ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 79 ฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 79 ฝันร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
ท้ายที่สุด กู้หนานเฉิงปลอบโยนกู้ชิวเหลิ่งสองสามคำ แล้วก็แยกย้ายกันไป
ระหว่างทางที่กลับ จูเอ๋อร์ขมวดคิ้วแล้วถามว่า “เหตุใดคุณหนูถึงได้ใจเช่นนี้เจ้าคะ? หากว่าเมื่อครู่คุณหนูไม่พูดแทนคุณหนูใหญ่ พรุ่งนี้คุณหนูใหญ่ก็คงจะไม่สามารถไปงานเลี้ยงแห่งแคว้นได้แล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่กล่าวอย่างราบเรียบว่า “เจ้าคิดว่ากู้หนานเฉิงไม่ต้องการให้กู้ชิวเซียงไปงานเลี้ยงหรือ? เจ้าจิ้งจอกเฒ่าผู้นั้นคิดสิ่งใดอยู่ข้าเข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้ง ยิ่งกว่านั้น……พรุ่งนี้ข้ายังต้องใช้กู้ชิวเซียงด้วย”
เมื่อผลักประตูออก สายตาที่แหลมคมของจูเอ๋อร์เห็นหีบผ้าหีบหนึ่งปรากฏอยู่บนโต๊ะโดยไร้สาเหตุ “คุณหนู! ท่านดูสิเจ้าคะ! นี่น่าจะส่งมาจากท่านอ๋องรองเจ้าค่ะ!”
จูเอ๋อร์เขยิบถึงตรงหน้าโต๊ะ ขณะที่กำลังจะยื่นมือไปเปิดหีบผ้า ดวงตากลับถูกดึงดูดด้วยข้อความบนหีบผ้า “คุณหนู นี่ดูเหมือนว่าจะเขียนถึงท่านเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งรับข้อความมา ด้านบนมีตัวอักษรที่ลงน้ำหนักสองสามคำว่า พบเจอในงานเลี้ยงแห่งแคว้นพรุ่งนี้ จ้าน
ด้านในหีบผ้ามีกระโปรงยาวด้านนอกและด้านในสองชั้นตัวหนึ่ง ทว่ามิใช่สีเขียวครามที่กู้ชิวเหลิ่งสวมใส่เป็นประจำ แต่เป็นกระโปรงยาวสีแดงสด แขนเสื้อและกระโปรงแต้มด้วย ดอกไห่ถังหลายดอก และมีดอกสีแดงเข้มหลายจุด
กู้ชิวเหลิ่งวางมือบนชุดกระโปรงเบาๆ ความรู้สึกที่สัมผัสผ้าแพรนุ่มสบายมือ นางไม่ได้สวมใส่สีฉูดฉาดเช่นนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
จูเอ๋อร์กลับเบ้ปากอย่างไม่พอใจแล้วกล่าวว่า “เหตุใดท่านอ๋องรองถึงมอบกระโปรงสีนี้กับคุณหนูล่ะเจ้าคะ? เห็นชัดว่าท่านอ๋องรองรู้ว่าคุณหนูชอบสีเขียวครามที่สุด!”
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งยกขึ้นฉายรอยยิ้มจางๆ ที่แท้เมื่อเทียบกับสีเขียวครามที่ร่างนี้ชื่นชอบ นางยิ่งชื่นชอบอันโดดเด่น ซึ่งราวกับเปลวเพลิงของดอกบัวสีแดงที่สามารถเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้
ในขณะที่จูเอ๋อร์ไม่พอใจ จู่ๆตรงหน้าประตูได้ปรากฏเงาดำเงาหนึ่งขึ้น กู้ชิวเหลิ่งดูราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจ “เจ้าออกไปดูเถอะ มาในเวลานี้น่าจะเป็นญาชิง”
“ห๊ะ?”
จูเอ๋อร์เหลือบมองชุดกระโปรงยาวสีแดงเข้มบนโต๊ะ จากนั้นก็เปิดประตูห้องออกด้วยความสงสัย ที่แท้ญาชิงยืนด้วยความเคารพเช่นนี้อยู่ที่หน้าประตู ในมือยังถือหีบผ้าหีบหนึ่งอยู่ด้วย
“นี่คือของที่ท่านอ๋องให้ข้าน้อยส่งมาขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งหันหลังให้ญาชิง ปิดฝาบนหีบผ้าที่อยู่บนโต๊ะ แล้วสั่งจูเอ๋อร์ว่า “รับเอาไว้เถอะ”
“อ้อๆ……ได้เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งหันหลังกลับมา มองญาชิงแว๊บหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋องของพวกเจ้ายังมีสิ่งใดที่ต้องการจะบอกข้าหรือเปล่า?”
