ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 9 ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 9 ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา
กู้ชิวเหลิ่งถูกปลูกให้ตื่นจากฝันร้ายอีกครั้ง นางจับมีดดาบสั้นในผ้าห่มไว้แน่ๆโดยไม่รู้ตัว
ตั้งแต่เกิดใหม่ในร่างกายนี้ ทุกวันนางก็จะฝันร้ายเดียวกัน ฝันถึงเสียงร้องไห้ของทารก ฝันถึงท่านพ่อและพี่ชายที่ถูกตัดหัวทิ้งลืมตาจ้องมองนาง ฝันถึงใบหน้าที่ชั่วร้ายของมู่หรงอี๋ ความเจ็บปวดแทบขาดใจของตะกั่วร้อนตอนเทเข้าปากนั้นยังคงแพร่กระจายไปทั่วในร่างกาย สุดท้ายก็หยุดลงที่ใบหน้าอันเย็นชาชั่วร้ายของจวินฉีเซิ่ง
“คุณหนู!”
กู้ชิวเหลิ่งดึงมีดดาบสั้นออกจากผ้าห่มอย่างกะทันหัน เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นจูเอ๋อร์ ถึงค่อยโล่งใจลงเล็กน้อย
จูเอ๋อร์ตกใจและรีบพูดว่า:”คุณหนู……ท่าน……”
กู้ชิวเหลิ่งเก็บมีดสั้นไว้ที่ข้างเอว น้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย: “ตื่นตระหนกเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
จูเอ๋อร์ทิ้งเรื่องมีดสั้นไปและพูดอย่างดีใจว่า:”นายท่านกลับมาแล้ว ไม่เพียงแต่นายท่าน ท่านอ๋องรองก็มาด้วย!”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว: “กลับมาก็กลับมาสิ เจ้าจำเป็นต้องเหมือนกระต่ายตื่นตูมเช่นนี้ด้วยรึ?”
ในความทรงจำ ผู้นำของตระกูลกู้ ท่านกู้โหวเย๋กู้หนานเฉิงคนนี้ไม่เคยสนใจลูกสาวคนที่สองของเขามาโดยตลอดเลย ไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นหรือตาย กู้หนานเฉิงกลับมาหรือไม่ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อนางสักนิดเลย
“นายท่านให้ท่านอ๋องรองอยู่เป็นแขก ตอนนี้อยู่ในห้องโถงแล้ว! เมื่อก่อนคุณหนูมักจะพูดถึงท่านอ๋องรองอยู่เสมอ เหตุใดตอนนี้ถึงไม่สนใจแล้วเจ้าค่ะ? ”
กู้ชิวเหลิ่งระลึกถึงความทรงจำของร่างนี้ ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับท่านอ๋องรองนั้นไม่ค่อยชัดเจนนัก นางจำได้แต่เพียงว่ากู้ชิวเหลิ่งในอดีตนั้นถูกรังแกอย่างไร บุตรีอนุที่อยู่แต่ในห้องและไม่เป็นที่ชอบของทุกคนนั้นจะไปเกี่ยวพันกับท่านอ๋องรองได้อย่างไรกัน?
หรือว่าความทรงจำของนางไม่สมบูรณ์?
กู้ชิวเหลิ่งตกอยู่ในความคิดลึก จูเอ๋อร์กล่าวว่า: “ท่านอ๋องรองมักจะเอาใจใส่คุณหนูอยู่เสมอ ตอนมาเมื่อครั้งที่แล้วนั้นยังแอบส่งอาหารเสริมมาให้คุณหนู แถมคุณหนูยังลืมกล่าวขอบคุณด้วยเลย อยากหาเวลากล่าวขอบคุณอยู่เสมอไม่ใช่รึเจ้าค่ะ? วันนี้ท่านอ๋องรองมาพอดี คุณหนูต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดีนะเจ้าค่ะ! ”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้ม: “เจ้าหมายความว่า ความสัมพันธ์ของข้าและท่านอ๋องรองนั้นไม่ธรรมดา?”
จูเอ๋อร์รีบคุกเข่าลงและพูดว่า:”บ่าวไม่ได้หมายถึงเช่นนี้เจ้าค่ะ!”
“เจ้ารู้สึกว่าข้ามีใจให้ท่านอ๋องรอง?”
