ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่236 ความลับของวี่เฟยเหนียงเหนียง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่236 ความลับของวี่เฟยเหนียงเหนียง
กู้ชิวเหลิ่งมองดูวี่เฟยเหนียงเหนียง กล่าวว่า”ตอนนี้หลิ่วกุ้ยเหรินประสบกับเรื่องที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ ข้าเสียใจที่ไม่ได้ไปตามนัดหมายในเมื่อคืนนี้”
คำนี้ของกู้ชิวเหลิ่งออกมา จวินฉีเซิ่งก็รู้ตัวทันที และถามว่า: “ที่พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางกล่าวนั้น เป็นการนัดหมายอะไร?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เดิมทีควรบอกเรื่องนี้ให้กับฝ่าบาท แต่เพราะเมื่อวานนี้หม่อมฉันบอกเรื่องนี้กับวี่เฟยเหนียงเหนียง เห็นวี่เฟยเหนียงเหนียงไม่สนใจ หม่อมฉันเลยไม่อาจพูดอะไรไปมากได้ เดิมทีหลิ่วกุ้ยเหรินฝากคนมาบอกหม่อมฉันว่ารู้ความลับฝ่าบาท อยากพูดคุยกับข้าหน่อย แต่หม่อมฉันไม่ได้ใส่ใจ จึงไม่ได้ไป”
จวินฉีเซิ่งหรี่ตาลงอย่างอันตราย เขารู้ว่ามู่หรงอี๋กำลังจะเผยความลับของเขาให้อวี้ฉือจ้านและกู้ชิวเหลิ่งเพื่อแลกชีวิตของตัวเอง ดังนั้นจึงสั่งคนเฝ้าไว้โดยเฉพาะ นึกไม่ถึง……
จวินฉีเซิ่งถามว่า”ฝากคน? ผู้ที่ฝากเป็นใคร?”
กู้ชิวเหลิ่งชี้องครักษ์จางแล้วพูดว่า”ชายผู้นี้”
ในชั่วขณะนี้องครักษ์จางยังไม่เข้าใจสถานการณ์ รู้เพียงว่ามู่หรงอี๋ตายแล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆก็เกี่ยวข้องกับเขา
เดิมทีเขาก็แอบมีความสัมพันธ์กับมู่หรงอี๋อยู่แล้ว เมื่อถูกเรียกชื่อเช่นนี้ ก็คุกเข่าลงบนพื้น โดยไม่ได้ฟังสิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งกำลังพูดถึง เอาแต่กราบและพูดว่า“ข้าน้อยควรตาย!ข้าน้อยก็ถูกผู้อื่นปลุกปั่น! ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้ว!”
องครักษ์จางกลัวจนขาอ่อนแรงไปแล้ว ปล่อยให้องครักษ์หลายคนที่แข็งแกร่งนั้นลากลงไป
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เมื่อคืนนี้ข้าไม่ได้มา ดังนั้นผู้ที่มาในเรือนฉูหรวนในคืนนั้นคือใคร?หัวหน้าองครักษ์ที่นี่อยู่ไหน?”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งออกมา คุกเข่าลงบนพื้น ท่าทางเหมือนกลัวยิ่งนัก
กู้ชิวเหลิ่งก้าวไปข้างหน้า ถามว่า”ผู้ที่มาพบหลิ่วกุ้ยเหรินที่เรือนฉูหรวนในเมื่อคืนนี้ คือใคร?”
หลี่ต้าไห่กราบแล้วพูดว่า”ทูลพระชายาของเซ่อเจิ้งหวาง! คือวี่เฟยเหนียงเหนียง! แต่คนที่ฆ่าคนไม่ใช่วี่เฟยเหนียงเหนียง!”
จวินฉีเซิ่งเหมือนเห็นความหวัง ชี้ไปที่หลี่ต้าไห่แล้วกล่าวว่า“เจ้าตัดสินอย่างไรว่าคนที่ฆ่าคนไม่ใช่วี่เฟยเหนียงเหนียง?”
