ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 75 ตัวเลือกพระชายาฮองเฮา
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 75 ตัวเลือกพระชายาฮองเฮา
หลิวเหล่าฮูหยินมือหนึ่งจูงมือกู้ชิวเซียง อีกมือหนึ่งจูงฉินโม่เอ๋อร์ รอยยิ้มอันเมตตาทั้งใบหน้า ตอนที่ฉินเจิ้งเป่าและนางหลิวลงจากรถ ต่างก็สังเกตเห็นกู้ชิวเซียงแล้ว
ยังคงเป็นฉินเจิ้งเป่าเดินเข้ามาก่อนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พูดว่า “นี่ก็คือเซียงเอ๋อร์? โตแล้วจริงๆ”
นางหลิวเป็นหญิงอายุสามสิบกว่า ดูแลได้เป็นอย่างดี หางตาไม่มีตีนกาเลย เหมือนดั่งหญิงสาวอายุยี่สิบกว่า ฉินเจิ้งเป่าอายุสี่สิบแล้ว น่าตาหล่ออยู่บ้าง ไม่ได้อ้วนจนเกินไป
ฉินจงก้มหน้าโดยจิตใต้สำนึก ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเป็นเพราะหลิวเหล่าฮูหยิน กู้หนานเฉิงคงไม่ฟ้องร้อง แต่พอฉินจงคิดถึงตัวเองหลับนอนผู้หญิงของพี่น้องตัวเอง ในใจก็อดหนาวสั่นไม่ได้
ฉินเจิ้งเป่าหน้าตาบึ้งตึง มองดูลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ของตน พูดว่า “ทำไมถึงก้มหน้า? ทำเรื่องอะไรอีกแล้วใช่หรือ…….”
หลิวเหล่าฮูหยินไอไปทีหนึ่ง ฉินเจิ้งเป่าถึงกลั้นเอาไว้ เปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้ม พูดต่อหลิวเหล่าฮูหยินอย่างเคารพ “ลูกกลับมาสายไป ลำบากท่านแม่ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยดูแลบ้าน”
หลิวเหล่าฮูหยินตบมือของกู้ชิวเซียง พูดว่า “ยังไม่รับทักทายลุงและป้าสะใภ้ของเจ้า?”
กู้ชิวเซียงก็ไม่ใช่คุณหนูตระกูลเล็กๆอะไร ทันใดนั้นก็แสดงท่าทางอย่างเหมาะสม โน้มตัวคำนับ พูดว่า “เซียงเอ๋อร์คำนับท่านลุง ป้าสะใภ้”
“ดีดีดี เติบโตได้หน้าตาสวยงามจริงๆ”
นางหลิวกอดแขนของกู้ชิวเซียง มองสำรวจหัวจรวดเท้าไปหลายที พูดว่า “สวยกว่าโม่เอ๋อร์ของบ้านเราอีก ไม่เสียชื่อที่เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง ลูกสาวที่เกิดจากน้องเซียงเหลียน ช่างทำให้ข้าอิจฉาจริงๆ”
ฉินโม่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเหมือนอายเล็กน้อย ผ่านผ้าขาวบางๆ กู้ชิวเซียงเหมือนมองเห็นความแดงบนใบหน้า
กู้ชิวเซียงทำหน้าตายิ้มแย้ม พูดว่า “ป้าสะใภ้ก็ล้อเล่นกับเซียงเอ๋อร์ น้องโม่เอ๋อร์ต่างหากหน้าตาสวยงาม เพียงแค่น้องโม่เอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอ เลี้ยงอยู่ในห้องนอนเท่านั้น หากได้เดินออกไป ฉายาสาวงามอันดับหนึ่งของเซียงเอ๋อร์นี้ต้องเป็นของน้องโม่เอ๋อร์แน่นอน”
ความจริงนางหลิวก็แค่พูดเป็นพิธีรีตองเท่านั้น แต่พอได้ยินกู้ชิวเซียงพูดแบบนี้ ในใจก็รู้สึกพอใจบ้าง ร่างกายฉินโม่เอ๋อร์ไม่ดีจริง เพราะฉะนั้นไม่ค่อยได้ออกจากจวน แต่จะพูดถึงหน้าตา ก็ไม่ได้ขาดอะไร
ตอนนางหลิวยังสาวก็เป็นสาวงามที่ไม่น้อยกว่าใครคนหนึ่งเลย ส่วนหลิวเหล่าฮูหยินทั้งตระกูลต่างก็เป็นหญิงสาวงดงามละเอียดอ่อน ให้กำเนิดหนุ่มหล่อสาวงามกับตระกูลฉินไม่น้อย แค่ดูเซียงเหลียนกับนางหลิวก็รู้กว่าครึ่งแล้ว แต่ว่าภายหลังฉินจงมอมเมาในเหล้าและสตรี เปลี่ยนเป็นเซื่องซึมไปบ้าง
ฉินโม่เอ๋อร์เข้าไปใกล้กู้ชิวเซียงอย่างสนิทสนม พูดว่า “เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นสาวงามอย่างพี่สาวแบบนี้ ในตำหนักไม่มีพี่สาวน้องสาวแท้ๆ ตอนนี้พี่เซียงเอ๋อร์มาแล้ว จากนี้ไปอยู่ตำหนักเดียวกับโม่เอ๋อร์ได้ไหม?”
