ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 78 กลับผิดเป็นถูก
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 78 กลับผิดเป็นถูก
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย กู้ชิวเซียงได้มองไปที่กู้หนานเฉิงแล้วกล่าวอย่างสะอึกสะอื้นว่า “เมื่อเช้านี้ลูกไปที่สวนเฉินเซียง เดิมทีเพื่อขอโทษน้องรองต่อเรื่องราวในหลายวันมานี้ ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะเดินถึงที่หน้าประตูก็ได้ยินน้องรองกำลังซุบซิบกับคนใช้ถึงลูก หลังจากที่ลูกเข้าไปแล้วก็ถามสองสามคำถาม อยู่ๆน้องรองก็ตบตีลูกเป็นการใหญ่ ลูกช่างรู้สึกไม่เป็นธรรมจริงๆเจัาค่ะ”
กู้หนานเฉิงกล่าวว่า “เจ้ายอมก้มหัวให้เหลิ่งเอ๋อร์?”
“หลายวันนี้อยู่ที่ตระกูลฝ่ายท่านแม่ลูกรู้สึกสำนึกผิด รู้ถึงความผิดของตน ไม่ควรที่จะไร้มนุษยธรรมต่อน้องรอง ดังนั้นประการแรกต้องการที่จะไปขอโทษ ประการที่สองต้องการไปแสดงความยินดีที่น้องรองย้ายเรือนใหม่ แต่ใครจะรู้ น้องรองไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับคำขอโทษของลูก แล้วยังตบหน้าลูกฉาดหนึ่งอีกด้วย”
เสียงของกู้ชิวเซียงเต็มไปด้วยอารมณ์ราวกับว่าเกิดเรื่องดังกล่าวจริง ฮูหยินใหญ่กล่าวด้วยหน้าตาที่โกรธเคืองว่า “เซียงเอ๋อร์ในฐานะลูกสาวเอกภรรยา เดิมทีไม่จำเป็นต้องขอโทษเจ้า แต่เจ้ากลับไม่มีขีดจำกัด ยังตบตีนางอีกด้วย เจ้ามีเจตนาอันใดกันแน่?”
น้ำเสียงของกู้ชิวเหลิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ไม่มีขีดจำกัด? หากมิใช่ว่าลูกโชคดี ผู้ที่มีมลทินในห้องในคืนนั้นก็คงจะไม่ใช่เซี่ยชุนแล้วแต่เป็นลูกเอง แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ลูกก็ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจ วันนี้ขณะที่พี่ใหญ่มานั้น ลูกยังพูดคุยกับสาวใช้ว่าพี่ใหญ่งดงามยิ่ง ว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงอยู่ในห้อง ”
“แต่ว่าขณะที่พี่ใหญ่เข้ามากลับบอกว่าลูกคือลูกสาวอนุ ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำต้องการที่จะแย่งชิงสิ่งของของนาง จากนั้นก็ดึงรั้งกันไปมากับลูก ลูกพยายามคลายออก ไม่รู้ว่าอย่างไรจู่ๆพี่ใหญ่ถึงได้ล้มลงกับพื้น เดิมทีลูกต้องการที่จะช่วยประคองพี่ใหญ่ขึ้น แตพี่ใหญ่กลับปัดมือของลูกออก แล้วจากไปเพียงลำพัง ลูกไม่ได้ตบพี่ใหญ่เลยนะเจ้าคะ และไม่ได้มีเจตนาอันใดเลยแม้แต่น้อย”
ฮูหยินใหญ่หัวเราะเยาะแล้วกล่าวว่า “กับแค่คำพูดของเจ้าเพียงคนเดียว! จะให้พวกเราเชื่อเจ้าได้อย่างไร? มีหลักฐานอันใดหรือไม่? แม้ว่าจะมีพยานบุคคล นั่นก็ล้วนเป็นคนในเรือนของเจ้าทั้งสิ้น แล้วจะนับได้อย่างไร? แต่ว่ารอยตบบนใบหน้าของเซียงเอ๋อร์ หรือว่าก็เป็นเซียงเอ๋อร์ที่ตบตีตนเอง แล้วโยนความผิดให้เจ้างั้นหรือ?”
กู้หนานเฉิงก็ไม่ค่อยเชื่อว่ากู้ชิวเซียงจะตบหน้าตนเอง เขาเลี้ยงกู้ชิวเซียงจนเติบใหญ่ตั้งแต่เล็ก กู้ชิวเซียงรักสวยรักงามมากมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยปล่อยให้ใบหน้าได้รับอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตบหน้าของตนเองเพื่อใส่ร้ายกู้ชิวเหลิ่งเลย
กู้หนานเฉิงกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “กู้ชิวเหลิ่ง เจ้ายังจะอธิบายอย่างไรอีก?”
