ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่233 นกดีเลือกกิ่งไม้พำนักนอน
กู้ชิวเหลิ่งพูดกับจีเฟิงว่า: “เรื่องนี้ไม่ต้องบอกให้อวี้ฉือจ้านทราบ เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
จีเฟิงพูดอย่างลำบากใจว่า: “ข้าน้อย……”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า“เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่เป็นอะไรแน่ ด้วยความสามารถในตอนนี้ของมู่หรงอี๋แล้ว ไม่อาจทำร้ายเส้นผมของข้าแม้แต่เส้นเดียว อีกอย่างหากนำเรื่องนี้บอกให้อวี้ฉือจ้านทราบ ข้ากลัวเขาจะฟุ้งซ่าน”
จีเฟิงที่เคยถูกกู้ชิวเหลิ่งหลอกมาแล้วครั้งหนึ่งนั้นก็ยังไม่จำขึ้นใจเหมือนเดิม: “ข้าน้อยเข้าใจขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งปิดประตูห้อง ตรงมุมปากของนางนั้นมีรอยยิ้มจางๆ
งานศพของฉินโม่เอ๋อร์ได้เตรียมพร้อมหมดแล้ว เรื่องนี้หยินซวงซวงเป็นคนทำเองกับมือทั้งหมด แม้ว่าตอนนี้ยังจับตัวฆาตกรไม่ได้ก็ตาม แต่ตอนนี้มันเป็นช่วงฤดูร้อนที่ร้อนระอุ หากยังไม่รีบนำไปฝังที่สุสานหลวง ก็ถือเป็นการผิดหลักการเหตุผลแล้ว
จีเฟิงนำอาหารเช้า กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถามสักที สถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลฉินและตระกูลกู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
จีเฟิงกล่าวว่า: “ตระกูลฉินกับตระกูลกู้ทะเลาะกันจนต่างฝ่ายต่างก็ไม่สนใจกันแล้ว ฝ่าบาทและฝู้ซื่อจื่อได้แอบขจัดพรรคพวกของทั้งคนไปจำนวนมากอย่างลับๆแล้ว ตระกูลฉินไม่ต้องพูดถึง หลายปีที่ผ่านมานี้ตระกูลฉินหยิ่งยโสยิ่งนัก มีจุดอ่อนหลายจุดตกอยู่ในมือของตระกูลกู้แล้ว ตอนท่านอ๋องมา ตระกูลกู้ก็ได้เขียนพรรคพวกทั้งหมดของตระกูลฉินไว้ในฏีกา และนำให้ฝ่าบาทโดยตรง ตอนนั้นฝ่าบาทก็ได้สั่งให้ประหารข้าราชการทุกคนที่ โลภมาก บิดเบือนกฎหมาย รังแกคนอ่อนแอ ตอนนั้นเล่าฮูหยินของตระกูลฉินก็ได้โมโหจนล้มป่วย หลังจากนั้นสองวัน ก็ได้จากไปแล้ว”
“แล้วตระกูลกู้ล่ะ?”
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม คนตระกูลกู้ที่เหลือนางไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่นัก เพียงแต่ว่ากู้ชิวถาง นางไม่สนใจไม่ได้ ในตระกูลกู้นี้พี่ชายคนโตคนนี้จริงใจกับนางจริงๆ นางไม่อยากทำให้กู้ชิวถางต้องเดือดร้อนไปด้วยจริง
จีเฟิงคิดว่ากู้ชิวเหลิ่งเป็นคนของตระกูลกู้ ดังนั้นเมื่อพูดอะไรก็ค่อยระมัดระวังเป็นอย่างมาก: “ตระกูลกู้ถูกตระกูลฉินลับทำร้าย……ดูเหมือนว่าก็จะแพ้ลงแล้ว แต่ฝ่าบาทชื่นชมแม่ทัพกู้ยิ่งนัก หากอนาคตต้องการขุดรากถอนโคนตระกูลกู้และตระกูลฉินจริง แม่ทัพกู้ก็มีจวนของตัวเองอยู่แล้ว คงไม่พัวพันถึงแม่ทัพกู้”
เมื่อรู้ว่ากู้ชิวถางไม่เป็นไร กู้ชิวเหลิ่งก็โล่งใจลง ส่วนตระกูลกู้จะเป็นไรนางไม่สนใจแม้แต่นิดเลย จีเฟิงกล่าวว่า “เอี้ยนซานเหนียงกลายเป็นฮูหยินแล้ว พบความผิดไม่น้อย เกรงว่าอีกไม่นานตระกูลกู้ก็คงจะพัวพันไปด้วยแล้ว”
จีเฟิงสังเกตสีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งอย่างรอบคอบ กลัวความไม่พอใจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง แต่สีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งนั้นเฉยชาอยู่เสมอ จนกระทั่งเขาพูดประโยคสุดท้ายนั้นออกมา บนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น: “ทำไม?ดูปฏิกิริยาของเจ้าเมื่อครู่นี้ เหมือนกลัวว่าข้าโกรธ?หรือคิดว่าข้าจะเป็นห่วงตระกูลกู้?”
