ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 88 คุยกันต่อหน้า
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 88 คุยกันต่อหน้า
กู้ชิวถางกล่าวว่า: “ออกไปเดินเล่นหน่อยก็ดี เพียงแต่ว่าวังหลวงเทียบไม่ได้กับสถานที่อื่น เดินอยู่ด้านนอกตำหนักนี่แหละ อย่าเดินไปไกลเด็ดขาด”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ตอนที่จากไปยังคงสามารถรู้สึกได้ถึงสายตาของจวินฉีเซิ่งที่อยู่ด้านหลัง
อวี้ฉือจ้านเห็นกู้ชิวเหลิ่งจากไป ก็ละสายตาออกไป เขาในฐานะที่เป็นเซ่อเจิ้งหวาง ไม่สะดวกที่จะจากงานเลี้ยงตามอำเภอใจ เพียงแต่แอบสั่งการจีเฟิงที่อยู่ข้างกาย กล่าวว่า: “ตามคุณหนูรองของตระกูลกู้เอาไว้ อย่าให้สังเกตเห็นได้”
จีเฟิงติดตามอวี้ฉือจ้านมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยถูกสั่งให้ตามเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้มาก่อนเลย ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ถึงได้กล่าวอย่างเคารพนบนอบ: “ข้าน้อยรับคำสั่ง”
ความสนใจทั้งหมดของกู้ชิวเซียงอยู่ที่อวี่เหวินเจี๋ย แต่แค่ช่วงเวลาที่ดื่มสุราไปเพียงแก้วเดียว กลับพบว่าอวี่เหวินเจี๋ยไม่อยู่ในงานเลี้ยงแล้ว
ด้านนอกของท้องพระโรงมีองครักษ์เฝ้ายามอยู่มากมาย เฝ้ารักษาการณ์ทั่วทั้งวังหลวงเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้รู้สึกคนหายใจไม่ออก
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่ด้านนอกประตูครู่หนึ่ง รับลมไปสองสามระลอก พัดพาความรู้สึกมึนเมาเมื่อครู่นี้ออกไปมากกว่าครึ่ง
“ลมของที่นี่พัดแรง คุณหนูรองตามข้าไปเดินเล่นที่สวนพระราชวังดีหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งหันกลับมา ก็เห็นอวี่เหวินเจี๋ยยืนอยู่ด้านหลังแล้ว ยืนเอามือไขว้หลัง เพียงแต่ว่าหน้าตามีความเหงาหงอยเศร้าซึม ดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา บนใบหน้าก็มีสีแดงเลือดฝาดเล็กน้อย เหมือนกับดื่มสุราจนเมา
กู้ชิวเหลิ่งอยากรู้ความสัมพันธ์ระหว่างอวี่เหวินเจี๋ยกับร่างกายนี้มาโดยตลอด แต่เพราะฐานะแตกต่างกันมาก ไม่สามารถพบกันเป็นการส่วนตัวได้ ครั้งนี้จู่ๆอวี่เหวินเจี๋ยก็มาหานาง น่าจะเป็นเพราะว่าครั้งก่อนตอนที่ญาชิงมา นางให้ญาชิงนำคำพูดกลับไปบอกกับอวี่เหวินเจี๋ยว่าจะตัดขาดการติดต่อกันนับจากนี้
“คุณหนูรองวางใจได้ ข้าไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เพียงแต่ว่าคำพูดบางอย่างอยากจะคุยต่อหน้าคุณหนูรองเท่านั้น”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว บริเวณโดยรอบคนเยอะสายตามาก เพื่อมิให้คนอื่นได้ยินเข้า เสียงของอวี่เหวินเจี๋ยก็เบามาก ระวังไม่ให้คนได้ยิน
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “หม่อมฉันทราบแล้ว ท่านอ๋องโปรดนำทาง”
บนใบหน้าของอวี่เหวินเจี๋ยเผยความผ่อนคลายออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินอยู่ข้างหน้า และกล่าวถามไปด้วยว่า: “เหตุใดวันนี้เจ้าถึงไม่ฟังคำแนะนำของข้า? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อเจ้าก้าวเดินก้าวนี้ออกมา จะกลายเป็นหนามยอกอกของคนอื่น?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยเสียงที่ราบเรียบ: “จักทำเช่นไร ก็เป็นเรื่องของหม่อมฉัน ท่านอ๋องรองไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ”
อวี่เหวินเจี๋ยหยุดฝีเท้าลงกะทันหัน มาถึงระเบียงด้านหลังแห่งนี้ ไม่มีองครักษ์เฝ้ารักษาการณ์แล้ว
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย อวี่เหวินเจี๋ยกลับเอ่ยปากกล่าวว่า: “ตอนนั้นข้าสอนวิชากระบี่ให้เจ้า หวังเพียงแค่ว่าเจ้าจะสามารถใช้ป้องกันตัวได้ ไม่ต้องการให้เจ้าใช้มันมาช่วงชิงอำนาจและผลประโยชน์”
ดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งเบิกกว้างขึ้นมาในทันใด นางไม่เข้าใจมาตลอดว่าเพราะอะไรกู้ชิวเหลิ่งได้รับการทารุณกรรมมาเป็นเวลานานแท้ๆ แต่ว่าร่างกายและรากฐานกลับดีมาก โดยเฉพาะมือขวามีผิวหนังด้านหนาบางๆ และที่แท้กู้ชิวเหลิ่งก็เป็นกระบี่มาโดยตลอด?
