ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 69 หามกลับจวนซื่อจื่อ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 69 หามกลับจวนซื่อจื่อ
ฝู้ซื่อจื่อกัดฟัน สภาพเหมือนเพิ่มความกล้าให้ตัวเอง พูดว่า “ใช่แล้วอย่างไง!”
“ฝู้จื่อโม่”
น้ำเสียงอันเคร่งขรึมและมีความโกรธเล็กน้อยดังมาจากที่ไม่ไกลนัก กู้ชิวเหลิ่งหันร่าง เห็นผู้ชายในชุดคลุมยาวสีม่วงคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าอวี้ฉือจ้านมาอย่างเร่งรีบ เพียงแค่บังเอิญมาก เพิ่งถึงก็ได้ยินคำสนทนาอันเหลวไหลพวกนี้
กู้ชิวเหลิ่งอันกลับมายิ้มริมฝีปากโก่ง มองดูฝู้จื่อโม่หน้าดำ พูดว่า “ฝู้ซื่อจื่อวางใจได้เลย กู้ชิวเหลิ่งไม่ชอบผู้ชายคนไหนอย่างแน่นอน กับเซ่อเจิ้งหวางก็แค่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น พวกท่านอยากรู้จักจวินฉีเซิ่ง ส่วนข้าก็แค่อยากกำจัดเรื่องในอดีตเท่านั้น จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขามากเกินไปแน่นอน”
อวี้ฉือจ้านเดินมาถึงแล้ว น้ำเสียงเหมือนมีความโกรธต่อนาง “สร้างความวุ่นวายให้เจ้าแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งเผชิญต่อสายตาอันเย็นชาและสับสนของอวี้ฉือจ้าน มีรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ดูแล้วเซ่อเจิ้งหวางกับฝู้ซื่อจื่อยังมีเรื่องต้องคุยกัน ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน”
“กู้ชิวเหลิ่ง! เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
“ฝู้จื่อโม่! เจ้าหุบปาก!”
ฝู้จื่อโม่เพิ่งเคยเห็นอวี้ฉือจ้านหน้าดำเคร่งเครียดเป็นครั้งแรก ไม่ปิดบังอารมณ์โกรธในสายตาแม้แต่น้อย ส่วนกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้หันกลับมาเพราะเสียงตะโกนของฝู้จื่อโม่เลย
จนกระทั่งกู้ชิวเหลิ่งขึ้นไปนั่งบนเกี้ยวแล้ว ถึงได้ยินเสียงต่อสู้กันระหว่างทั้งสองคน
จูเอ๋อร์ถามขึ้นด้วยความตกใจ “คุณหนู เซ่อเจิ้งหวางและฝู้ซื่อจื่อทำไมถึงต่อสู้กันขึ้นมา? นี่ควรทำอย่างไรดี…….”
“ขึ้นเกี้ยว ไปเถิด”
กู้ชิวเหลิ่งหลับตาอย่างเย็นชา แทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ฝ่ามือของฝู้จื่อโม่สู้อวี้ฉือจ้านไม่ได้ ถอยหลังติดกันไปหลายก้าว ตอนแรกฝู้จื่อโม่นึกว่าอวี้ฉือจ้านแค่ล้อเล่น คิดไม่ถึงว่าเพื่อกู้ชิวเหลิ่งคนเดียวกลับลงมือหนักขนาดนี้
“อวี้ฉือจ้าน! เจ้าเอาจริงหรือนี่!”
ฝู้จื่อโม่วิชาตัวเบาดีมาก ถ้าหากไม่ใช่สาเหตุนี้ ก็ถูกอวี้ฉือจ้านผลักไปถึงขอบฟ้าโน่นตั้งนานแล้ว
อวี้ฉือจ้านฝ่ามือหนึ่งยังไม่ได้ดึงกลับ อีกฝ่ามือหนึ่งก็ออกไปอีก ทำให้ฝู้จื่อโม่รับไม่ทัน สุดท้ายแม้กระทั่งโอกาสพูดก็ไม่มีแล้ว ได้ยินเพียงเสียงหอบของฝู้จื่อโม่ที่ถูกอวี้ฉือจ้านบีบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อวี้ฉือจ้านถึงหยุดการโจมตี บนตัวฝู้จื่อโม่ไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย เพียงแค่ดูจากสภาพแล้วจะจนตรอกได้แค่ไหนก็จนตรอกเท่านั้น
“เพื่อ…….เพื่อกู้ชิวเหลิ่งคนเดียว เจ้ากลับทำเช่นนี้กับข้า?”
