ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 95 หนึ่งต่อร้อย
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 95 หนึ่งต่อร้อย
คนของจวินฉีเซิ่งรู้ว่าวันนี้นางสวมชุดสีเขียวอ่อน ในเมื่อเป็นการล่าสัตว์ การขี่ม้าร่วมกับผู้ชายนั้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือติดตามกู้ชิวถาง เดิมทีนางยังไม่คิดที่จะให้กู้ชิวเซียงไปเป็นเหยื่อ แต่กู้ชิวเซียงกลับมาได้ทันเวลาพอดี เช่นนั้นก็ไม่อาจโทษนางได้แล้ว
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น ในความเป็นจริงหากกู้ชิวถางอยู่ กู้ชิวเซียงก็ไม่อาจเกิดเรื่องได้ แต่จุดประสงค์ในวันนี้ของกู้ชิวเซียงนั้นไม่ธรรมดา หากจงใจหลุดพ้นจากกู้ชิวถางแล้วไปหาอวี่เหวินเจี๋ย เช่นนั้นจะมีชีวิตรอดหรือไม่ นางก็ไม่สามารถรับประกันได้แล้ว
พื้นที่ล่าสัตว์ ขอแค่เป็นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ใบมีดคมบนคันธนูนั้นล้วนถูกห่อด้วยผ้าฝ้าย จุดประสงค์คือเพื่อไม่ฆ่าสัตว์ ดังนั้นการล่าสัตว์ในคราวนี้จึงเป็นการล่าสัตว์แบบจับตัวเป็นเป็น กู้ชิวเหลิ่งแอบนำกระบี่สั้นอันแหลมคมเสียบไว้ที่ข้างเอว ซึ่งเป็นกระบี่สั้นที่กู้ชิวถางมอบให้นางเมื่อครั้งที่แล้ว ตอนนี้ก็เอามันมาใช้ป้องกันตัวพอดี
อวี้ฉือจ้านพากู้ชิวเหลิ่งเดินเล่นรอบๆอย่างสบายๆ ป่าทึบนั้นปกคลุมแสงแดดอันแสบตานั้น เผยความเย็นยะเยือกออกมา
“สตรีที่ยังไม่ออกเรือนแต่กลับพกกระบี่สั้นติดตัว หากถูกพบเข้า เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
เมื่อครู่ตอนอวี้ฉือจ้านจับเอวของกู้ชิวเหลิ่ง ก็บังเอิญไปจับโดนกระบี่สั้นข้างเอวของกู้ชิวเหลิ่งพอดี จู่ๆก็รู้สึกน่าสนใจขึ้น
กู้ชิวเหลิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยชา:”หม่อมฉันมาร่วมงานล่าสัตว์เป็นครั้งแรก พกกระบี่สั้นมาป้องกันตัวไม่ได้เยี่ยงไร?ยิ่งไปกว่านี้กระบี่สั้นนี้ท่านพี่ของหม่อมฉันเป็นคนให้เอง ต่อให้เป็นคนอื่นถาม หม่อมฉันก็มีข้อแก้ตัว”
อวี้ฉือจ้านดึงบังเหียนไว้แน่นขึ้น เสียงเท้าของม้าหยุดลง เห็นเพียงมีสุนัขจิ้งจอกสีเงินปรากฏตัวขึ้นในพุ่มไม้ตรงหน้า เผยหางข้างหนึ่งออกมา กำลังมองซ้ายมองขวา สังเกตดูอันตราย
“เซ่อเจิ้งหวางโชคลาภนัก”
กู้ชิวเหลิ่งอยากกระโดดลงจากหลังม้า ให้อวี้ฉือจ้านยิงธนู แต่อวี้ฉือจ้านไม่ได้ปล่อยให้กู้ชิวเหลิ่งลงไปจากหลังม้า แต่กลับดึงคันธนูสีม่วงในมือยิงขึ้นสูง ยิงไปโดนสุนัขจิ้งจอกสีเงิน
กู้ชิวเหลิ่งสามารถดูออกได้ว่า อวี้ฉือจ้านใช้กำลังทั้งหมด หากธนูนี้ยิงไปยังร่างกายของสุนัขจิ้งจอกสีเงิน สุนัขจิ้งจอกสีเงินคงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในชั่วขณะหนึ่งแล้ว
เป็นอย่างที่คิดจริงด้วย อวี้ฉือจ้านยิงโดนหลังของสุนัขจิ้งจอกสีเงิน ทันใดนั้นสุนัขจิ้งจอกสีเงินก็ล้มลงกับพื้น ร่างกายของมันก็กระตุกเล็กน้อย
เมื่ออวี้ฉือจ้านนำสุนัขจิ้งจอกสีเงินจับมาวางไว้บนหลังม้า กู้ชิวเหลิ่งก็เอ่ยปากว่า:”สุนัขจิ้งจอกสีเงินตัวนี้เพียงแค่สัมผัสโดนสีบนคันธนูก็ได้แล้ว มีคนมาจับมันอยู่แล้ว เหตุใดเซ่อเจิ้งหวางจึงต้องใช้กำลังมากเช่นนี้ ไปจับมันมาวางไว้ข้างกายเอง?”
