ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่232 งานที่ไปหาที่ตาย
กลางคืนที่เงียบสงบ นอกประตูก็ยังมีองครักษ์เฝ้าอยู่เช่นเคย มู่หรงอี๋ผลักประตูห้องโถงออก ก็เห็นหลี่ต้าไห่กับองครักษ์ที่แซ่จางนั้นอีกครั้ง
เสียงของมู่หรงอี๋นั้นแหลมเล็กน้อย แต่กลับไม่ค่อยดังนัก ราวกับว่าลดระดับเสียงลง: “พวกเจ้าใครเป็นผู้นำองครักษ์ในที่นี้?”
หลี่ต้าไห่กล่าวว่า”ข้าน้อยเองขอรับ”
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเข้ามา”
“เข้า……เข้ามา?”
หลี่ต้าไห่มองดูมู่หรงอี๋ที่จงใจแต่งตัว และสีหน้าของเป่ยไห่เฟิงตอนออกคำสั่งให้เขาในวันนี้นั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวเอง……มีพรแล้ววันนี้
องครักษ์จางดันหลี่ต้าไห่ ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความหยอกล้อ
หลี่ต้าไห่กระซิบข้างหูองครักษ์จางว่า: “ข้าไม่ได้ เมียข้าคงฆ่าข้าตายแน่เลย เพื่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าช่วยข้าหน่อยสิ”
องครักษ์จางเลียริมฝีปากล่าง และพูดว่า”ก็ได้”
องครักษ์จางเดินเข้าไปในห้องโถงด้วยรอยยิ้ม มู่หรงอี๋กล่าวว่า”ข้าเรียกเขา”
องครักษ์จางกล่าว”ผู้ใดก็เหมือนกัน หากท่านมีเรื่องอะไร ก็สั่งให้เขาโดยตรงเลย”
“ข้าให้เจ้าช่วยข้าพาเซ่อเจิ้งหวางกับพระชายาของเซ่อเจิ้งหวางมา เช่นนี้เจ้าก็ทำได้หรือ?”
สีหน้าขององครักษ์จางแย่ลงในทันที เซ่อเจิ้งหวางกับพระชายาของเซ่อเจิ้งหวางเป็นคนเยี่ยงไร? เขาเป็นเพียงองครักษ์เล็กๆคนหนึ่งจะไปเชิญมาได้อย่างไรกัน? นี่เป็นงานที่ไปหาที่ตายชัดๆ
ต่อให้เขาจะบ้ากามและกล้ามากเพียงใด ก็ไม่กล้าทำเรื่องที่ร้ายแรงเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น หากมู่หรงอี๋เผยเรื่องที่เขาเคยข่มขืนนางสนมของฝ่าบาทต่อหน้าเซ่อเจิ้งหวางและพระชายาของเซ่อเจิ้งหวาง ถึงตอนนั้น คงไม่เพียงแค่ถูกประหารชีวิตเท่านั้นแน่?
มือข้างหนึ่งของมู่หรงอี๋ลูบหน้าอกขององครักษ์จางอย่างเบาๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า“เจ้าไม่ต้องกังวล การที่นางสนมแอบมีความสัมพันธ์กับคนอื่นนั้นเป็นเรื่องถึงโทษประหารชีวิต ข้าไม่ได้โง่ขนาดนั้น เจ้าเพียงแค่ให้เพื่อนของเจ้า ผู้นำองครักษ์ไปหาเซ่อเจิ้งหวาง และบอกว่าข้ามีความลับของคนคนนั้น หากเขาอยากรู้ ก็มาพบข้า ทำไม? เรื่องเล็กแค่นี้ เจ้าก็ไม่กล้า?”