จูเอ๋อร์ตื่นเต้นจนเหงื่อไหลเต็มหลัง และพูดตามความจริงว่า: “บ่าวเห็นว่าคุณหนูมักถูกท่านอ๋องหกเหยียดหยามอยู่เป็นประจำ บ่าวรู้สึกสงสารคุณหนู อีกอย่างเมื่อก่อนคุณหนูชอบท่านอ๋องหกทั้งใจ จึงมองข้ามน้ำใจของท่านอ๋องรอง ดังนั้นบ่าวจึงคิดว่า……ท่านอ๋องรองถึงจะเป็นคนที่คู่ควรกับคุณหนู”
กู้ชิวเหลิ่งเดินผ่านจูเอ๋อร์ไปที่หน้าคันฉ่องสำริด โฉมหน้าของร่างนี้ที่ไม่เลวนัก อาจเป็นเพราะยังโตไม่พอ มองจากหน้าตาก็ยังดูเด็กไปหน่อย แต่ดวงตาคู่นั้นกลับใสเป็นประกายงดงาม เหมือนดั่งหินนิลดำที่เร้าใจคน
ร่างกายค่อนข้างนุ่มนวล มือด้านขวาจากการฝึกดาบมาหลายปี มีเพียงบางๆหนึ่งชั้น ไม่เหมือนคุณหนูที่ถูกรังแกเลย ตรงกันข้ามกลับเหมือนผู้ที่เรียนวรยุทธ์
คนที่มาในนอกประตูเป็นแม่นมโจวที่อยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่ สาวรับใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังนางถือเสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่เอาไว้
บนใบหน้าอันเก่าของแม่นมโจวนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม:”คุณหนูรอง นี่คือชุดใหม่และเครื่องประดับใหม่ที่ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวส่งมา เดี๋ยวให้สาวรับใช้นี้แต่งตัวให้ท่านและไปรับแขกผู้มีเกียรติด้วยกันเจ้าค่ะ”
ตั้งแต่เข้ามาในห้อง กู้ชิวเหลิ่งก็สังเกตเห็นสาวรับใช้ที่จะแต่งตัวให้นาง ดูแล้วก็น่าจะมีอายุเพียงสิบสามปีเอง ท่าทางเกรงกลัว มือขวาสั่น แค่ดูก็รู้ว่าเป็นอีนังหนูที่ไม่เชี่ยวชาญในการหวีผม หากให้อีนังหนูนี้แต่งตัวให้นาง คาดว่านางคงออกจากประตูนี้ไปไม่ได้แน่
กู้ชิวเหลิ่งแสดงรอยยิ้มที่สดใส: “เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่งดงามมากมายเยี่ยงนี้ ท่านแม่ช่างดีกับข้ายิ่งนัก! ฝากแม่นมขอบคุณท่านแม่แทนข้าด้วยนะ เหลิ่งเอ๋อร์ชอบมากเลย”
แม่นมโจวแอบคิดในใจว่า เสื้อผ้าเหล่านี้ล้วนเป็นสีฟ้าครามและท่านอ๋องรองก็ไม่ชอบสีนี้อยู่ด้วย เครื่องประดับก็ล้วนเป็นปิ่นธรรมดาๆ แป้งชาดและชาดทาปากก็มีสีไม่สม่ำเสมอ นางไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้วาดลงบนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง จะสวยงามได้เพียงใด
กู้ชิวเหลิ่งมองดูจูเอ๋อร์ที่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นและพูดด้วยรอยยิ้ม: “เจ้าอย่าคุกเข่าแล้ว ไปตักน้ำมาให้ข้า เดี๋ยวข้าจะหวีผม”
จูเอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของกู้ชิวเหลิ่ง เมื่อครู่ยังเย็นชายิ่งนัก ตอนนี้กลับยิ้มเหมือนเด็กแล้ว
แม่นมโจวเห็นว่าจูเอ๋อร์ไม่ขยับ จึงพูดว่า:”เจ้าไม่ได้ยินที่คุณหนูรองพูดรึ?ยังมั่วนิ่งเฉยอยู่ทำไม? ”
จูเอ๋อร์จึงค่อยได้สติมาและรีบตอบว่า:”บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ!”
แม่นมโจวเห็นจูเอ๋อร์วิ่งออกไปจึงพูดว่า:”ในลานนี้มีสาวรับใช้เพียงคนเดียว ช่างยากจนข้นแค้นยิ่งนัก เดี๋ยวพรุ่งนี้บ่าวจะเลือกสาวรับใช้ที่ฉลาดสองสามคนแล้วส่งมาในลานคุณหนูให้คุณหนูได้ใช้งาน คุณหนูรู้สึกอย่างไรเจ้าค่ะ?”
