ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 77 ยัดเยียดความผิด
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 77 ยัดเยียดความผิด
“บ่าว……บ่าว……”
กู้ชิวเซียงยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าทำได้ดีมาก”
แววตาของกู้ชิวเซียงฉายความโหดร้ายเล็กน้อย แม้ว่าการทำเช่นนี้จะเสี่ยงไปบ้าง แต่ว่านางไม่สามารถที่จะใส่ใจมากมายเช่นนี้ได้แล้ว นางไม่ต้องการให้กู้ชิวเหลิ่งเข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งแคว้นเป็นแน่ และไม่ต้องการให้กู้ชิวเหลิ่งปรากฏตัวต่อหน้าอวี่เหวินเจี๋ยอย่างแน่นอน!
ขณะที่แม่นมโจวข้างกายฮูหยินใหญ่มา กู้ชิวเหลิ่งกำลังพูดคุยหารือถึงเรื่องวิชากระบี่อยู่กับกู้ชิวถางที่ลานเรือน
แม่นมโจวเนื่องด้วยเรื่องของปี้เถา ก็ได้เกลียดชังกู้ชิวเหลิ่งอยู่ในใจตั้งนานแล้ว ครั้งนี้สบโอกาส แน่นอนว่าจะต้องหยามเหยียดกู้ชิวเหลิ่งอย่างดุเดือดสักตั้งถึงจะสามารถคลายความโมโหได้
ไม่สนใจว่ากู้ชิวถางจะอยู่ข้างๆหรือไม่ เพียงแค่ทำความเคารพกู้ชิวถางเล็กน้อย “คุณชายเจ้าคะ นายท่านและฮูหยินให้บ่าวนำตัวคุณหนูรองไปยังห้องโถงเจ้าค่ะ”
กู้ชิวถางรู้สึกเกลียดชังแม่นมโจวที่สายตาดุร้ายผู้นี้มาตั้งนานแล้ว น้ำเสียงก็ค่อนข้างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “นายท่านและฮูหยินได้กล่าวไหมว่าเป็นเรื่องอันใด?”
แม่นมโจวมองไปที่กู้ชิวเหลิ่ง แล้วฮึ่มเสียงหนึ่งและกล่าวว่า “คุณหนูรองเกิดเป็นลูกอนุ ตบตีรังแกบุตรีเอกภรรยา นั่นเป็นการกระทำผิดต่อผู้ที่สูงกว่า นายท่านและฮูหยินเรียกคุณหนูรองไปไต่ถามความผิดเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางตีกู้ชิวเซียงที่ไหล่ซ้าย และน้ำหนักแรงแบบนี้ไม่หนัก จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งร่องรอยใดๆไว้ เพียงเพราะคำพูดของกู้ชิวเซียว กู้หนานเฉิงก็คงจะไม่เรียกนางไปไต่ถามความผิดอย่างร้อนรนหรอก
กู้ชิวถางมองไปที่กู้ชิวเหลิ่งด้วยความสงสัยแล้วกล่าวว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “นี่ช่างน่าแปลกเสียแล้ว ช่วงเช้าวันนี้พี่ใหญ่มาเที่ยวหนึ่งจริง แต่ข้าไม่เคยพูดจาหยาบคายต่อพี่ใหญ่ และก็ไม่ได้ยื่นมือไปตบตีใครด้วย เหตุใดแม่นมโจวถึงได้มั่นใจเช่นนี้ว่าข้าเป็นคนทำ?”
แม่นมโจวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า “ข้อนี้บ่าวก็ไม่ทราบแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ว่านายท่านกับฮูหยินต้องการจะลงโทษคุณหนูรอง บ่าวก็เพียงแค่หาความจริงจากข้อเท็จจริง คุณหนูรองรีบตามบ่าวไปเถิด อย่าได้ทำให้ตนเองลำบากลำบนเลยเจ้าค่ะ !”
ขณะกล่าวคนรับใช้สองคนที่อยู่ด้านหลังแม่นมโจวก็ก้าวไปด้านหน้าต้องการที่จะกระชากแขนของกู้ชิวเหลิ่ง
กู้ชิวถางขมวดคิ้ว เท้าข้างหนึ่งได้เตะออกไป คนรับใช้สองคนที่ต้องการกระชากแขนเสื้อของกู้ชิวเหลิ่งได้ล้มลงกับพื้น และกุมท้องกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
กู้ชิวถางกู้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเห็นข้าราวกับอากาศใช่หรือไม่? เหลิ่งเอ๋อร์เป็นน้องสาวแท้ๆของข้า อยู่ต่อหน้าข้าเจ้ากล้าให้ผู้อื่นลงไม้ลงมือ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทำให้เจ้าเสียแขนซะ!”