หลี่ต้าไห่กล่าวว่า“ทูลฝ่าบาท ตอนเมื่อคืนนี้วี่เฟยเหนียงเหนียงก็มาแล้ว สั่งให้พวกข้ายืนเฝ้าอยู่นอกตำหนัก ต่อมาข้าน้อยได้ยินว่าเสียงผิดปกติภายในห้องตำหนัก จึงผลักประตูเข้าไป ในขณะนั้นวี่เฟยเหนียงเหนียงกับหลิ่วกุ้ยเหรินกำลังโต้เถียงกันอยู่ ข้าน้อยจึงรีบถอยออกมา ต่อมาตอนวี่เฟยเหนียงเหนียงจากไป หลิ่วกุ้ยเหรินก็ยังสบายดีอยู่ แต่หลังเที่ยงคืน ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้แล้ว”
อวี้ฉือจ้านเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า”หลังจากฉินเฟยดื่มซุปหวานเสร็จ ก็ใช้เวลาสักพักถึงจะกำเริบ ข้าพูดถูกหรือไม่?แล้วเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า ห่างไปนานเท่าไหร่ เจ้าถึงรู้ถึงความผิดปกติ?”
หลี่ต้าไห่กล่าว”ข้าน้อยจำได้ขอรับ!หลังจากวี่เฟยเหนียงเหนียงจากไปไม่นาน ข้าน้อยก็ได้ยินภายในห้องนั้นมีสิ่งของตกหล่นลงมา จึงไปเคาะประตูทันที แต่หลิ่วกุ้ยเหรินก็กรีดร้องไปคำหนึ่ง ข้าน้อยก็ไม่อาจสนใจเรื่องมารยาทและฐานะได้ ทันทีที่ประตูเปิดออกก็เห็นหลิ่วกุ้ยเหรินทรุดตัวลงกับพื้น หลังจากนั้นไม่นาน ก็เสียไป สภาพก็ไม่ได้แตกต่างกับตอนนี้มากนัก บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือดเน่าเปื่อยไปหมด น่ากลัวยิ่งนัก!”
จวินฉีเซิ่งรู้สึกแย่ลงไปกว่าเดิมอีก หลี่ต้าไห่ช่วยเขาที่ไหนกันล่ะ? ยิ่งช่วยยิ่งยุ่งชัดๆ! ตอนนี้วี่เฟยเหนียงเหนียงน่าสงสัยไปกว่าเดิมอีก ตามสถานการณ์นี้ เหมียวเจียงและวี่เฟยเหนียงเหนียงก็รักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “ในเมื่อเช่นนี้ วี่เฟยเหนียงเหนียงก็บอกหน่อยสิว่า ทำไมถึงไปที่ห้องของหลิ่วกุ้ยเหรินในตอนกลางคืน? แถมยังเกิดกันทะเลาะกันด้วย?”
วี่เฟยเหนียงเหนียงมองดูกู้ชิวเหลิ่ง ดวงตาคู่นั้นของกู้ชิวเหลิ่งคล้ายกับมู่หรงชิวยิ่งนัก ซึ่งทำให้หัวใจของวี่เฟยเหนียงเหนียงสั่นสะท้านไปเล็กน้อย แต่ในไม่ช้า วี่เฟยเหนียงเหนียงก็รู้ต้นสายปลายเหตุทั้งหมดแล้วกล่าวว่า“ลูกคนแรกของข้าตายเพราะหลิ่วกุ้ยเหริน คราวนี้หลิ่วกุ้ยเหรินได้รับผลกรรมที่ตัวเองทำไป ข้าก็ต้องอยากไปดูตลกนางอยู่แล้ว เช่นนี้มันผิดปกติตรงไหนกัน?แต่ถ้าหากข้าอยากจะฆ่านางจริง ทำไมต้องใช้พิษกู่ด้วย?แถมยังปล่อยให้นางกำเริบเร็วขนาาดนี้ หรือเป็นเพราะข้าโง่? ปล่อยให้คนอื่นมาสงสัยข้า?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มและพูดว่า“แน่นอนว่าไม่ได้โง่ขนาดนี้อยู่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าในใจของวี่เฟยเหนียงเหนียงนั้นคิดอย่างไร?ข้ามีคำตอบหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าถูกหรือไม่……”
ขณะที่กู้ชิวเหลิ่งพูดประโยคนี้จบลง ก็มีนางกำนัลคนหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าประตูและตะโกนว่า”แย่แล้วเพคะ! องค์หญิงเฟิงจมน้ำแล้วเพคะ!”
“อะไรนะ!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? !”
วี่เฟยเหนียงเหนียงก้าวหน้าไปจับนางกำนัลคนนั้นไว้ บนใบหน้าของนางกำนัลเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และบอกว่า”องค์หญิงน้อยเสียแล้วเพคะ!”