ฝู้จื่อโม่อ่อนแรงล้มลงกับพื้น พูดประโยคเดียวยังใช้เรี่ยวแรงทั้งตัว
อวี้ฉือจ้านยืนอยู่ตรงหน้าฝู้จื่อโม่นิ่งๆ ไม่มีเหงื่อหยดลงมาแม้แต่เม็ดเดียว แสงแดดสาดส่องอยู่บนตัวของอวี้ฉือจ้าน เหมือนดั่งเพิ่มรัศมีแสงให้กับเทพแห่งสงคราม อวี้ฉือจ้านพูดอย่างเย็นชา “ไม่ได้รับการอนุญาตจากข้า ห้ามหานางเป็นการส่วนตัว”
ฝู้จื่อโม่ได้ยินประโยคนี้ ก็กลอกตา ล้มลงไปกับพื้นโดยตรง
จีเฟิงรีบวิ่งเข้ามา อดมองไปทางเจ้านายของตนไม่ได้ เหมือนถามว่าจะพยุงตัวฝู้ซื่อจื่อขึ้นมาหรือไม่
อวี้ฉือจ้านหมุนตัวก็เดินไป ทิ้งไว้เพียงประโยคเดียว “หามกลับจวนซื่อจื่อ”
จีเฟิงมองดูฝู้ซื่อจื่อที่นอนอยู่ที่พื้น ทันใดนั้นรู้สึกน่ารันทดขึ้นมาอย่างพูดไม่ถูก
อย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนรักที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมา คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องกันจนสภาพแบบนี้เพื่อผู้หญิงคนเดียว
จีเฟิงส่ายหัวอย่างเอือมระอา หามตัวฝู้จื่อโม่ขึ้นมา วิ่งไปทางข้างในเมือง
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งกลับไป อวี่เหวินหวายและอวี่เหวินเจี๋ยก็จากไปนานแล้ว เพียงแค่ในตำหนักมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ โฉมหน้าที่ถูกเผาไหม้ อุ้มดาบแล่มหนึ่ง สวมใส่เสื้อคลุมยาวสีเทาเรียบง่าย
ในใจกู้ชิวเหลิ่งชะงักไปทีหนึ่ง ไม่รู้ว่าญาชิงรออยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว เกือบจะที่นางก้าวออกไป ญาชิงก็ก้าวเข้ามาแล้ว แค่ไม่รู้ว่าญาชิงจะรายงานเรื่องที่นางแอบหนีออกจากจวนกับอวี่เหวินเจี๋ยอย่างไร
กู้ชิวเหลิ่งแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามว่า “เป็นท่านอ๋องรองให้เจ้าพูดอะไรกับข้าหรือ?”
ญาชิงพูดว่า “ท่านอ๋องแค่ให้ข้าน้อยมาถามคุณหนูว่าที่พักใหม่อยู่ที่ไหน”
“ดูแล้วประโยชน์ของเจ้า ก็คือมาจำภาพเส้นทาง?”
ญาชิงไม่ได้พูด กู้ชิวเหลิ่งพูดกับจูเอ๋อร์ “พาเขาไปรอบหนึ่งเถิด ระหว่างทางอย่าให้ใครเห็น”
จูเอ๋อร์พยักหน้า ตั้งแต่เมื่อก่อนจูเอ๋อร์ก็คือคนติดต่ออันดับแรกของญาชิง เพราะฉะนั้นก็ถือว่าคุ้นเคยกันแล้ว จูเอ๋อร์ก็เริ่มไม่ค่อยกลัวโฉมหน้าของญาชิงแล้ว ทั้งสองคนยืนด้วยกัน ถ้าหากไม่ดูใบหน้า ก็ถือว่าเหมาะสมกันดี
ตอนที่ญาชิงออกไปขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย แต่ก็ถูกกู้ชิวเหลิ่งจับได้แล้ว กู้ชิวเหลิ่งพูดว่า “จูเอ๋อร์ เจ้าส่งญาชิงออกไปด้านหลังตำหนัก ตอนไปก็ไปช่วยข้าเอาชุดขี่ม้าที่ข้าถูกใจที่หอจูชุ่ยกลับมาด้วย”
จูเอ๋อร์อึ้งเล็กน้อย เมื่อครู่คุณหนูตัวเองก็ไม่ได้ดูชุดขี่ม้าที่หอจูชุ่ยสักหน่อย?