“คุณชายเจ้าคะ! ท่านเป็นลูกชายของฮูหยินใหญ่เชียวนะ! เหตุใดถึงได้ทำเพื่อคนนอก……”
แม่นมโจวยังพูดไม่จบ กู้ชิวเหลิ่งได้ยื่นมือออกไปคว้ากระดูกมือของแม่นมโจวแล้ว แม่นมโจวเพียงแค่รู้สึกว่าข้อมือเย็นเฉียบ ในกายบังเกิดความหนาวเย็นที่เลวร้ายขึ้น
กู้ชิวเหลิ่งใช้กำลังทั้งหมด ได้ยินเพียงแค่เสียงคมชัดเสียงหนึ่ง กระดูกมือของแม่นมโจวก็ได้ถูกกู้ชิวเหลิ่งหักเสียแล้ว
“โอ๊ย–!!!”
ได้ยินเสียงกรีดร้องราวกับเชือดหมูออกมาจากปากของแม่นมโจว กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าอารมณ์แปรเปลี่ยนเป็นสบายใจมากยิ่งนัก
กู้ชิวถางก็ไม่ได้คาดคิดว่าจู่ๆกู้ชิวเหลิ่งจะลงมือ และไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือว่าความแม่นยำของการลงมือ ก็ช่างพอดิบพอดียิ่งนัก ที่ทำให้คนตื่นตกใจที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของกู้ชิวเหลิ่ง ที่สามารถหักกระดูกมือของคนได้ในชั่วพริบตา
แม่นมโจวกุมข้อมือที่เจ็บปวดเอาไว้ เจ็บปวดเสียจนทั้งคนบิดตัวขึ้นมา
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่กล่าวอย่างเย็นชาว่า “แม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแค่ลูกสาวอนุ ก็ยังเป็นเจ้านายที่แท้จริงของจวนโหวนี้ ถึงทีที่บ่าวไพร่อย่างเจ้ามาเยาะเย้ยถากถางข้าตั้งแต่เมื่อใดกัน!”
กู้ชิวถางตบไหล่ของกู้ชิวเหลิ่งอยู่ข้างๆแล้วกล่าวว่า “ท่านพี่ไปกับเจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “น้องขอขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ”
ที่จริงแล้วหลอกใช้กู้ชิวถาง สำหรับกู้ชิวเหลิ่งแล้ว ในใจก็ยังรู้สึกผิดอยู่บ้าง นางจงใจพากู้ชิวถางไปที่สวนเฉินเซียง ไม่เช่นนั้นตอนนี้นางก็ควรจะอยู่ที่สนามฝึกกับกู้ชิวถาง แม่นมโจวก็คงจะไม่สามารถหานางพบได้ง่ายดายเช่นนี้
กู้ชิวเหลิ่งและกู้ชิวถางแทบจะไม่สนใจแม่นมโจวเลย และเดินออกจากสวนเฉินเซียงเลยโดยตรง
ในใจแม่นมโจวดุร้าย ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้ว่ากู้ชิวเหลิ่งมีนิสัยเช่นนี้ และก็ไม่รู้ว่ากู้ชิวเหลิ่งช่างกล้าขนาดนี้ เมื่อครู่ขณะที่สี่ตาประสานกัน แม่นมโจวยังคิดว่าตนเองเห็นชูร่าเสียแล้ว
เห็นแก่หน้ากู้ชิวถาง แม่นมโจวจึงทำได้เพียงกล้ำกลืนลมหายใจชั่วร้ายอยู่ลับๆ แล้วเดินตามหลังกู้ชิวเหลิ่งและกู้ชิวถาง
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องโถง กู้ชิวเหลิ่งก็ได้ยินกู้ชิวเซียงร้องห่มร้องไห้ แต่การแต่งหน้ากลับไม่ได้เลอะ เมื่อกู้ชิวเซียงวางมือข้างที่กุมแก้มขวาลง กู้ชิวเหลิ่งถึงได้เห็นรอยตบบนใบหน้าของกู้ชิวเซียงจริงๆ
ฮูหยินใหญ่ตบโต๊ะอย่างโกรธจัด แต่ว่าเมื่อเห็นกู้ชิวถาง จู่ๆความยะโสก็ลดลงไปสองส่วน
“ฮูหยิน! นายท่าน! ท่านต้องจัดการให้บ่าวนะเจ้าคะ!”
