว่าเจ้ามีฐานะอะไร แต่ว่าตอนนี้เจ้าก็ทำถึงเป้าหมายที่เข้างานเลี้ยงแห่งแคว้นแล้ว ก็ไม่ต้องไปมาหาสู่กับจ้านได้แล้วใช่หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ความสัมพันธ์ระหว่างชาย ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง ฝู้ซื่อจื่อกลับชอบเซ่อเจิ้งหวาง?”
ฝู้จื่อโม่สีหน้าเปลี่ยน เขาจะไปชอบผู้ชายได้อย่างไร? แต่เพราะว่าฐานะของกู้ชิวเหลิ่งน่าสงสัย เขาจำเป็นต้องระวังแทนอวี้ฉือจ้าน หากอวี้ฉือจ้านชอบไส้ศึกจริง เช่นนั้นตำแหน่งเซ่อเจิ้งหวาง ก็คงรักษาไว้ยาก?