กู้ชิวถางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “น้องเซียงเอ๋อร์ เจ้ายื่นหน้าออกมาซิ”
จู่ๆกู้ชิวเซียงก็ใจเสาะ ประสานตากับกู้ชิวถางโดยที่สายตามองลงล่างโดยไม่รู้ตัว
กู้ชิวเหลิ่งก็สังเกตเห็นรอยตบบนใบหน้าของกู้ชิวเซียงว่าอยู่ที่ด้านขวา
กู้ชิวถางกล่าวว่า “ท่านพ่อ น้องเซียงเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บที่แก้มด้านขวา ซึ่งแสดงว่ามีคนตบด้วยมือซ้าย แต่น้องรองถนัดขวา ท่านดูสิ มือขวาของนางยังมีด้านด้วยขอรับ”
กู้หนานเฉิงเป็นแม่ทัพ แค่มองแว๊บเดียวก็ดูออกว่ามือของกู้ชิวเหลิ่งผ่านการฝึกกระบี่มา รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากจู่ๆกู้ชิวเหลิ่งก็โจมตีหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกล หลิงเอ๋อร์บังใบหน้าด้วยมือซ้ายโดยไม่รู้ตัว แต่กลับถูกกู้ชิวเหลิ่งพบการกระทำนี้เข้า
เสียงของกู้ชิวเหลิ่งเย็นชาราวกับหยกแล้วกล่าวว่า “ช่างน่าแปลกนัก ผู้ที่ถนัดซ้ายพบเห็นไม่มากนัก สาวใช้ผู้นี้กลับถนัดซ้าย ลูกมองดูแล้วคุ้นเคยยิ่งนัก ดูเหมือนว่าจะเป็นสาวใช้ที่เพิ่งกลับมาจากจวนตระกูลฉินกับพี่ใหญ่ในวันนี้สินะ?”
สายตาของกู้หนานเฉิงมองตามกู้ชิวเหลิ่งไปที่หลิงเอ๋อร์หลิงเอ๋อร์อายุสิบเจ็ดปีแล้ว แต่ตอนนี้ถูกใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งจ้องจนหน้าซีดโดยที่ไม่สามารถหลุดพ้นได้
แววตากู้ชิวเหลิ่งแฝงด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นเป็นประกายเยือกเย็นจนทำให้ผู้คนเนื้อตัวสั่นเทา
“สาวใช้คนหนึ่ง จะกล้าตบหน้าพี่ใหญ่ได้อย่างไร? สาวใช้ของจวนตระกูลฉินช่างหยิ่งผยองพองขนจริงๆ”
ใบหน้าของกู้ชิวเซียงซีดเผือดในทันใด หลิงเอ๋อร์ถูกกำลังของกู้ชิวเหลิ่งกำจนปวด และได้ถูกบังคับให้คุกเข่าลงกับพื้นเสียแล้ว
ในใจของฮูหยินใหญ่เต้นตึกตัก กู้หนานเฉิงไม่ชอบคนในจวนตระกูลฉินมาโดยตลอด คราวนี้กู้ชิวเซียงนำสาวใช้จากจวนตระกูลฉินเข้ามา ซึ่งทำกู้หนานเฉิงไม่พอใจยิ่งนัก
ส่วนกู้ชิวเซียงก็แค่ให้โอกาสกู้หนานเฉิง ขับไล่สาวใช้ที่หลิวเหล่าฮูหยินส่งมาออกไปอีกครั้ง
ฮูหยินใหญ่กำผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างประหม่าไว้แน่น แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ก็แค่ถนัดซ้าย หากว่าเจ้าจงใจใช้มือซ้ายล่ะ? ก็ใช่ว่าจะเป็นสาวใช้คนนี้ หรือว่าเจ้าอาจจะปกปิดความผิดก็ไม่แน่”
กู้ชิวถางก้าวไปด้านหน้า กระชากมือข้างหนึ่งของหลิงเอ๋อร์ แล้วสะบัดออกอย่างแรงและถามว่า “ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่?”
หลิงเอ๋อร์ก้มศีรษะและกัดฟันกล่าวว่า “บ่าวอายุสิบเจ็ดในปีนี้เจ้าค่ะ”
กู้ชิวถางกล่าวกับกู้หนานเฉิงว่า “ตอบท่านพ่อ สาวใช้คนนี้ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี ส่วนน้องรองปีนี้แค่สิบสี่ปี ขนาดของฝ่ามือจึงแตกต่างกันเป็นธรรมดา เพียงแค่เปรียบเทียบรอยแดงบนใบหน้า ก็สามารถรู้ได้ว่าผู้ใดที่เป็นคนตบกันแน่”
ข้อเท็จจริงได้รับการเปิดเผยแล้ว เดิมทีกู้หนานเฉิงยังคิดว่ากู้ชิวเซียงขัดเกลานิสัยอยู่ที่ตระกูลฉินหลายวันมานี้ แต่คิดไม่ถึงว่านี่เพิ่งจะกลับมา ก็สร้างปัญหาอีกแล้ว
“งานเลี้ยงพรุ่งนี้! เจ้าไม่ต้องไปแล้ว!”