อวี้ฉือจ้านมัดมือและเท้าของสุนัขจิ้งจอกสีเงินและพูดว่า:”เรื่องอื่นไม่พูดถึง เพียงแต่ว่าผิวหนังของมันหายาก เมื่อครู่เจ้าเพิ่งส่งเสื้อคลุมออกไปแล้วชุดหนึ่ง เดี๋ยววันหลังข้าค่อยส่งให้เจ้าอีกชุดหนึ่ง”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มมุมปาก: “เซ่อเจิ้งหวางไม่กลัวว่าหม่อมฉันจะกลัวที่จะเห็นเลือดเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆรึ? บอกจะฆ่าสัตว์ตัดชีวิตต่อหน้าสตรีคนหนึ่ง หม่อมฉันควรบอกว่าเซ่อเจิ้งหวางไม่เร้าอารมณ์ หรืออะไรดี? ”
อวี้ฉือจ้านหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า:”ผู้หญิงที่ข้าชอบ จะกลัวเลือดด้วยรึ?”
ใช่สิ ทั้งตัวของอวี้ฉือจ้านนี้ถูกปกคลุมไปด้วยเลือด มือทั้งสองนั้นสกปรกมากนัก เช่นเดียวกับนาง มือทั้งสองของนางก็เปื้อนเลือดเพราะจวินฉีเซิ่งไปหมดไม่ใช่รึ? เดิมทีนางก็ไม่เหมือนกับสตรีอื่นๆอยู่แล้ว นางฝึกฆ่าคนมานานแล้ว แม่ทัพหญิงที่ผ่านการสู้รบที่ดุเดือดมา จะเหมือนกับคนอื่นได้อย่างไร?
กู้ชิวเหลิ่งหยิบธนูหนึ่งอันจากหลังม้า คันธนูนี้หนักเกินไปสำหรับกู้ชิวเหลิ่ง และคันธนูหนึ่งอันนี้เทียบเท่ากับร่างของกู้ชิวเหลิ่งได้ครึ่งหนึ่ง ผู้หญิงทั่วไปดึงมันไม่ไหวเลย
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งนั้นมีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้น คันธนูออกจากสายอย่างรวดเร็ว เดิมทีนกที่กำลังพักผ่อนอยู่บนต้นไม้ ก็ถูกยิงลงมา
อวี้ฉือจ้านยักคิ้วขึ้น กู้ชิวเหลิ่งยังไม่มีกำลังเช่นอวี้ฉือจ้านจริง แต่ความแม่นยำก็ไม่เลวแม้แต่นิดเลย เดิมทีนกก็เป็นนกที่ตื่นตระหนกได้ง่าย แต่กู้ชิวเหลิ่งกลับสามารถยิงนกบนต้นไม้ได้ในพริบตา หากไม่ใช้ฝึกฝนมาหลายปี จะทำได้อย่างไร?
“เซ่อเจิ้งหวางคิดว่า ตอนนี้สถานการณ์ในรอบๆนี้เป็นอย่างไร?”
จีเฟิงไปไหนแล้วไม่รู้ เหลือเพียงม้าตัวหนึ่ง เมื่อรู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ กู้ชิวเหลิ่งก็เข้าใจแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนเมื่อกี้นั้น นางก็รู้สึกว่ารอบๆนี้นั้นเงียบเกินไป ความสงบก่อนพายุฝน หากเดาไม่ผิด กองทัพของจวินฉีเซิ่งคงมาแล้ว
“ข้าว่าพวกเขาพาตัวมาติดกับดัก”
กลุมคนที่มาจากทุกทิศทางนั้นคือชายกลุ่มที่คลุมหน้าด้วยผ้าสี กู้ชิวเหลิ่งเหลือบมองรอบๆด้วยดวงตาอันแหลมคม ครั้งนี้จวินฉีเซิ่งคงลงทุนไปไม่น้อยเลยสินะ คนกลุ่มนี้มีสิบสองคนกลับถูกจวินฉีเซิ่งส่งมาลอบสังหารอวี้ฉือจ้านหมด
“เซ่อเจิ้งหวางพาคนมากี่คน?”