จู่ๆแม่นมโจวก็คุกเข่าลงกับพื้น กำข้อมือที่ยังเจ็บปวดอยู่ซึ่งขยับเขยื้อนไม่ได้เสียแล้ว
ฮูหยินใหญ่เห็นแม่นมโจวเป็นคนสนิทมาโดยตลอด ทุบตีแม่นมโจวก็เท่ากับตบหน้าของนาง
ฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “นี่มันเรื่องอะไรกันอีก! ใครยังกล้าทุบตีเจ้าอีก!”
แม่นมโจวมองไปที่กู่ชิวเหลิ่งอย่างดุดัน แล้วคุกเข่าลงกับพื้นและร้องตะโกนว่า “ฮูหยินเจ้าคะ! เป็นคุณหนูรอง! นางทำลายมือของบ่าวเจ้าค่ะ!”
“อะไรนะ! มีเรื่องแบบนี้ด้วย! กู้ชิวเหลิ่ง! เจ้าช่างกล้านัก! นายท่านให้แม่นมโจวไปเรียกเจ้ามา ทำไมเจ้าถึงทำร้ายคนตามอำเภอใจ!”
“ตอบท่านแม่……”
กู้ชิวถางเห็นว่าฮูหยินใหญ่และแม่นมโจวโหดร้ายต่อกู้ชิวเหลิ่งในเวลาเดียวกัน เพิ่งเอ่ยปากกล่าวก็ถูกกู้ชิวเหลิ่งขัดจังหวะ “ตอบท่านแม่ ท่านพ่อ ลูกก็คิดว่ามันช่างน่าแปลกนัก ลูกเก็บตัวอยู่ในเรือนของตน แต่หลังจากที่แม่นมโจวมา ก็ยืนยันว่าลูกเป็นผู้ที่ตบตีพี่ใหญ่ ลูกก็เป็นหญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนเลย แต่แม่นมโจวให้ชายสองคนกระชากแขนทั้งสองของลูก หากว่าเรื่องนี้แพร่ออกไป แล้วลูกควรจะอยู่ยังไงต่อ? บ่าวที่ไม่แยกแยะฐานะเช่นนี้ หรือว่าไม่ควรถูกลงโทษหรือเจ้าคะ?”
ใบหน้าของกู้หนานเฉิงคล้ำลง แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “ให้คนรับใช้สองคนกระชากแขนของคุณหนูรอง? ใครให้ความกล้ากับเจ้าขนาดนี้!”
แม่นมโจวคุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะแล้วกล่าวว่า “เป็นบ่าวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! แต่นั่นก็เนื่องจากคุณหนูรองตบตีรังแกคุณหนูใหญ่ บ่าวเห็นแล้วก็ทุกข์ใจ ดังนั้นถึงได้……เป็นความผิดของบ่าว! ขอนายท่านโปรดลงโทษด้วย!”
กู้ชิวถางฮึ่มเสียงหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ตามความเห็นของลูก บ่าวเช่นนี้ทุบตีกระดูกมือจนหักยังเบาไป หากมิใช่ว่าลูกอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่านางยังจะทำความผิดอันใดออกมาอีก! อย่าหวังมาแก้ตัวอยู่ที่นี่!”
ใบหน้าของฮูหยินใหญ่ดูน่าไม่ได้แล้วกล่าวว่า “นายท่าน เราดูอาการบาดเจ็บของเซียงเอ๋อร์กันก่อนเถิดเจ้าค่ะ เมื่อครู่ร้องไห้นานขนาดนั้น ข้ารู้สึกทุกข์ใจมากยิ่งนัก”
กู้หนานเฉิงเหลือบไปมองกู้ชิวเซียงที่ยืนอยู่ฝั่งหนึ่ง ซึ่งทั้งแก้มอาบไปด้วยน้ำตา ทำให้คนมองดูแล้วรู้สึกสงสารเวทนายิ่งนัก
กู้หนานเฉิงถึงได้เอ่ยขึ้นว่า “เซียงเอ๋อร์บอกว่าเจ้าตบตีนาง มีเรื่องเช่นนี้หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า “ลูกไม่ได้ตบตีพี่ใหญ่เจ้าค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเซียงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ และมองไปที่ใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งด้วยความปวดใจอยู่บ้าง “น้องหญิง……เหตุใดเจ้าถึงได้ทำกับข้าเช่นนี้? อย่างไรข้าก็เป็นพี่สาวของเจ้า แต่เจ้ากลับ……”