“ท่านอ๋องบอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่คุณหนูเข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งแคว้น เรื่องทุกอย่างต้องระวังเอาไว้ก่อน ทางที่ดีอย่าให้โดดเด่นเกิน ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นหนามยอกอกของคุณหนูจากตระกูลต่างๆเป็นแน่”
ดวงตาที่สงบนิ่งของกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนเลยแม้แต่น้อย ญาชิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ หลายวันนี้แม้ว่าเวลาที่เขามาจะไม่มาก กับคุณหนูรองตระกูลกู้ผู้นี้ยิ่งพูดกันได้ไม่กี่ประโยค แต่ว่าเมื่อเทียบกับแต่ก่อน ลักษณะนิสัยของกู้ชิวเหลิ่งเปลี่ยนแปลงไปมาก แม้ว่าจะเป็นเงียบขรึมเหมือนเดิม ทว่ารอบกายมีออร่าที่แตกต่างจากปกติ แต่ว่าเขาไม่กล้าที่จะรายงานต่ออวี่เหวินเจี๋ยเช่นนี้ เช่นไรกู้ชิวเหลิ่งคือความพิเศษในใจของอวี่เหวินเจี๋ย
“ข้ารู้แล้ว แต่ว่าจะทำเช่นไรทั้งหมดเป็นเรื่องของข้า เจ้ากลับไปบอกท่านอ๋องของเจ้าว่า ต่อจากนี้ไปข้ากับเขาไม่มีความเกี่ยวข้องกัน และไม่ต้องเป็นห่วงข้าเกินไป ต่อหน้าผู้คน เป็นคนแปลกหน้ากันจะดีกว่า”
กู้ชิวเหลิ่งได้คิดมาสองสามวันแล้ว สำหรับอวี่เหวินเจี๋ย นางไม่รู้จริงๆว่าควรจะมีท่าทีตอบสนองอย่างไร นางไม่ใช่กู้ชิวเหลิ่งตัวจริง แต่เป็นมู่หรงชิว ดังนั้นนางจึงไม่สามารถมีความสัมพันธ์อันใดกับอวี่เหวินเจี๋ยได้ หากว่าร่างกายนี้มีพันธะส่วนตัวกับอวี่เหวินเจี๋ยไปชั่วชีวิต นั่นสำหรับนางแล้วถือเป็นภาระ
ญาชิงเอ่ยปากแต่กลับไม่รู้ว่าจะกล่าวสิ่งใด ท้ายที่สุดกล่าวได้เพียงว่า “ข้าน้อยจะทูลให้กับท่านอ๋องขอรับ ข้าน้อยขอตัว”
เมื่อเห็นญาชิงกระโดดขึ้นกำแพงสูงของจวนโหว จูเอ๋อร์ถึงได้ดึงแขนของกู้ชิวเหลิ่ง แล้วกล่าวอย่างร้อนใจว่า “คุณหนู! เหตุใดท่านถึงต้องทำตัวห่างเหินกับท่านอ๋องรองด้วย! จะได้อย่างไรเจ้าคะ!”
กู้ชิวเหลิ่งปัดมือข้างนั้นของจูเอ๋อร์ที่วางอยู่บนแขนของนางออกเบาๆแล้วกล่าวว่า “เดิมทีเขากับข้าก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ความคลุมเครือเฉกเช่นในตอนนี้ จะทำให้ข้ารู้สึกลำบากใจ”
จูเอ๋อร์เปิดกล่องผ้า ข้างในเป็นชุดสีเขียวคราม มองดูอยู่ท่ามกลางผู้คนก็ดูเหมือนจะไม่เด่น แต่ว่าดีกว่าเสื้อสีเขียวครามทั้งหมดของกู้ชิวเหลิ่ง
จูเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “คุณหนูดูสิเจ้าคะ ท่านอ๋องรองยังรู้ว่าคุณหนูชื่นชอบสิ่งใดที่สุด ชุดนี้เหมาะกับท่านมากนะเจ้าคะ!”
