ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 73 เติมเต็มวังหลัง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 73 เติมเต็มวังหลัง
“จวินฉีเซิ่งเป็นคนเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย ถ้าหากไม่ข่มขู่เขาสักหน่อย ก็ไม่ต่างอะไรกับสนับสนุนความยโสของเขา”
ปากของจวินฉีเซิ่งพูดเช่นนี้ แต่ในสมองกลับปรากฏโฉมหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง เขารู้สึกตลอดว่าระหว่างกู้ชิวเหลิ่งกับจวินฉีเซิ่งมีความแคว้นอะไรสักอย่าง หากไม่ใช่กู้หนานเฉิงยังมีชีวิตอยู่ อวี้ฉือจ้านจะคิดว่าจวินฉีเซิ่งเป็นศัตรูฆ่าพ่อของกู้ชิวเหลิ่งแล้ว
อวี้ฉือกงไม่ได้สงสัย พยักหน้าพูดว่า “ข้าก็คิดเช่นนี้ เพียงแค่ฝั่งซีจิ้งเมื่อวานก็มีคนมาแล้ว องค์หญิงอานไท่บอกว่าทาสรับใช้หายไปคนหนึ่งในเมืองหลวงของเรา จนวันนี้แล้วยังหาไม่เจอ หวังว่าพวกเราจะช่วยค้นหา”
อวี้ฉือจ้านไม่ได้เก็บเรื่องเล็กนี้มาใส่ใจ แต่พูดว่า “ทาสรับใช้ในเมืองหลวงก็มีแค่สถานที่ไม่กี่แห่งนั้น ให้คนของจวนจิงจ้าวอิ่นไปค้นหาในแหล่งไม่กี่แห่งพวกนั้นสักหน่อย ถ้าหากหาไม่เจอ ก็ชดใช้ทาสให้นางสองคน”
อวี้ฉือกงพูด “ข้าว่าหาคนเจอคงเป็นไปไม่ได้แล้ว องค์หญิงอานไท่คนนั้นแม้แต่หน้ายังจำไม่ได้ สภาพรุนแรงอุจอาจเช่นนั้นน่าจะให้เสด็จอาได้เห็นสักหน่อย เหมือนกับหมิ่นเอ๋อร์ไม่มีผิด”
“ซีจิ้งครั้งนี้ส่งคนมาเจรจาเรื่องหมั้นหมาย ส่วนแคว้นฉีก็จะแต่งองค์หญิงคนหนึ่งกลับไป จากที่เจ้าพูดเช่นนี้แล้ว ในองค์หญิงที่อายุเหมาะสมก็มีเพียงหมิ่นเอ๋อร์เท่านั้น”
อวี้ฉือจ้านพยักหน้า พูดว่า “เสด็จอาพูดถูก แต่ว่าหมิ่นเอ๋อร์นิสัยเอาแต่ใจ แค่กลัวว่าไปถึงแคว้นฉีทางโน้นแล้วจะถูกลำบาก”
อวี้ฉือจ้านพูด “กฎระเบียบของแคว้นฉีเข้มงวด พอดีเลยที่หมิ่นเอ๋อร์ก็จะได้เก็บนิสัยของตัวเองสักบ้าง”
อวี้ฉือกงรู้สึกว่าอวี้ฉือจ้านพูดมีเหตุผล แต่ว่าตอนที่เงยหน้าขึ้นมา กลับเห็นอวี้ฉือจ้านกำลังมองท้องฟ้าข้างนอกอย่างเหม่อลอย
เมื่อก่อนเวลาคุยเรื่องบ้านเมือง อวี้ฉือกงไม่เคยเห็นสีหน้าเช่นนี้ของอวี้ฉือจ้านเลย ดังนั้นจึงอดยื่นหัวออกไป พูดว่า “เสด็จอา?”
อวี้ฉือจ้านได้ยินเสียงของอวี้ฉือกง เพียงแค่ตอบสนองช้ากว่าปกติหน่อยหนึ่ง “ฝ่าบาทยังมีอะไรสงสัย?”
“ไม่มี ข้าแค่รู้สึกว่าช่วงนี้เสด็จอา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หรือว่า……จะแต่งเสด็จพี่สะใภ้แล้ว?”
อารมณ์ของอวี้ฉือจ้านเหมือนถูกคำพูดประโยคนี้ดึงกลับมาแล้ว ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย พูดว่า “ฝ่าบาทควรเป็นห่วงเรื่องบ้านเมือง สำหรับเรื่องครอบครัวของกระหม่อมจะเป็นห่วงเช่นนี้ทำไม?”