กู้ชิวเหลิ่งเหมือนไม่ได้ยิน เพียงแค่หยิบเครื่องประดับในมือแล้วดูซ้ายดูขวา แม่นมโจวยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ข้างๆ กำลังจะเอ่ยปาก กู้ชิวเหลิ่งก็หันหลังกลับมา ยิ้มถามว่า: “แม่นม เจ้าว่าต่างหูนี้งามหรือไม่?”
แม่นมโจวฝืนแล้วพูดว่า: “คุณหนูรองสวยแต่เกิด ใส่อะไรก็งามเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งหรี่ตาถามว่า:”ทั้งหมดนี้แม่นมโจวเป็นคนเลือกเองรึ?”
“บ่าวตั้งใจเลือกเองเจ้าค่ะ คุณหนูรองชอบหรือไม่เจ้าค่ะ?”
“ชอบ ข้าไม่เคยเห็นเครื่องประดับที่สวยงามเช่นนี้มาก่อนเลย”
ทันใดนั้นกู้ชิวเหลิ่งก็เผยรอยยิ้มอันเย็นชา นำของด้อยมาแทนดีต่อหน้านาง? ดูเหมือนว่าบทเรียนของการสูญเสียหลานสาวยังไม่ร้ายแรงพอ
หลังจากนั้นไม่นาน จูเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับน้ำที่เต็มกะละมัง
แม่นมโจวส่งสายตาให้สาวรับใช้ที่อยู่ด้านข้าง สาวรับใช้ก็เดินไปตรงหน้าของกู้ชิวเหลิ่งอย่างเกรงกลัว
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้น สายตาอันเย็นชานั้นทำให้สาวรับใช้ตกใจกลัวจนคุกเข่าลงกับพื้น
กู้ชิวเหลิ่งถามอย่างงุนงงว่า:”คุกเข่าลงทำไม?เจ้าชื่ออะไร?”
“บ่าว……บ่าวชื่ออิงเอ๋อร์เจ้าค่ะ”
อิงเอ๋อร์ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย แม่นมโจวยืนกังวลใจอยู่ด้านข้าง จะอย่างไรก็เป็นเพียงอีนังหนูที่ไม่เคยผ่านเหตุการณ์ใหญ่โตอะไรมาก่อนแท้ๆ เพียงแค่เจอเรื่องเล็กน้อยก็กลัวจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย
แม้ว่าอิงเอ๋อร์อายุยังน้อย แต่นางไม่ได้โง่ เดิมทีมือเท้าของนางก็ไม่สะดวกแล้ว ทรงผมที่ทำออกมาก็ใช้ไม่ได้อยู่แล้ว แม่นมโจวยัดเงินสิบตำลึงให้นาง บอกว่าเพียงแต่งตัวหนึ่งครั้งให้คุณหนูรอง หลังเรื่องเสร็จสิ้นก็ไม่มีเรื่องของนางอะไรแล้ว แต่งานเลี้ยงในคราวนี้มีท่านอ๋องรอง หากคุณหนูรองปรากฏตัวต่อหน้าท่านอ๋องรองและนายท่านในรูปร่างลักษณะที่ไม่เป็นระเบียบเช่นนี้ เมื่อถึงตอนนั้นฮูหยินใหญ่ก็จะผลักความผิดทั้งหมดมาให้นาง และนางก็จะมีชะตากรรมเหมือนกับปี้เถาในวันก่อนอย่างแน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งพยุงอิงเอ๋อร์ขึ้นมา กะพริบตา:”เหตุใดเจ้าถึงคุกเข่าให้ข้า? ยังไม่รีบแต่งหน้าให้ข้า? ”
แม่นมโจวพูดอย่างเตือนเล็กน้อยว่า:”วันนี้ข้าสั่งเจ้าอย่างไร?อีกสักครู่ท่านอ๋องรองก็มาแล้ว เจ้ายังมั่วเชื่องช้าอยู่ที่นี่ทำไม? ”
อิงเอ๋อร์ตัวสั่นและยืนขึ้นภายใต้สายตาของกู้ชิวเหลิ่งและแม่นมโจว จากนั้นก็หยิบหวีขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งมีรอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นและพูดว่า:”อิงเอ๋อร์ เจ้ายกกะละมังมาก่อน”