ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่162 เจ้ารู้จักมู่หรงชิวหรือไม่
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่162 เจ้ารู้จักมู่หรงชิวหรือไม่?
กู้ชิวเหลิ่งแสร้งเป็นมิรู้พลางกล่าวว่า “เหตุใดข้าจึงเป็นสตรีสามัญชนทั่วไปคนหนึ่งมิได้เล่า? เจ้าเอ่ยเยี่ยงนี้เป็นการตัดสินกันเกินไปแล้ว”
ชายที่เป็นหัวหน้านั้นหรี่ตาลงและขยับมีดเสี้ยวพระจันทร์เข้าจ่อใกล้ลำคอของกู้ชิวเหลิ่งมากขึ้น “เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ส่งตัวซีเหมินมู่เจินมา แล้วข้าจะเมตตาเจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งทำตัวแข็งทื่อ และเลิกคิ้วขึ้นอย่างกะทันหันก่อนจะกล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือโจรมาตั้งแต่ต้นที่อยากจะจับตัวข้ามา จากนั้นก็จะข่มขู่อวี้ฉือจ้านใช่หรือมิ? ” แล้วยังจะยกซีเหมินมู่เจินมาเป็นเรื่องขำขันเพื่อกระไร ทั้งชีวิตนี่สิ่งที่ข้ารังเกียจที่สุดก็คือเหล่าโจรที่ชอบมาข่มขู่ผู้คนเยี่ยงพวกเจ้า!”
“แม่ทัพ!อย่าสนใจคำพูดไร้สาระของนาง ! ให้ข้าน้อยลงมือจัดการเถิด! มิอยากจะเชื่อว่าถูกขนานนามว่าเป็นสตรีที่งามหยดย้อย!”
กู้ชิวเหลิ่งกำหมัดแน่นพลางอดกลั้นกล่าวว่า “เจ้าก็รู้แล้วมิใช่หรือว่าข้าเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง แม่ทัพของพวกเจ้าเอามีดมาจ่อบนคอข้า หากข้ากลัวก็คงจะสารภาพไปนานแล้ว! แต่ว่าข้าหาได้รู้จักกับซีเหมินมู่เจินมิ! เจ้าจะเค้นถามข้าเยี่ยงไร ข้าก็มิอาจตอบพวกเจ้าได้ว่าเขาอยู่ที่ใด!”
“หุบปาก!”
คนที่ยืนอยู่ด้านข้างยื่นมือจะทุบตี แต่ชายที่เป็นหัวหน้าได้ขวางมือของคนนั้นไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอามือลง!”
“แม่ทัพ!”
ชายที่เป็นหัวหน้ายกมือข้างหนึ่งขึ้นพลางกล่าวว่า “มิต้องกล่าวกระไรให้มากไปกว่านี้แล้ว ในเมื่อนางมิรู้จักซีเหมินมู่เจินก็เปล่าประโยชน์”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วขึ้น คนพวกนี้มาด้วยเจตนามุ่งร้ายอย่างเห็นได้ชัด ในเมื่อนางถูกจับตัวมาแล้ว มิว่าจะสามารถคืนตัวกู้เจินได้หรือมินั้นก็ต้องตายอยู่ดี“แม้จะจับผิดตัว แต่ก็คงจะกล่าวกับเจ้าได้เพียงแค่คำขอโทษเท่านั้น”
ชายที่เป็นหัวหน้าได้ชูมีดพระจันทร์เสี้ยวขึ้นราวกับว่ากำลังจะบั่นคอกู้ชิวเหลิ่งภายในเสี้ยววินาที
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว ในช่วงเวลาที่เป็นหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ ก็ได้ยินเสียงก้อนหินที่เขวี้ยงมาทางนี้
ก้อนหินเขวี้ยงมากระทบบนข้อมือของชายที่เป็นหัวหน้า ทำให้มีดเสี้ยวพระจันทร์ร่วงตกลงสู่พื้นทันที
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งเอี้ยวศีรษะกลับไปดูก็ปรากฏให้เห็นเป็นกู้เจินยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดเก่านั้น
ขณะที่กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งจะผ่อนหายใจนั้น ชายที่เป็นหัวหน้าก็รีบล้วงเอากริชที่อยู่ตรงเอวอย่างฉับพลัน แล้วจ่อมาบนคอของกู้ชิวเหลิ่งพลางกระชากนางให้ลุกขึ้นมายืนขวางหน้าตนไว้
กู้ชิวเหลิ่งฟังเสียงชายคนนั้นกล่าวผ่านใบหูของนางว่า “ซีเหมินมู่เจิน ในที่สุดก็ลวงเจ้าให้โผล่ออกมาจนได้ ถ้าอยากจะให้สตรีนางนี้มีชีวิตต่อละก็กลับไปทะเลทรายกับข้าบัดเดี๋ยวนี้!”