“ข้าน้อย……”
คนที่เป็นลูก ก็จะคิดถึงผลประโยชน์ของตระกูลตน ดังนั้นเขาจึงคิดว่ากู้ชิวเหลิ่งก็ต้องใส่ใจตระกูลกู้มากเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่ากู้ชิวเหลิ่งจะพูดเรื่องพวกนี้ออกมาอย่างสงบและเฉยชาแบบนี้ แถมบนใบหน้ายังมีรอยยิ้มด้วย
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “หลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น สำหรับข้าแล้วตระกูลกู้เป็นเพียงอดีตที่อยู่อาศัยเท่านั้น โดยไม่มีความผูกพันทางอารมณ์ใดๆ เจ้าวางใจได้ ผู้ที่เป็นคนริเริ่มเสนอต่อหน้าอวี้ฉือจ้านว่าสามารถทำให้ตระกูลกู้สูญหายไปนั้น คือข้าเอง”
บนใบหน้าของจีเฟิงจะไม่มีความตื่นตระหนกได้อย่างไร? ผู้หญิงคนหนึ่ง กลับต้องการให้ตระกูลของตัวเองล่มสลาย? ในต้าเยียนตระกูลกู้เป็นถึงจวนโหว เป็นตระกูลสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงที่หาได้ยาก ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พระชายากลับบอกว่าไม่เอาก็ไม่เอา แถมยังเป็นผู้ที่ขอทำลายมันด้วยมือตัวเอง
กู้ชิวเหลิ่งวางตะเกียบในมือลงแล้วพูดว่า“ตกตะลึงแล้วรึ? นกดีเลือกกิ่งไม้พำนักนอน ตระกูลกู้หมดประโยชน์แล้ว สำหรับต้าเยียน เป็นที่ต้องกำจัดทิ้งอยู่แล้ว เจ้าเข้าใจหรือยัง?”
“ข้าน้อย……เข้าใจขอรับ”
แท้ที่จริงด้วยสมองของจีเฟิง ไม่มีทางที่จะเข้าใจอยู่แล้ว
กู้ชิวเหลิ่งเช็ดมุมปากและพูดว่า”เมื่อครู่ข้าลืมถาม มู่หรงอี๋ใช้วิธีการใดถึงให้เขามาแจ้งข้า……”
พระชายาหมายถึงหัวหน้าองครักษ์?เขาได้รับฝากฝังจากเจ้าน่านน้ำไม่ใช่……”
“ไม่ มันไม่ง่ายอย่างนั้น ละครต้องทำให้ครบชุด แอบส่งข้อความหาข้าลับหลังจวินฉีเซิ่งอย่างลับๆ มันไม่เพียงแค่เรื่องถูกตัดหัวเท่านั้น ในเมื่อมู่หรงอี๋กล้าพูดถึงมัน ก็ต้องเอาอะไรไปแลกแน่นอน ไม่เช่นนั้นคนของเป่ยไห่เฟิงรับงานที่อันตรายมาอย่างง่ายดายแบบนี้ มู่หรงอี๋ก็คงจะสงสัยแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งเคาะโต๊ะเบาๆ พลางคิดว่าถึงตอนนี้แล้วมู่หรงอี๋ยังสามารถเอาอะไรมาต่อรองได้อีก
ทันใดนั้น ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของกู้ชิวเหลิ่ง พูดว่า”ดูเหมือนว่าเพื่อล้างแค้นจวินฉีเซิ่ง นางถึงกับละทิ้งหัวใจที่หยิ่งผยองนั้นทิ้งเลย”
แม้ว่าวิธีของเป่ยไห่เฟิงจะหยาบคาย แต่ผลลัพธ์กลับมีประสิทธิภาพดีกว่าที่คิดไว้
มีเจ้าน่านน้ำที่เตรียมพร้อมทุกเรื่องและละมุนละไมไปทั่วทุกด้านค่อยช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าการเอาชนะจวินฉีเซิ่งนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ไกลแล้ว
จู่ๆกู้ชิวเหลิ่งก็นึกบางสิ่งบางอย่างออก ก็ถามทันทีว่า: “วันนี้ตอนอวี้ฉือจ้านไป ได้บอกหรือไม่ว่าจะไปตรวจที่ไหน?”