ดวงตาของกู้ชิวเซียงเบิกกว้าง และคุกเข่าลงบนพื้นในทันใด “ท่านพ่อ! เพื่องานเลี้ยงนี้ลูกเตรียมตัวมาเป็นเวลาครึ่งเดือนกว่าแล้ว! ท่านจะไม่ให้ไปก็ไม่ให้ไปเลยได้อย่างไร! ช่างไม่ยุติธรรม! ”
“ตอนที่เจ้าใส่ร้ายน้องสาว เหตุใดถึงไม่เห็นว่ายุติธรรมล่ะ? ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่า เซียงเอ๋อร์ผู้ที่เชื่อฟังจิตใจกว้างขวางคนนั้นหายไปไหนแล้ว!”
กล่าวถึงตรงนี้ กู้หนานเฉิงก็หันศีรษะไปตะโกนใส่ฮูหยินใหญ่ว่า “ทั้งหมดเพราะเจ้า! ลูกสาวที่ดีคนหนึ่งสั่งสอนให้เป็นเช่นนี้ไปได้!”
ฮูหยินใหญ่ร้อนใจจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “นายท่าน! ท่านจะตบตีดุด่านั้นง่ายดาย แต่งานเลี้ยงแห่งแคว้นนี้จะบอกว่าไม่ไปก็ไม่ไปได้ที่ใดกัน? เซียงเอ๋อร์ของเราปีนี้อายุสิบห้าปีแล้ว ท่านก็ต้องเตรียมการเรื่องการแต่งงานของนางแล้วนะเจ้าคะ!”
“การแต่งงาน? นางไม่ได้ชื่นชอบตระกูลฉินหรอกหรือ? ก็ให้นางแต่งงานกับเจ้าฉินจงคนนั้นสิ!”
แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่รู้ว่านี่เป็นเพียงคำพูดที่โมโหชั่วขณะของกู้หนานเฉิง จึงรีบเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “นายท่านนี่ท่านทำสิ่งใดกัน? เซียงเอ๋อร์ก็แค่ทำผิดพลาดไปชั่วขณะ ท่านเห็นนางตั้งแต่เล็กจนโต ไปถึงที่ใดผู้คนก็ชื่นชม ท่านจะไม่อาวรณ์ได้อย่างไร!”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มแล้วกล่าวว่า “ท่านพ่ออย่าได้โมโหเจ้าค่ะเลย ยกโทษให้พี่ใหญ่ครั้งนี้เถอะเจ้าค่ะ ความผิดก็น่าจะเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายคนนั้นยุยง งานเลี้ยงแห่งแคว้นเป็นงานเช่นไร? ครั้งหน้ายังไม่ทราบว่าจะต้องรออีกกี่ปี ส่วนพี่ใหญ่เป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง นี่เป็นโอกาสที่ดีเพียงใด ท่านพ่ออย่าได้เพียงเพราะความโมโหชั่วขณะ ทำให้พี่ใหญ่สูญเสียความสุขไปตลอดชีวิตเลยนะเจ้าคะ มิเช่นนั้นเมื่อถึงเวลานั้น ในใจของลูกก็คงจะรู้สึกผิดมากนัก”
เดิมทีกู้หนานเฉิงก็ไม่ได้คิดที่จะไม่ให้กู้ชิวเซียงไปงานเลี้ยงแห่งแคว้นจริงๆ เพียงแค่เมื่อครู่นี้โมโหเสียแล้ว ตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งริเริ่มที่จะไม่ใส่ใจ จึงเป็นการให้หนทางออกแก่เขาพอดี
“ได้ คราวนี้น้องรองของเจ้าใจกว้าง หากมีครั้งต่อไป! จะไม่ปล่อยไปเป็นแน่!”
กู้ชิวถางมองไปที่น้องสาวคนนี้ของตนเองอย่างประหลาดใจ ไม่เพียงแต่กู้ชิวถาง แม้แต่ใบหน้าของฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเซียงก็ล้วนมีความสงสัย คราวนี้กู้ชิ่วเหลิ่งไม่ซ้ำเติม ช่างทำให้คนรู้สึกประหลาดใจจริงๆ