กู้ชิวเซียงเห็นฉินโม่เอ๋อร์น่ารักเชื่อฟังขนาดนี้ ในใจก็มีความคิดที่อยากสร้างสัมพันธ์ให้ตัวเองในกระกูลฉิน ได้ยินฉินโม่เอ๋อร์พูดเช่นนี้ ก็ต้องรู้สึกดีแน่นอน ดังนั้นจึงพูดอย่างธรรมชาติ “น้องพูดเช่นนี้ พี่ก็ต้องดีใจแน่นอน ในบ้านก็มีพี่สาวน้องสาวอยู่กี่คน แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดอย่างพวกเรา”
หลิวเหล่าฮูหยินมองดูฉินโม่เอ๋อร์กับกู้ชิวเซียง พยักหน้าอย่างพอใจ
ฉินเจิ้งเป่าพูดว่า “ทุกคนก็อย่ายืนตากลมอยู่ข้างนอกเลยนะ ท่านแม่ร่างกายไม่ดี โม่เอ๋อร์ร่างกายก็อ่อนเพลีย พวกเราเข้าบ้านเถิด”
กู้ชิวเซียงดึงแขนของฉินโม่เอ๋อร์ ส่วนฉินโม่เอ๋อร์เดินอยู่ข้างหลัง ฉินโม่เอ๋อร์ในสถานการณ์ที่ไม่มีใครเห็น ดึงคิ้วตาลงมา ในสายตาประกายไปด้วยความเย็นชา
อวี้ฉือจ้านนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ต้นโพธิ์ด้านข้าง เทน้ำชาให้ตัวเองแก้วหนึ่ง มองดูอวี้ฉือกงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฮ่องเต้กำลังเคร่งเครียด พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ฝ่าบาทต้องรีบเลือกพระชายาที่เหมาะสมออกมา จากที่พูดกันเมื่อวาน ข้าน้อยก็คิดว่าต้องรีบเพิ่มเติมวังหลัง ฮ่องเต้ก็ต้องใช้โอกาสอายุยังน้อย ทำการเตรียมราชทายาท”
อวี้ฉือกงกัดฟัน เขาช่างไม่ควรใช้คำพูดแบบเมื่อวานมาทดสอบเสด็จอาของตัวเองจริงๆ ตอนแรกนึกว่าจดพระไตรปิฎกก็สงบไม่มีอะไรแล้ว คิดไม่ถึงว่าถึงแม้จะจดพระไตรปิฎกแล้ว วันที่สองก็ยังต้องเผชิญกับเรื่องการเลือกพระชายาอันยากลำบาก
สาส์นกราบทูลที่กองเป็นภูเขาแต่เดิมล้วนวางอยู่ตรงหน้าอวี้ฉือจ้าน ส่วนตรงหน้าอวี้ฉือกงก็คือรูปหญิงสาวตระกูลมีชื่อเสียงที่ดูยังไงก็ดูไม่หมด
อวี้ฉือจ้านวางถ้วยน้ำชาในมือลง ฝั่งหนึ่งก็เปิดอ่านสาส์นบนโต๊ะหนังสือ
ขันทีที่เข้ามาส่งรูปวาดกองแล้วกองเล่า ทันใดนั้นอวี้ฉือกงรู้สึกว่าคุณหนูในเมืองหลวงนี้ ทั้งที่เขาเคยเห็นและไม่เคยเห็น รวมกันแล้วกลับเยอะกว่าสาส์นในเดือนหนึ่งเสียอีก !