“ที่วี่เฟยขอรับ”
สีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งเคร่งขรึมขึ้น“ตามข้าไปที่ตำหนักของวี่เฟยเดี๋ยวนี้”
“แต่……”
ทันใดนั้นกู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นเล็กน้อย วี่เฟยเหนียงเหนียงเป็นคนแบบไหน นางรู้แก่ใจมากยิ่งนัก แม้ว่าฐานะของอวี้ฉือจ้านจะสูงศักดิ์ แต่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่รู้ว่าวี่เฟยเหนียงเหนียงจะทำเรื่องอะไรขึ้นมา อีกทั้งกู้ชิวเหลิ่งรู้สึกเสมอว่าที่วี่เฟยเหนียงเหนียงกำเนิดลูกของจวินฉีเซิ่งนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเช่นนั้น เพราะมู่หรงอี๋จะไม่ให้ผู้ที่นอกจากตัวเองนั้นมีลูกของจวินฉีเซิ่งอย่างแน่นอน
ในนี้มีแผนการเยอะเพียงใด นางไม่รู้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรีบไปที่ตำหนักของวี่เฟยเหนียงเหนียงให้เร็วที่สุด อย่างน้อยนางอยู่เคียงข้าง ก็สามารถสังเกตการเคลื่อนไหววี่เฟยเหนียงเหนียงได้ เพื่อให้แน่ใจว่าอวี้ฉือจ้านจะไม่โดนวางยาพิษกู่
ในใจของกู้ชิวเหลิ่งยิ่งคิดเช่นนี้ ก็ยิ่งเร่งฝีเท้ามากขึ้นเท่านั้น
เมื่อไปถึงที่หน้าประตู อวี้ฉือจ้านคงได้จากไปแล้ว วี่เฟยเหนียงเหนียงเห็นกู้ชิวเหลิ่ง ดวงตานั้นมีความรำคาญเล็กน้อย: “เซ่อเจิ้งหวางเพิ่งจากไป พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางก็รีบมาเช่นนี้ มาหาข้าหรือ? หรือว่ามาหาเซ่อเจิ้งหวาง?”
กู้ชิวเหลิ่งโล่งใจเมื่อเห็นว่าอวี้ฉือจ้านจากไปแล้ว อวี้ฉือจ้านเป็นคนรอบคอบเยี่ยงนั้น กลับจากไปเร็วเช่นนี้ คงค้นพบสิ่งผิดปกติแล้ว
บนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งนั้นอมยิ้ม และกล่าวว่า”วี่เฟยเหนียงเหนียงพูดตลกแล้ว ครั้งนี้ที่ข้ามา ก็มาหาวี่เฟยเหนียงเหนียงอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าวี่เฟยเหนียงเหนียงต้อนรับหรือไม่?”
วี่เฟยเหนียงเหนียงมองดูดวงตาคู่นั้นของกู้ชิวเหลิ่ง ทันใดนั้นก็เหม่อลอย ไม่รู้ว่าทำไม รู้สึกว่าท่าทางและดวงตาคู่นั้นของกู้ชิวเหลิ่งคล้ายกับมู่หรงชิวที่ตายไปแล้วนั้นยิ่งนัก
“พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางเป็นแขกผู้มีเกียรติของแคว้นฉี ส่วนข้าก็ถูกสงสัยอย่างลึกในเรื่องการฆ่าฉินเฟย พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางมาสอบปากคำ ข้าจะกล้าไม่ต้อนรับได้อย่างไร?”