อวี้ฉือกงหัวเราะ พูดว่า “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝู้ซื่อจื่อที่บ่นต่อหน้าข้า บอกว่าเสด็จได้หญิงงามมาคนหนึ่ง ก็ไม่สนใจเขาแล้ว ข้ารู้สึกเหลือประหลาดมาก เป็นสาวงามเช่นไรถึงได้ทำให้เสด็จอาคิดถึงเช่นนี้”
สังเกตเห็นสีหน้าของอวี้ฉือจ้านไม่ค่อยดี อวี้ฉือกงจึงรีบเปลี่ยนคำพูด ไอเบาๆทีหนึ่ง พูดว่า “เสด็จอาอย่าเพิ่งโกรธ ข้ามีปัญหาที่แก้ไม่ได้จริง”
อวี้ฉือจ้านทำเสียง “อืม” เบาๆทีหนึ่ง ถือว่าไม่ถือสาคำพูดเมื่อครู่ของอวี้ฉือกงแล้ว
อวี้ฉือกงหมุนลูกตา พูดว่า “แค่กแค่ก คือเช่นนี้ ข้าก็ยี่สิบสามแล้ว ตามหลักแล้วอายุก็ไม่น้อย วังหลังก็ตั้งมาสักระยะแล้ว แต่ก็ไม่มีฮองเฮา ก็ไม่ถูกต้องเสียจริง ข้าก็อยากจะเลือกคนที่จะมาเป็นฮองเฮาในงานเลี้ยงแห่งแคว้น ไม่รู้ว่าเสด็จอา……อนุญาตหรือไม่?”
อวี้ฉือจ้านก็นำคำพูดประโยคนี้ของอวี้ฉือกงมาใส่ใจ ครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ที่ฝ่าบาทพูดมา กระหม่อมก็คิดอย่างละเอียดแล้ว ปีที่ผ่านมาเพราะฝ่าบาทยังอายุน้อย กลัวว่าท่านจะหลงใหลในสตรี เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้เพิ่มเติมวังหลังเสียที ครองราชย์สามปีแล้วยังไม่มีฮองเฮาก็ไม่ถูกต้องจริง ถ้าหากฝ่าบาทมีคนที่ถูกใจ กระหม่อมก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวมากเกินไป”
อวี้ฉือกงตบขาตัวเอง พูดว่า “เช่นนั้นก็ดีเลย วันนั้นข้าเห็นคุณหนูรองตระกูลกู้ก็พอใจอย่างมาก พฤติกรรมวาจาก็เหมาะสมอย่างมาก ถึงแม้จะไม่ใช่ลูกเมียหลวง แต่ว่าหน้าตาท่าทางล้วนดีที่สุด มิเช่นนั้น……”
“ไม่ได้!”
อวี้ฉือจ้านก็ไม่ได้คิดชัดเจนว่าทำไมตัวเองถึงตอบเร็วขนาดนี้ หลานตัวเองแต่งงานเท่านั้น เดิมทีแล้วเขาไม่ควรถามมาก แต่ได้ยินชื่อของกู้ชิวเหลิ่งแล้ว กลับใจเย็นไม่ลงแล้ว
อวี้ฉือกงแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจมองดูเสด็จอาของตัวเอง พูดว่า “ทำไมล่ะ! เมื่อครู่เสด็จอาไม่ได้พูดเช่นนี้”
อวี้ฉือจ้านพูดเสียงเย็นชา “ฝ่าบาทจำไม่ได้หรือว่าคุณหนูรองตระกูลกู้กับเจ้าหกเพิ่งถอนหมั้นไปไม่กี่วันหรือ? งานเลี้ยงแห่งแคว้นก็จะถึงแล้ว ฮ่องเต้แต่งอดีตคู่หมั้นของน้องชายตัวเอง คนทั่วแผ่นดินจะคิดอย่างไร? ยังต้องให้ข้าน้อยพูดมากหรือ?”
อวี้ฉือกงถูกดักทางจนพูดไม่ออก ตอนแรกเพราะอยากให้อวี้ฉือจ้านยอมรับว่ามีความรู้สึกต่อคุณหนูรองตระกูลกู้ คิดไม่ถึงว่าอวี้ฉือจ้านจะเตรียมข้ออ้างได้เร็วขนาดนี้ ทำให้เขาพูดอะไรไม่ได้แล้ว
อวี้ฉือจ้านก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อครู่เพราะเรื่องที่หลานตัวเองอยากแต่งงานกับกู้ชิวเหลิ่งทำให้สมองวิงเวียน คิดอย่างละเอียดแล้วอวี้ฉือกงก็มีความคิดที่จงใจอยู่บ้าง อวี้ฉือจ้านสายตาหรี่เล็กน้อย พูดว่า “ช่วงนี้ฝ่าบาทเหมือนไม่คิดเรื่องก้าวหน้า กระหม่อมคิดว่าไม่ใช่ลางที่ดีสักเท่าไหร่”
อวี้ฉือกงได้ยินน้ำเสียงข่มขู่ของอวี้ฉือจ้าน ร่างกายก็เกร็งไปด้วย ข้าดูแล้วก็ไม่ใช่ลางที่ดีสักเท่าไหร่!!