องครักษ์จางกลืนน้ำลาย มู่หรงอี๋เป็นคนเกลี้ยกล่อมเขาเอง ยิ่งไปกว่านี้หลี่ต้าไห่บอกแล้วว่าเรื่องนี้เขาจัดการเอง เช่นนั้นเขาก็สบายใจได้ อย่างไรสุดท้ายเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอยู่แล้ว
องครักษ์จางได้โยนมู่หรงอี๋ลงบนเตียงแล้ว และภายใต้แสงเทียนจางๆ ก็มีรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนในหน้าของมู่หรงอี๋
จวินฉีเซิ่ง ข้าจะให้เจ้าดูชะตากรรมของการทรยศข้า
เช้าวันนี้ หลี่ต้าไห่ก็ได้แอบเข้าไปตำหนักด้านข้างที่กู้ชิวเหลิ่งกับอวี้ฉือจ้านอาศัยอยู่ อวี้ฉือจ้านไปสอบสวนคดีแล้ว เหลือเพียงกู้ชิวเหลิ่งผู้เดียว
หลี่ต้าไห่เดินลังเลไปมาที่หน้าประตูลานเป็นเวลานาน ก่อนหน้านี้เป่ยไห่เฟิงสั่งไว้ว่าต้องบอกให้อวี้ฉือจ้าน แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะนำแผนการนี้บอกให้กับกู้ชิวเหลิ่ง แต่ดูจากรูปลักษณ์ของเจ้านายในก่อนหน้านี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะโปรดปรานต่อพระชายาของเซ่อเจิ้งหวางที่เรียกว่ากู้ชิวเหลิ่งนี้มากนัก เช่นนั้นควรทำตามแผนเดิมหรือบอกกู้ชิวเหลิ่งโดยตรง? นี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลี่ต้าไห่
คอยกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ แต่กลับคอยจีเฟิงได้ จีเฟิงเห็นหลี่ต้าไห่เดินไปมาที่นอกลานอย่างลับๆล่อๆนานแล้ว จีเฟิงจับคอเสื้อของหลี่ต้าไห่และเดินเข้าไปในลานโดยไม่พูดอะไร
“บอกมา?เจ้าเป็นใคร! ถ้าไม่พูด……”
“โอ้ พี่ชาย ข้าไม่ได้บอกว่าไม่บอก ท่านปล่อยมือก่อน ข้าบอก!”
จีเฟิงปล่อยหลี่ต้าไห่ลง หลี่ต้าไห่หลุดพ้นจากมือของจีเฟิงอย่างยากลำบาก จับคอที่เกือบโดนหัก และพูดว่า”ท่านที่อยู่ในเรือนฉูหรวนนั้นให้ข้าน้อยส่งจดหมายถึงเซ่อเจิ้งหวางแทน แต่ไม่ทราบว่าเซ่อเจิ้งหวางอยู่หรือไม่ ข้าเลยไม่กล้าเข้าไป”
กู้ชิวเหลิ่งเปิดประตูห้องออกมา เผยใบหน้าที่สวยงาม หลี่ต้าไห่เกือบดูจนอึ้ง แต่กลับถูกจีเฟิงตบที่ด้านหลังหัว จึงจำเป็นต้องก้มหัวลง
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ใครจะหาเซ่อเจิ้งหวาง?”
เสียงของกู้ชิวเหลิ่งนั้นเพราะมาก แต่ก็มีความเย็นชาเล็กน้อย
หลี่ต้าไห่ยิ้มและพูดว่า”หลิ่วกุ้ยเหรินที่อยู่ในเรือนฉูหรวน”
“เจ้าเป็นองครักษ์?”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งอืมไปคำหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า”ถ้าอย่างนั้นเจ้าคงจะรู้ว่า ผู้ที่โกหกจะรับโทษแบบไหนกัน?”
แผนหลังของหลี่ต้าไห่มีเหงื่อเย็นเยือบไหลลงมา แต่ก็แสร้งยิ้มแล้วพูดว่า“พระชายาพูดอะไรกัน ต่อให้ข้าน้อยจะมีความสามารถเพียงใด ก็ไม่กล้าโกหก ผู้ที่โกหกนั้นจะต้องถูกประหารตาย ข้าน้อยใจไม่กล้าขนาดนั้นขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งเดินไปยังหน้าหลี่ต้าไห่: “เจ้าไม่มีใจกล้าเช่นนี้จริง แต่คนบางคนมี เดิมทีข้าก็รู้สึกแล้วว่าเป่ยไห่เฟิงคุ้นเคยกับพระราชวังมากเกินไปหน่อย ที่แท้เป็นเพราะมีหัวหน้าองครักษ์ค่อยเป็นสายลับในวังให้นี่เอง”
หลี่ต้าไห่สูงกว่ากู้ชิวเหลิ่งมากนัก แต่ยามนี้ออร่าบนตัวของกู้ชิวเหลิ่งนั้นกลับมากกว่าเขา ดูไม่ออกเลยว่าเป็นเด็กหญิงอายุสิบสี่ ห้าปี
หลี่ต้าไห่พูดด้วยความอับอายว่า: “ในเมื่อพระชายาเข้าใจทุกอย่างหมดแล้ว เช่นนั้นข้าน้อยก็พูดตามจริงแล้ว คุณชายให้ข้าน้อยแอบช่วยเหลือเซ่อเจิ้งหวางกับพระชายาของเซ่อเจิ้งหวางอย่างลับๆ ข้าน้อยก็ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณชาย เร้าสะเทือนอารมณ์หลิ่วกุ้ยเหรินที่อยู่ในเรือนฉูหรวนโดยเฉพาะ……”
หลี่ต้าไห่ยังพูดไม่จบ กู้ชิวเหลิ่งก็ได้เอ่ยปากพูดว่า”พวกเจ้าใช้วิธีอะไร?ทำไมไม่พูดออกมาให้ข้าฟังดูหน่อย?”