หลังจากพูดคำนี้จบ กู้ชิวเหลิ่งก็ส่งสัญญาณด้วยสายตา คนรอบข้างก็ปิดประตูทางเข้าเอาไว้แล้ว
วี่เฟยเหนียงเหนียงกังวลองค์หญิงเฟิง ดวงตาก็แดงก่ำไปหมด: “ฝ่าบาท! นี่ท่านทำอะไรกัน! เฟิงเอ๋อร์เป็นลูกสาวของท่าน! ท่านยังไม่รีบเปิดประตูให้หมอหลวงไปรักษา!!”
จวินฉีเซิ่งพยายามใช้สายตาส่งสัญญาณให้วี่เฟยเหนียงเหนียงแล้ว แต่วี่เฟยเหนียงเหนียงในขณะนี้กลับฟังอะไรไม่เข้าเลย
ไม่นาน ก็มีริ้วรอยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวี่เฟยเหนียงเหนียง ผมก็ขาวขึ้นเรื่อยๆ คนทั้งคนกลายเป็นเหมือนหญิงชรา น่าเกลียดยิ่งนัก
“อ๊ากกกก!!!”
วี่เฟยเหนียงเหนียงตะโกน: “ยาของข้า! ชิงจวี๋!ยาของข้า! !”
ชิงจวี๋ถูกสกัดกั้นไว้ข้างนอก กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เปิดประตู!
ทันทีที่เปิดประตู ชิงจวี๋ก็วิ่งมาแล้วป้อนยาให้วี่เฟยเหนียงเหนียงกลืนลง วี่เฟยเหนียงเหนียงก็เปลี่ยนจากหน้าที่น่าเกลียดมาเป็นหน้าที่แสนงดงามนั้น มันเป็นเพียงเรื่องชั่วพริบตาเท่านั้น
ไม่รู้ว่าใครตะโกนว่า “ปิศาจ” แม้แต่จวินฉีเซิ่งก็ยังตกใจ เขารู้ว่าพิษกู่จะมีผลข้างเคียง แต่กลับไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง วี่เฟยเหนียงเหนียงจ้องมองจวินฉีเซิ่งอย่างโหดเหี้ยม: “ทำไม?ท่านกลัวแล้วเหรอ?ท่านรังเกียจรึ?!ตอนนั้นใครกันที่เป็นคนบอกว่าจะใช้เด็กคนนี้มาเพื่อปิดปากของเหล่าขุนนาง?ข้าให้กำเนิดเฟิงเอ๋อร์เพื่อท่านอย่างยากลำบาก! แต่ท่านกลับวางแผนลอบทำร้ายข้า?!ท่านคืนเฟิงเอ๋อร์ของข้ามา!”
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเย็นชา: “เมื่อครู่มันเป็นแผนการจริง แต่องค์หญิงเฟิงไม่ได้เป็นอะไร แต่ก็อธิบายความแค้นที่วี่เฟยเหนียงเหนียงมีต่อหลิ่วกุ้ยเหรินได้พอดี มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นสินะ?ถูกหลิ่วกุ้ยเหรินทำร้ายจนกลายเป็นสภาพนี้ ไม่อยากทำให้นางเสียโฉม จากนั้นก็ปล่อยให้นางตายไปอย่างเจ็บปวดหรือ?”
เสียงของกู้ชิวเหลิ่งสงบลง ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง
เป็นผู้หญิงที่โหดเหี้ยมเพียงใด ถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้? กับตัวเองยังโหดร้ายได้ขนาดนี้ นับประสาอะไรกับคนอื่น?
ทุกคนต่างก็อดคิดถึงการตายของฉินเฟยกับมู่หรงอี๋ไม่ได้ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าฆาตกรก็คือวี่เฟยเหนียงเหนียงตรงหน้าที่สามารถน่าเกลียดได้ถึงขนาดนี้ ในสายตาของพวกเขา ตั้งแต่ตอนวี่เฟยเหนียงเหนียงกลายเป็นคนที่อัปยศในเมื่อครู่นั้น ก็ได้กลายเป็นปีศาจไปแล้ว
ไม่มีใครจะเห็นใจปีศาจตัวหนึ่ง แม้แต่จวินฉีเซิ่ง ก็จะไม่มีวันมีความรู้สึกต่อวี่เฟยเหนียงเหนียงแม้แต่นิดอีก