กู้เจินแสดงสีหน้าเรียบเฉยพลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ปล่อยนางเดี๋ยวนี้แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ซีเหมินมู่เจิน! เจ้ามองดูสถานการณ์ตรงหน้านี้ดู! บัดนี้ข้ากำลังออกคำสั่งแก่เจ้า!”
กู้เจินแววตาเยือกเย็นลง ดาบในมือของเขาพุ่งตรงออกไปดุจธนู ลอยผ่านศีรษะของกู้ชิวเหลิ่งไป ทะลุไปยังหัวคิ้วของชายหนุ่ม
กู้ชิวเหลิ่งเอี้ยวตัวหลบ จากนั้นล้มลงสู่พื้นอย่างมิมั่นคง คนผู้นั้นมิได้มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะ เห็นได้ชัดว่าผู้ลงมือช่างมีฝีมือนัก สามารถควบคุมน้ำหนักได้อย่างแม่นยำ
กู้ชิวเหลิ่งมองไปทางกู้เจินด้วยความระมันระวัง พบว่าด้านหลังมีชายหนุ่มสวมชุดยาวเดินตรงเข้ามา ท่ามกลางแสงจันทร์อันขาวซีด ทำให้ใบหน้าเขาดูซีดเซียวลงเช่นกัน ร่างอันเรียวบาง ใช้มืออันเห็นกระดูกอย่างชัดเจนนั้นยกขึ้นปิดปากเอาไว้
กู้ชิวเหลิ่งหรี่ตาลง เหตุใดจวินหวาเทียนจึงปรากฏกายขึ้นที่ต้าเยียน
กู้ชิวเหลิ่งคิดไม่ถึงมาก่อนว่าจวินหวาเทียนจะมาอยู่ที่นี่ได้ ส่วนร่างกายของเขานั้นเพียงมองไปก็รู้ได้ว่าอาการเจ็บป่วยกัดลึกเข้าไปถึงกระดูกแล้ว
กู้เจินเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ากู้ชิวเหลิ่ง จากนั้นหยิบกุญแจจากเสื้อผ้าของชายเมื่อครู่ออกมา ใช้มันในการไขกุญแจให้กู้ชิวเหลิ่ง
กู้ชิวเหลิ่งขยับเขยื้อนร่างกาย แววตาของนางยังคงไม่ละจากจวินหวาเทียนได้
“ขอบใจ”
กู้เจินเม้มริมฝีปาก กล่าวเบาๆ ขึ้นว่า “ชายที่เจ้าต้องการพบ ข้าพามานี่แล้ว”
“ขอบใจเจ้ามาก”
จวินหวาเทียนเดินตรงเข้ามาช้าๆ ต่อให้มีการปิดบังหน้าตาเอาไว้ แต่กู้ชิวเหลิ่งก็มองออกได้ในทันที จวินหวาเทียนในตอนนี้ ทุกย่างก้าวของเขาช่างดูยากลำบากเหลือเกิน
ก่อนหน้านี้เขาดูสง่างามดุจดั่งหยกขาว คุณชายจวินหวาเทียนผู้ไร้ใครเปรียบปราน บัดนี้กลับกลายมาเป็นผู้บอบบางที่ลมพัดก็แทบปลิวลอยไปได้
น้ำเสียงอันอ่อนโยนดังขึ้นว่า “อาชิว?”
กู้ชิวเหลิ่งตกตะลึงก่อนได้สติกลับคืนมา ราวกับย้อนไปในอดีต
“ข้า……”
จวินหวาเทียนใช้ประโยชน์จากแสงจันทร์อันริบหรี่ในการมองใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง ก่อนที่จะตกตะลึงแล้วกล่าวว่า “ขอโทษ ข้าคงจำผิดไป”
สีหน้านั้นยากที่จะปิดบังถึงความผิดหวัง กู้ชิวเหลิ่งอดมิได้ที่จะก้มหน้าลง ตอบว่า “ข้าเคยได้ยินชื่อของจวินหวาเทียนว่าความจำดียิ่ง มิเคยจำผู้ใดผิดไป เหตุใดครานี้จึงได้จำผิดอย่างง่ายดาย?”