หลี่ต้าไห่ลังเลไปตั้งนาน ถึงจะพูดว่า“ขมขื่น……”
กู้ชิวเหลิ่งออไปคำหนึ่ง แต่ไม่เห็นเขินอายใดๆ แต่กลับพูดว่า“ในเมื่อคุณชายของเจ้ามีความสามารถเยี่ยงนี้ ยังให้เจ้ามาช่วยเหลือพวกข้า แอบคิดแผนการลับๆเยอะขนาดนี้ เช่นนี้เมื่อเจ้ากลับไปก็ขอบคุณเขาแทนข้าด้วย จำไว้ ข้าจริงใจยิ่งนัก”
แสงอันเยือกเย็นในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งทำให้หลี่ต้าไห่ก้มหน้าลง และกล่าวว่า“ข้าน้อยจะกลับไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าหลี่ต้าไห่ก็ได้วิ่งหนีไปแล้ว
จีเฟิงพูดอย่างสงสัย: “เจ้าน่านน้ำช่วยพวกข้าเยี่ยงนี้ เป็นเพราะ……”
กู้ชิวเหลิ่งเยาะเย้ยและกล่าวว่า”เขาช่วยพวกข้าตรงไหนกัน กำลังหลอกใช้พวกข้าช่วยกำจัดคนที่ขวางตาเขาทิ้งเท่านั้นชัดๆ”
“ห๊ะ?”
กู้ชิวเหลิ่งแต่งงานกับจวินฉีเซิ่งมาเป็นเวลาหลายปี ตระหนักดีถึงความทะเยอทะยานของจวินฉีเซิ่ง ตลอดมาเขาต้องการยึดแคว้นทุกแคว้นไว้เป็นของตนทั้งหมด รวมแคว้นเหล่านี้ให้เป็นหนึ่ง แต่แม้ว่าตระกูลมู่หรงจะกล้าหาญและเก่งในการต่อสู้เพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่ชอบก่อให้เกิดภัยพิบัติสงครามมากระทบกระเทือนแด่ราษฎร ดังนั้นทันทีที่จวินฉีเซิ่งได้ขึ้นครองบัลลังก์ ก็เร่งรีบที่อยากจะกวาดล้างตระกูลมู่หรงทิ้งให้หมดสิ้น
เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้เงินในท้องพระคลังนั้นขาดแคลนแล้ว จวินฉีเซิ่งจึงคิดหาทุกวิธีทางในการทำการค้าทางทะเล ได้เงินมาเป็นจำนวนมาก ข้าราชการที่อยู่ภายใต้เขาก็ทำตามขึ้นทันที แต่ท้ายที่สุดแล้ว เงินในท้องพระคลังก็ยังขาดแคลนอยู่เหมือนเดิม แต่ข้าราชการเหล่านั้นกลับร่ำรวยยิ่งนัก
หลายปีมานี้ความทุจริตคดโกงของแคว้นฉียิ่งอยู่ยิ่งร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ เมืองหลวงของแคว้นฉีนั้นงดงามและเจริญรุ่งเรือง แต่นอกเมืองหลวงนั้นกลับเต็มไปด้วยซากศพ และความยากจน
ในยามเช่นนี้ ข้าราชการของแคว้นฉีกลับยังเล่นเพลงและเต้นรำอยู่ในเมืองหลวง เพลิดเพลินกับความมั่งคั่งที่ขโมยมา ราชสำนักและข้าราชการของแคว้นฉีกลายเป็นสภาพเยี่ยงนี้ แคว้นจะไม่ล่ม ไม่เสื่อมทรามได้อย่างไร?