“หกคน”
“หนึ่งต่อสอง?”
“ไม่ หนึ่งต่อร้อย”
อวี้ฉือจ้านเพิ่งพูดจบ ก็มีชายหกคนที่แต่งกายด้วยชุดสีดำนั้นกระโดดออกมาจากรอบๆ หน้ากากสีเงินอันเย็นชานั้นปกคลุมใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดไว้ ภายใต้บรรยากาศที่อาฆาตนี้ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
แม้แต่กู้ชิวเหลิ่งก็อดที่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่ต่อพวกเขาไม่ได้ สิ่งที่ถูกส่งออกมาจากบนตัวของคนเหล่านี้นั้นไม่ใช่ความอาฆาต แต่มันปราศจากชีวิตชีวา ทุกคนเปรียบเหมือนกับอากาศ ราวกับว่าได้รวมเป็นหนึ่งกับอากาศไปแล้ว แต่คนแบบนี้แหละถึงจะถือได้ว่าเป็นนักฆ่าชั้นยอด
แต่หน่วยกล้าตายของจวินฉีเซิ่งนั้นก็ไม่เลวนัก
กู้ชิวเหลิ่งหยิบผงยาที่เตรียมไว้ในแขนเสื้อออกมา กำไว้ในมือและพูดว่า:”จัดการกับคนเหล่านี้ ท่านมีความมั่นใจในการเอาชนะพวกเขาเท่าไหร่?”
“คุณหนูรองลืมฉายาของข้าแล้วหรือ?”
“เยี่ยม เทพสงครามผู้ยอดเยี่ยม”
ผู้ไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ต่อให้จวินฉีเซิ่งได้ขึ้นครองบัลลังก์ ก็สู้กับอวี้ฉือจ้านไม่ได้อยู่ดี
ทั้งสองฝ่ายเริ่มต่อสู้กันแล้ว แม้ว่าสายลับของอวี้ฉือจ้านจะสามารถหนึ่งต่อร้อยได้ แต่สำหรับหน่วยกล้าตายสิบสองคนของจวินฉีเซิ่งที่ฝึกมาเป็นเวลานานถึงสิบปีนี้ ก็ยังคงมีศัตรูที่หนีรอดไปได้
ดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งมองสังเกตเป็นอย่างดี และในบรรดาสิบสองคนนี้แม้แต่ฮุยเยาคนสนิทของจวินฉีเซิ่งก็อยู่ในนี้ด้วย หลายครั้งที่อวี้ฉือจ้านปกป้องกู้ชิวเหลิ่งไว้ข้างหลัง ใช้กระบี่ยาวสังหารหน่วยกล้าตายไปสองคน
กู้ชิวเหลิ่งตั้งหน้าตั้งตามองสังเกตร่องรอยของฮุยเยาเป็นอย่างดี ทันใดนั้นก็หยิบกระบี่สั้นข้างเอวขึ้น ฉวยโอกาสในขณะที่สายลับคนหนึ่งของอวี้ฉือจ้านกำลังต่อสู้ฮุยเยา หลุดพ้นจากมือของอวี้ฉือจ้าน และบาดหน้าท้องของฮุยเยา
กู้ชิวเหลิ่งก็โรยผงยาลงบนแผลของฮุยเยาลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของฮุยเยาแดงขึ้นเล็กน้อย
อวี้ฉือจ้านรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี ใช้แรงโยนกระบี่ยาวในมือออกไปแทงใส่หน้าท้องของฮุยเยา
ส่วนสายลับคนหนึ่งก็ได้ตีกระบี่ในมือของฮุยเยาทิ้งลงแล้ว ฮุยเยาใช้กำลังทั้งหมด ตบไปยังแผนหลังของกู้ชิวเหลิ่ง
“กู้ชิวเหลิ่ง!”
เดิมทีกู้ชิวเหลิ่งก็คิดจะหลบแล้ว แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินอวี้ฉือจ้านเรียกนาง เสียงนั้นมีความกังวล รีบร้อนและความกลัว
กู้ชิวเหลิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง และเมื่อได้สติอีกที แผนหลังก็มีความเจ็บปวดส่งมาแล้ว
หากนางเดาไม่ผิด แขนทั้งสองข้างของนางถูกสั่นสะเทือนจนเคลื่อนที่ไปแล้วสินะ