จวินหวาเทียนไอออกมาอย่างรุนแรง ราวกับหัวใจจะหลุดออกมาจากลำคอ
กู้เจินเข้าไปพยุงกู้ชิวเหลิ่งเอาไว้กล่าวว่า “ที่นี่ลมแรงนัก ไปหาที่คุยอันเหมาะสมกว่านี้เถิด”
สายตากู้ชิวเหลิ่งมองไปทางศพที่อยู่บนพื้น กล่าวว่า “แล้วพวกเขา……”
น้ำเสียงของจวินหวาเทียนดังขึ้นอย่างเข้าใจว่า “จะมีคนมาจัดการเอง รถม้าอยู่ที่ด้านนอก คุณหนูรองเชิญเถิด”
กู้ชิวเหลิ่งทำสีหน้าสงสัยออกมา “เจ้ารู้หรือว่าข้าคือใคร?”
จวินหวาเทียนพยักหน้าเบาๆ ที่หน้าประตูมีรถม้าหยุดรออยู่จริงเสียด้วย
มีชายคนหนึ่งสวมชุดสีดำลงมาจากรถม้า ในมือเขามีเสื้อคลุมหนังจิ้งจอกเงินอยู่ แล้วนำมันไปคลุมให้แก่จวินหวาเทียน
กู้ชิวเหลิ่งเดินไปพลางกล่าวว่า “บัดนี้เป็นฤดูร้อน อ๋องหวากลัวหนาวงั้นหรือ?”
จวินหวาเทียนกล่าวเสริมขึ้นว่า “ร่างกายข้ามิสู้ดีนัก ขออภัยด้วยที่ทำให้คุณหนูรองเห็นด้านมิดีเช่นนี้ แต่บัดนี้ข้ามิใช่อ๋องหวา โปรดเรียกข้าว่ามู่หรง”
“มู่……หรง?”
กู้ชิวเหลิ่งมองออกถึงความมืดมนในดวงตาเขา จึงได้ปลอมเป็นคนในมู่หรง หรือเขาจะอาฆาตแค้นตระกูลมู่หรงของนางหรือ?
“คุณหนูรอง?”
จวินหวาเทียนเดินขึ้นไปบนรถม้า ราวกับกำลังสงสัยในท่าทางตอยสนองของกู้ชิวเหลิ่ง
กู้เจินที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ข้าจะพยุงเจ้าขึ้นรถเอง”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า กล่าวว่า “ขอโทษด้วย ข้าใจลอยไปเล็กน้อย”
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งก้าวขึ้นรถม้าไป สายตาของจวินหวาเทียนก็ทอดมองมา เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “คุณหนูรองเกิดและโตในจวนงั้นหรือ? มิเคยก้าวออกจากจวนงั้นหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มขึ้นกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ฉีก็เอ่ยถามข้าในทำนองเดียวกัน ข้าเองมิเคยก้าวออกไปจากจวนเลย”
“ช่วงนี้ข้ามักสัมผัสได้ว่ามีคนกำลังสืบเรื่องราวของข้าอยู่ เป็นคนของคุณหนูรองงั้นหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างมิได้ปิดบังว่า “เป็นคนของข้าเอง”
จวินหวาเทียนเผยรอยยิ้มออกมาบางเบา “มิรู้ว่าคุณหนูรองมีเรื่องด่วนใดประสงค์จะถามข้าหรือไม่?”
“คุณชายมู่เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนสกุล หลบเลี่ยงชีวิตเดิมของตน นั่นมิใช่เพราะต้องการปิดบังตัวตนของตนเองหรือ?”
จวินหวาเทียนถูไถไปยังแหวนหยกของตนที่นิ้ว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างใจลอยว่า “ข้านั้นมิมีสิ่งใดหรอก เพียงแต่นาง……”
“ที่คุณชายมู่กล่าวถึงนั้นคือผู้ใด? ฮองเฮาแห่งแคว้นฉีที่เพิ่งสวรรคตไปงั้นหรือ?”
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งเอ่ยออกมาเช่นนั้น นางก็รู้สึกได้ว่าตนดูหุนหันพลันแล่นเกินไป บัดนี้นางคือกู้ชิวเหลิ่ง ด้วยใบหน้าของนางเช่นนั้น จะให้จวินหวาเทียนเชื่อได้อย่างไรว่านางคือมู่หรงชิง?
จวินหวาเทียนมองไปทางกู้ชิวเหลิ่งอีกครั้งก่อนจะกล่าวว่า “เจ้ารู้จักมู่หรงชิวหรือ?”