หรือจะพูดว่า เหล่าผู้ชายในเมืองหลวงคลอดลูกสาวเก่งเกินไปแล้ว!
ขันทีน้อยที่เข้ามาส่งภาพวาดเท้าลื่นไปทีหนึ่ง รูปภาพในมือจับไม่สนิทลื่นตกอยู่บนพื้น เห็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดกระโปรงสีสาว บนหัวเป็นมวยผมที่เรียบง่าย รอยยิ้มเรียบร้อยสง่างดงาม ร่างกายบางเบาเหมือนไม่มีอะไร ดวงตาสวยงามคู่นั้น สดใสเหมือนดั่งหยดน้ำ ทำให้คนดูแล้วเกิดความสงสารในใจ
อวี้ฉือจ้านหยิบภาพวาดขึ้นมา เหมาะสมกับมาตรฐานความงามทุกอย่างของเขา ส่วนใต้ภาพวาดนั้น เขียนว่า ฉินโม่เอ๋อร์ลูกสาวฉินเจิ้งเป่าของจวนฉินกั๋วกง
อวี้ฉือกงพูดพึมพำ “ฉินกั๋วกง? ฉินเจิ้งเป่ามีลูกสาวสวยงามดั่งนางฟ้าเทวดาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
อวี้ฉือจ้านวางพู่กันที่กำลังตรวจสาส์นอยู่ พูดว่า “มีคนเลือกแล้ว?”
อวี้ฉือกงพยักหน้า พูดว่า “นางละกัน ฉินโม่เอ๋อร์”
อวี้ฉือจ้านโบกมือ พูดว่า “ยกเว้นภาพในมือของฮ่องเต้ นอกนั้นเอาออกไปให้หมด”
“ขอรับ”
อวี้ฉือจ้านเดินเข้าไป สบตากับอวี้ฉือกงทีหนึ่ง พูดว่า “ฝ่าบาทเลือกแน่นอนแล้ว?”
“ใช่ ฉินโม่เอ๋อร์คนนี้ถูกใจจ้างจริง”
อวี้ฉือกงนำภาพวาดในมือดูอีกสองรอบ รอจนท้องพระโรงไม่มีคนแล้ว ถึงวางภาพในมือลง พูดด้วยเสียงเคร่งขรึม “ครั้งก่อนเสด็จอายังกวาดล้างพวกไส้ศึกในวังที่ค่อยส่งข่าวไปหนึ่งรอบ แต่ในวังกลับยังมีคนของฉินกั๋วกง ช่างทำให้คนตะลึงเหลือเกิน”
อวี้ฉือจ้านพูดว่า “ก็ไม่ใช่คนของฉินกั๋วกงเสมอไป ฉินกั๋วกงเป็นเพียงยศตามบรรดาศักดิ์เท่านั้น นิสัยก็ค่อนข้างขี้ขลาด คนที่ครอบครองอำนาจใหญ่ในบ้าน คือนายหญิงของตระกูลฉิน ฮูหยินเก้ามิ่ง*ระดับเอกที่รับการแต่งตั้งของนางไม่ใช่ได้เปล่าๆ”
อวี้ฉือกงพยักหน้าเห็นด้วย พูดว่า “นายหญิงท่านนี้ของตระกูลฉินในอดีตและกับท่านป้าที่ไปปฏิบัติธรรมในวัดชินซิงยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ได้ยินว่านายหญิงตระกูลฉินคนนี้ตอนอายุน้อยนั้นชื่อเสียงเลื่องลือ ยังเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงในอดีต”
อวี้ฉือจ้านโยนภาพวาดบนโต๊ะไปกลางอกของอวี้ฉือกง อวี้ฉือกงรับไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว พูดอย่างติดอ่าง “เสด็จอา……ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดถึงท่านป้า……”
อวี้ฉือจ้านพูดเสียงเย็นชา “พอแล้ว มองดูพระชายาของตัวเองในอนาคตหน่อย พึ่งพานางจะช่วยเจ้าทำอะไรได้ไม่น้อย”