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของญาชิงไร้ความสงสัยแล้ว กู้ชิวเหลิ่งถึงหมุนตัวกลับเข้าห้องนอน
กู้ชิวเหลิ่งถอดรองเท้าออก เมื่อครู่สีหน้าของญาชิงมีความสงสัยอย่างแน่นอน และต้องรายงานข่าวที่นางแอบหนีออกจากจวนกับอวี่เหวินเจี๋ยแน่นอน นางยังไม่รู้ว่าอวี่เหวินเจี๋ยเป็นศัตรูหรือมิตรกันแน่ หรือจะเป็นความสัมพันธ์อย่างอื่น ก่อนที่จะมั่นใจจุดนี้ นางจะให้อวี่เหวินเจี๋ยรู้ว่านางติดต่อกับอวี้ฉือจ้านและฝู้จื่อโม่ไม่ได้
ความจริงเมื่อเทียบกับพวกนี้ กู้ชิวเหลิ่งกลับใส่ใจอีกคนหนึ่งมากกว่า อี๋เหนียงห้าเอี้ยนซานเหนียงที่มาใหม่ เป็นคนของอวี้ฉือจ้านหรือไม่กันแน่
นกพิราบสารที่มาวันนี้ยังอยู่ตรงระเบียง กู้ชิวเหลิ่งเดินไปหน้าโต๊ะหนังสือ เขียนตัวหนังสือไม่กี่ตัวลงไป : เอี้ยนซานเหนียงคนนี้ฐานะเย็นชา
ปล่อยนกพิราบบินออกไปแล้ว กู้ชิวเหลิ่งถึงได้วางใจ ผ่านการตักเตือนจากอวี้ฉือจ้านในครั้งนี้ ฝู้จื่อโม่น่าจะไม่มาหาเรื่องนางอีกแล้ว
ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง ตั้งแต่คืนนั้นที่กู้ชิวเซียงกลับไปตระกูลฉินกับหลิวเหล่าฮูหยิน ชีวิตก็สบายอกสบายใจกว่าอยู่ตระกูลกู้ หลิวเหล่าฮูหยินเตรียมสาวใช้สี่คนเพื่อรับใช้กู้ชิวเซียงโดยเฉพาะ ยังมีคนสนิทสองคนติดตามอยู่ข้างกายกู้ชิวเซียง ดูแลอยู่ตลอดเวลา
บนหน้าของกู้ชิวเซียงทาแป้งสีดอกกุหลาบที่ซีจิ้งถวาย น้ำดอกไม้ที่ทาบนริมฝีปากยิ่งเป็นมีทองคำก็หายาก เครื่องประดับสีสันต่างๆที่ทำขึ้นมาใหม่ ล้ำค่ายิ่งนัก รากฐานตระกูลฉินแน่นหนา ซึ่งตระกูลกู้ไม่อาจเทียบได้
ขณะนี้ หลิวเหล่าฮูหยินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หรู กำลังลิ้มรสของขนมดอกบัว มองดูกู้ชิวเซียงนั่งแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ริมฝีปากก็ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “เช่นนี้ถึงจะถูก วันนั้นตอนที่เจ้ามา ยายก็รู้สึกสงสารเจ้า ไอ้สารเลวกู้หนานเฉิงนั่น ขี้เหนียวขนาดนี้ต่อลูกสาวแท้ๆของตัวเอง แม้กระทั่งเครื่องประดับเป็นการเป็นงานสักชิ้นก็ไม่มี ไม่รู้ว่าเซียงเหลียนของข้าใช้ชีวิตอย่างไรในตระกูลกู้!”
รอยยิ้มของกู้ชิวเซียงสำรวมไปไม่น้อย แกล้งทำเป็นสภาพหนักใจ ขยับไปข้างหน้าของหลิวเหล่าฮูหยิน ช่วยหลิวเหล่าฮูหยินนวดขา พูดว่า “ชีวิตท่านแม่ลำบากมาก ท่านพ่อไม่รู้ว่าเป็นอะไร เชื่อคำพูดของกู้ชิวเหลิ่ง แต่งกับสาวใช้คนหนึ่งมาเป็นอี๋เหนียงไม่ว่า ได้ยินว่าคืนที่ชิวเซียงมาในวันนั้น ยิ่งพาหญิงหอนางโลมคนหนึ่งกลับมา”