จู่ๆในหัวก็มีภาพแปลกๆแวบเข้ามา ในป่าไผ่เขียว ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวขจี เด็กผู้หญิงตัวเล็กที่สวมชุดกระโปรงยาวสีไผ่เขียวคนหนึ่ง กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังฝึกกระบี่อยู่ สีหน้าท่าทางของเด็กหนุ่มดูเฉยเมย แต่ดวงตากลับแฝงไปด้วยรอยยิ้ม และใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนกับอวี่เหวินเจี๋ยไม่มีผิด
กู้ชิวเหลิ่งถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง กล่าวว่า: “ในเมื่อท่านอ๋องรองสอนวิชากระบี่ให้หม่อมฉัน เช่นนั้นจะใช้อย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องของหม่อมฉันเอง”
อวี่เหวินเจี๋ยเม้มปากเล็กน้อย กล่าวว่า: “ข้ารู้ดีว่าในใจของเจ้าคงมีคนอื่นอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะบังคับเจ้ามาเป็นชายาของข้า เจ้าต้องการจะยกเลิกการแต่งงานกับเจ้าหก ข้าก็นึกว่าในที่สุดเจ้าก็ยอมรับข้าแล้ว……แต่เมื่อวานเจ้าให้ญาชิงนำคำพูดมาบอกกับข้า จะตัดขาดความสัมพันธ์ ข้าก็รู้แล้วว่า ที่เจ้ายกเลิกการแต่งงานไม่ใช่เพราะข้า”
อวี่เหวินเจี๋ยมองดูชุดกระโปรงยาวสีแดงเข้มที่กู้ชิวเหลิ่งสวมใส่ กล่าวว่า: “เป็นเพราะผู้ชายที่เจ้าซ่อนอยู่ในใจคนนั้น หรือว่าเพราะเซ่อเจิ้งหวาง?”
ในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งเย็นชา เรื่องที่นางกับอวี้ฉือจ้านรู้จักกัน นอกจากฝู้ฉือโม่ที่รู้แล้ว แม้แต่เซียวอวิ๋นเซิงก็อาจจะไม่รู้ แต่ว่าอวี่เหวินเจี๋ยกลับรู้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่ารู้ความสัมพันธ์ของนางกับอวี้เหวินจ้านเป็นอย่างดีแล้ว
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมองข้าด้วยสายตา ตั้งแต่ตอนที่เห็นเจ้าครั้งที่แล้ว ข้าก็รู้ว่าเจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ในอดีตเจ้าจะไม่ใช้สายตาที่เฉยเมยเช่นนี้มองดูข้า เพียงแต่ว่าเหลิ่งเอ๋อร์ ข้า……”
องครักษ์ที่ลาดตระเวนเดินเข้ามา กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยปากกล่าวว่า: : “ท่านอ๋องรองไม่ต้องขอโทษหม่อมฉันเรื่องของท่านอ๋องหก หม่อมฉันไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เวลาที่ออกมาก็ค่อนข้างนานแล้ว หม่อมฉันทูลลาก่อน”
อวี่เหวินเจี๋ยมองไปที่แผ่นหลังของกู้ชิวเหลิ่ง จู่ๆในใจก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย
ในอดีตเขาไม่เคยพูดกับกู้ชิวเหลิ่งมากขนาดนี้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะวันนี้ดื่มสุรามากจนเกินไป ดังนั้นจึงพูดมากไป
หกปีก่อนเขายังเป็นเด็ก อายุมากกว่ากู้ชิวเหลิ่งในตอนนี้สองปี ตอนที่ติดตามฮ่องเต้องค์ก่อนไปที่จวนกู้โหว กลับเดินหลงทาง
ในตอนนั้นต้นไผ่กำลังเขียวขจีอยู่พอดี เขาชื่นชอบต้นไผ่เป็นพิเศษมาตลอด แต่กลับไม่เคยเปิดเผยออกมาเลยแม้แต่น้อย
เขาสวมชุดคลุมสีดำเขียวอมเขียว ส่วนสูงจะสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกันอยู่มาก ในตอนที่เดินหลงทาง ข้างกายมีสาวใช้กับบ่าวรับใช้ชายเดินผ่านไปไม่น้อย เขากลับดื้อรั้นไม่เคยเอ่ยปากถามทางเลย