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่ชำเลืองมองดูแว๊บหนึ่งแล้วกล่าวว่า “พรุ่งนี้สวมชุดสีแดงเข้มตัวนี้ เก็บสีเขียวครามเอาไว้”
หลังจากกล่าวประโยคนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็เอนกายลงบนเก้าอี้ยาว แล้วหลับตาลงพักสมอง
จูเอ๋อร์มองดูชุดนี้ในมืออย่างเสียดาย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดกู้ชิวเหลิ่งถึงได้เลือกสีแดงโดดเด่น และไม่เลือกสีเขียวที่สง่างาม แต่ก่อนคุณหนูรองตระกูลกู้ไม่เคยให้ตนเองโดดเด่นเกินไปต่อหน้าคนอื่น
****
จวินฉีเซิ่งนอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนเตียง โดยที่เสื้อผ้าตรงหน้าอกเปิดกว้างออก
หยินซวงซวงสวมชุดกระโปรงเกาะอก แววตานุ่มนวลทรงเสน่ห์ เหล้าที่เพิ่งเทลงไปในปากได้หกลงบนหน้าอกเป็นครึ่ง ภายใต้แสงเทียนช่างดึงดูดใจเป็นพิเศษ
จวินฉีเซิ่งยกคางของหยินซวงซวงขึ้น แล้วกล่าวอย่างเกิดอารมณ์ว่า “ซวงซวง ไปร่ายรำสักเพลง ช่วยคนเหงาให้เป็นสุขหน่อย”
ปากแดงของหยินซวงซวงแตะลงที่คางของจวินฉีเซิ่งเบาๆแล้วกล่าวว่า “หม่อมฉันจะร่ายรำเพลงกระบี่เพลงหนึ่งเพคะ ให้ฝ่าบาททรงสุขพระทัยเพคะ”
หยินซวงซวงแต่งกายด้วยชุดสีแดงทรงเสน่ห์ ทำท่าทางเคลื่อนไหวบิดร่างอันอวบอิ่มของตนอยู่บนพื้นตรงหน้าหน้าต่างฝั่งหนึ่ง กระบี่ในมือราวกับงูที่เคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วอยู่ในมือของนาง
ในขณะที่จวินฉีเซิ่งตะลึงราวคนโง่ สีแดงสดที่อยู่ตรงหน้าได้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ส่วนใบหน้าอันนุ่มนวลบอบบางของหยินซวงซวงกลับกลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดของมู่หรงชิว
จวินฉีเซิ่งขนลุกตัวสั่น เหล้าที่เพิ่งดื่มลงไปได้สร่างไปเป็นครึ่ง แล้วเบิกตากว้างจ้องไปยังใบหน้าที่คุ้นเคยของมู่หรงชิว “เจ้า! มู่หรงชิว! เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ!”
“ด้วยบารมีของฝ่าบาท ความคับข้องใจของหม่อมฉันนั้นมีมากมายเกินไป ยมบาลไม่ยอมรับเอาไป ดังนั้นหม่อมฉันจึงกลับมาอีกครั้งเพคะ……พระองค์ทรงสังหารท่านพ่อและท่านพี่ของหม่อมฉัน ฆ่าล้างสังหารตระกูลมู่หรงของหม่อมฉันทั้งตระกูล! วันนี้หม่อมฉันจะให้พระองค์ทรงชดใช้ด้วยเลือด!”
ใบหน้านั้นของมู่หรงชิวยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จวินฉีเซิ่งรู้สึกเหน็บหนาวขึ้นในใจ ในเวลานี้เลือดสดๆได้กระเด็นไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว
“อ๊ะ!!!”
จวินฉีเฉิงลุกขึ้นทันควัน หัวใจเต้นกระเพื่อมอย่างแรง แม้ว่าจะหายใจเฮือกใหญ่ ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสงบลงได้
หยินซวงซวงถูกเสียงกรีดร้องของจวินฉีเซิ่งปลุกให้ตื่น ขณะที่ลุกขึ้น รอบกายก็ยังคงมึนงงอยู่ หยินซวงซวงรีบจุดเทียนอย่างรวดเร็ว ตบหลังจวินฉีเซิ่งเบาๆ แล้วถามอย่างอ่อนโยนว่า “ฝ่าบาท เป็นอันใดหรือเพคะ? ฝันร้ายอีกแล้วใช่ไหมเพคะ?”
เมื่อจวินฉีเซิ่งเห็นใบหน้าของหยินซวงซวง จู่ๆก็นึกถึงมู่หรงชิวในความฝัน จึงสะบัดมือของหยินซวงซวงออกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำจนอยากจะฆ่าคน
เห็นชัดว่าหยินซวงซวงถูกทำให้ตกใจเสียแล้ว แล้วลองเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่า……ฝ่าบาทเพคะ?”