“ฝ่าบาทจะแต่งตั้งฮองเฮาไม่ใช่หรือ? กระหม่อมว่าแต่งตั้งฮองเฮายังเช้าไป องค์หญิงซีจิ้งมาครั้งนี้ก็เพื่อแต่งงาน หรือไม่ก็เอาองค์หญิงซีจิ้งมาเพิ่มเติมวังหลัง ก็ถือว่าให้หน้าต่อซีจิ้ง ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไร?”
แต่งองค์หญิงซีจิ้ง? ตลอดมาอวี้ฉือกงชอบผู้หญิงสงบเรียบร้อย สำหรับองค์หญิงอานไท่แบบนั้นไม่เคยรับไหว อวี้ฉือจ้านเพิ่งพูดออกไป อวี้ฉือจ้านก็ไม่เห็นด้วยแล้ว รีบโบกมือ พูดว่า “หลานรู้สึกขึ้นมากะทันหันว่าหญิงสาวรบกวนบ้านเมือง คนอย่างองค์หญิงซีจิ้งแบบนั้น หลานรู้สึกว่าเหมาะสมกับเจ้าหกมากกว่า! เจ้าหก!!”
อวี้ฉือจ้านพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ในเมื่อฝ่าบาทตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นก็ให้เจ้าหก แต่ว่าเรื่องแต่งตั้งฮองเฮา……”
“หลานคิดว่า…….จดพระไตรปิฎกให้อดีตฮ่องเต้สักหลายเดือนก่อน เรื่องนี้หยุดไว้ทีหลังก่อน…..ไว้ทีหลัง”
อวี้ฉือจ้านพยักหน้าอย่างพอใจ พูดว่า “อดีตฮ่องเต้บนสวรรค์ได้รู้ ต้องซาบซึ้งกับความกตัญญูของฝ่าบาทแน่นอน”
อวี้ฉือจ้านพูดประโยคนี้จบก็เดินออกจากท้องพระโรง อวี้ฉือกงจับหัวใจของตัวเองไว้ เสด็จอาของตัวเองคนนี้ใช้เล่ห์เหลียมขึ้นมา เขาแบกรับไม่ไหวจริงๆ!
กู้ชิวเหลิ่งฝึกซ้อมอยู่ในสนามจนหอบเล็กน้อย ส่วนกู้ชิวถางกำบังฟันดาบอย่างยิ้มแย้ม บนหัวไม่มีเหงื่อสักเม็ด ตอนนี้เป็นช่วงเย็น แสงแดดสาดส่องหลังเขาจนเหลืองอร่ามทองคำทั้งฝืน
กู้ชิวถางยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กู้ชิวเหลิ่งฝืนหนึ่ง พูดว่า “พี่ไม่รู้เลยว่าน้องสาวตัวเองจะฝึกได้ขนาดนี้”
ฝึกต่อเนื่องไปสองชั่วโมง กู้ชิวเหลิ่งยังสามารถถือดาบไหว เป็นเรื่องที่กู้ชิวถามตะลึงเล็กน้อย ส่วนหญิงสาวที่สวมใส่กระโปรงยังระบำดาบได้เช่นนี้ ในโลกนี้ก็เห็นได้ยาก
กู้ชิวเหลิ่งพูด “เทียบกับท่านพี่ยังห่างอีกไกล”
กู้ชิวถางมองดูท่าทางกู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าดื่มน้ำอย่างสดชื่น พูดขึ้นกะทันหัน “ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเป็นน้องสาวข้า ข้าต้องคิดว่าเจ้าเป็นแม่ทัพหญิงคนหนึ่งแล้ว”
ท่าทางดื่มน้ำของกู้ชิวเหลิ่งชะงัก หันหน้าไปมองกู้ชิวถาง จงใจกะพริบตาถามว่า “ท่าทางข้าเหมือนแม่ทัพหญิง?”
กู้ชิวถางพูด “เหมือนมาก แต่ว่าต้าเหยียนของเราไม่เคยมีแม่ทัพหญิง แคว้นฉีที่มาวันนี้เคยมีอยู่คนหนึ่ง”