จนกระทั่งเขาเดินไปถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงที่สวมใส่ชุดผ้ากระสอบหยาบคนหนึ่งนั่งยองๆอยู่ตรงมุมกำแพง หดตัวเป็นก้อน ตอนที่เงยหน้าขึ้นมา ใช้ดวงตาที่มีชีวิตชีวาคู่หนึ่งมองดูเขาอย่างไม่กะพริบตา น่ารักราวกับกระต่ายที่มีสีขาวดุจหิมะตัวหนึ่ง ทำให้คนไม่อาจละสายตาออกไปได้
“พี่ชาย ขอร้องท่านได้โปรดอย่าเสียงดังไป……”
เด็กหญิงตัวน้อยใช้น้ำเสียงที่นุ่มละมุนขอความช่วยเหลือจากเขา เขามองดูเด็กหญิงตัวน้อยด้วยใบหน้างุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้กันแน่
“นังเด็กเวรนั่นไปไหนแล้ว? ไปหามาให้ข้าเลยนะ! หาเจอแล้วก็ขังเอาไว้ในห้อง อย่าให้นายท่านรู้เด็ดขาด!”
เด็กผู้หญิงที่สวมชุดผ้าแพรสวยหรูคนหนึ่ง กล่าวกับแม่นมที่หยาบคายไร้เหตุผลว่า: “แม่นมโจว ถ้าหากหาลูกสาวของสาวใช้ชั้นต่ำคนนั้นเจอแล้ว ให้นางเอาสร้อยข้อมือไข่มุกที่แม่ของนางทิ้งเอาไว้ให้ส่งมาที่ห้องของข้าด้วย ครั้งก่อนข้าเห็นแล้วรู้สึกชอบ แต่นางกลับไม่ให้ข้า”
“คุณหนูใหญ่วางใจได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่บ่าวเอง ถึงเวลาบ่าวจะลากนางมาทุบตี สร้อยข้อมือไข่มุกนั่นก็มาถึงมือแล้ว”
ตอนที่เขาได้ยินคำพูดพวกนี้ในตอนนั้น อดที่จะมองไปที่กู้ชิวเหลิ่งที่นั่งยองๆอยู่ตรงมุมกำแพงไม่ได้ เห็นเพียงใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนาง ไม่ได้มีความรู้น้อยใจเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมเลยสักนิด ในมือยังสวมใส่สร้อยข้อมือไข่มุก เพียงแต่บนแขนที่ขาวราวกับหยกขาวเต็มไปด้วยรอยแผลอยู่ทุกที่
“องค์ชายรอง ทำไมท่านถึงอยู่ที่นี่? อีกสักครู่ฮ่องเต้ก็จะเสด็จกลับแล้ว กำลังตามหาท่านอยู่เพคะ”
กู้ชิวเซียงยืนอยู่ในที่ที่ห่างจากเขาไม่ไกลเท่าไหร่ด้วยภาพลักษณ์ที่งามสง่างามสุภาพเรียบร้อยตามปกติ เพียงแต่ว่าเมื่อครู่นี้อวี่เหวินเจี๋ยได้ยินคำสนทนาของกู้ชิวเซียงกับแม่นมคนนั้นแล้ว เกิดความรู้สึกเกลียดชังกู้ชิวเซียงขึ้นมานานแล้ว
กู้ชิวเซียงต้องการจะเดินเข้าไปด้านหน้าของเขา อวี่เหวินเจี๋ยเอ่ยปากออกมาโดยสัญชาตญาณ: “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!”
กู้ชิวเซียงไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด แต่เพราะเป็นคำสั่งขององค์ชาย ดังนั้นจึงหยุดฝีเท้าเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าถูกตวาดให้หยุดลงแล้ว
“ข้าไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้”
และก็เป็นเวลานั้นเอง ในใจของกู้ชิวเซียงเกิดเป็นความรักขึ้นมา บางทีอาจจะเป็นเพราะใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับเกล็ดน้ำแข็งของอวี่เหวินเจี๋ย ที่ทำให้กู้ชิวเซียงรู้สึกหวั่นไหวมากกว่า
แต่ในความเป็นจริง อวี่เหวินเจี๋ยบเพียงแค่รู้สึกประหม่าในใจ กลัวว่ากู้ชิวเหลิ่งจะถูกพบเข้าโดยไม่ทันได้ระวังเท่านั้น