ลำนำสตรียอดเซียน - ตอนที่ 101
โม่เทียนเกอยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงหลัก พินิจพิเคราะห์ถ้ำเซียนที่ดูเหมือนกับพระราชวังมากเกินกว่าที่จะเป็นถ้ำเซียนอย่างระมัดระวัง
บันไดทำจากหยกวิญญาณ เสาทำจากหินหลากชนิด งานแกะสลักมังกรและหงส์ รวมถึงพลังแห่งเซียนมากมายมหาศาล ทั้งหมดทั้งมวลทำให้นางถอนใจเงียบๆ อย่างหลงใหล เมื่อเทียบกับถ้ำเซียนแห่งนี้ ห้องโถงของเผ่าฮูที่สำนักเทียนเต้าดูเหมือนกับเป็นของคนรวยจากโลกมนุษย์ที่ไม่สามารถเทียบกันได้เลย
แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจมากกว่าพระราชวังนี้ที่สุดคือคนที่กำลังนั่งอยู่ ไม่สิ คนที่กำลังเอนกายอยู่บนตั่งมังกร
ชายวัยกลางคนผู้นี้ดูอ่อนเยาว์กว่าท่านอาจารย์ลุงเสวียนอิน เขามีผมดำ เคราสั้น รูปลักษณ์สง่างาม ใบหน้าเขามีส่วนที่ดูคล้ายคลึงกับฉินซี แต่บรรยากาศเกียจคร้านที่ปล่อยออกมาจากตัวเขาอย่างสบายใจทำให้ดูแตกต่างจากฉินซีโดยสิ้นเชิง
ในขณะนี้ชายที่เอนกายอยู่บนตั่งมังกรนั้นถูกรายล้อมด้วยคนรับใช้ระดับการสร้างฐานแห่งพลังสองคน คนหนึ่งยื่นชาให้เขาในขณะที่อีกคนหนึ่งนวดไหล่อย่างเบามือ พวกเขาช่างสงบนิ่งและดูอ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
โม่เทียนเกองุนงง ท่านประมุขเต๋าจิ้งเหอคนนี้ทำไมเขาถึงดูไม่เหมือนกับเป็นผู้ฝึกตนแห่งระดับจิตวิญญาณใหม่แม้สักนิด อีกอย่างโรงเรียนเสวียนชิงก็เป็นโรงเรียนแห่งเต๋า ด้านไหนของเขาที่ดูสงบนิ่งและเป็นผู้ฝึกตนที่โรงเรียนแห่งเต๋าควรจะมีกัน
ในขณะที่นางครุ่นคิด สายตาของเขาจากตั่งมังกรเคลื่อนลงมองมาที่นางในทันที โม่เทียนเกอรีบก้มหัว จ้องมองลงที่พื้น ปัดแขนเสื้อและคุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังและนอบน้อม “ข้าน้อยศิษย์โม่เทียนเกอคารวะท่านปรมาจารย์”
ฉินจิ้งเหอไม่ได้ตอบ เขาหยิบชาที่คนรับใช้ยื่นให้และบอกให้คนใช้ทั้งสองออกไป
สัมผัสได้ว่าเขากำลังพิจารณาท่าทางของนางอย่างสบายใจ โม่เทียนเกอกลั้นหายใจอย่างช่วยไม่ได้ นางกลัวว่าท่านปรมาจารย์จะไม่พอใจที่นางล้มเหลวในการสร้างฐานแห่งพลัง หากท่านปรมาจารย์จิ้งเหอไม่ตอบรับนางในฐานะศิษย์ลงนามของเขา นางคงจะต้องอยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแน่นอน
จิตใจของนางสับสนวุ่นวาย ทว่าหลังจากที่เวลาผ่านไปพอสมควร ท่านปรมาจารย์จิ้งเหอก็เอ่ยอย่างแผ่วเบา “เจ้าคิดอย่างไรกับความล้มเหลวของเจ้า”
โม่เทียนเกอตัวแข็งทื่อ ถึงแม้ว่านางจะเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ นางก็ไม่ได้คาดคิดว่าท่านปรมาจารย์จิ้งเหอจะถามนางตรงๆ แล้วนางควรตอบอย่างไรดี
หลังจากคิดครู่หนึ่ง นางตอบ “ศิษย์มิได้คิดเช่นไรเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นหรือ” ฉินจิ้งเหอประหลาดใจในคำตอบของนาง เขาขมวดคิ้วพร้อมถาม “ไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นหรือ นั่นหมายความว่าเจ้าไม่มีแผนการอะไรเลยหรือ”
ด้วยการทำหน้านิ่วคิ้วขมวดนั้น อำนาจของผู้ฝึกตนแห่งจิตวิญญาณใหม่ได้เผยออกมา ถึงแม้ว่ามันจะแผ่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ แล้วผู้ฝึกตนตัวเล็กๆ ระดับการหลอมรวมพลังวิญญาณจะทนได้อย่างไร
หลังจากที่เค้นความแข็งแกร่งทั้งหมดเพื่อทำให้จิตใจของนางสงบนิ่ง โม่เทียนเกอพูด “ศิษย์ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดพลาดระหว่างการสร้างฐานแห่งพลัง สิ่งที่ศิษย์ขาดไปคือต้นทุนธรรมชาติที่ดี และเมื่อกล่าวถึงสิ่งนั้น มันเป็นสิ่งที่ศิษย์ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นศิษย์จึงมิได้คิดเช่นไร ศิษย์ทำได้เพียงแค่มุงมั่นพยายามต่อไปเจ้าค่ะ”
พูดจบ นางก็รู้สึกได้ทันทีว่ารางกายนางเบาโล่งขึ้น
ฉินจิ้งเหอค่อยๆ หลุดเข้าสู่ภวังค์ทางความคิด เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจยิ่งนัก นางเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมพลังวิญญาณแต่นางช่างสงบนิ่งและเยือกเย็น รวมทั้งถึงแม้ว่านางจะอยู่ภายใต้แรงกดดันของพลังวิญญาณของเรา นางก็ยังตอบคำถามอย่างสงบนิ่ง ดูเหมือนว่านางจะมีปณิธานที่กล้าแข็งจริงๆ เจ้าเด็กเหลือขอนั่นตัดสินคนได้หลักแหลมนัก หากนางไม่ติดปัญหาจากต้นทุนทางธรรมชาติของนาง เด็กคนนี้จะต้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
เมื่อนึกมาถึงจุดนี้ เขาเผยรอยยิ้มบางๆ และพูดอย่างอ่อนโยน “ลุกขึ้นเถิด”
ในที่สุดโม่เทียนเกอก็ได้ปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้เสียที นางแสดงความเคารพด้วยการก้มลงคำนับเอาหน้าผากแตะพื้นก่อนที่จะพูด “ศิษย์ขอขอบพระคุนท่านปรมาจารย์เจ้าค่ะ”
เพราะฉินจิ้งเหอยังคงจ้องมองนางอย่างเหม่อลอย โม่เทียนเกอจึงยังคงก้มหน้าก้มตาของนางอย่างอ่อนน้อมต่อไป
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับผู้ฝึกตนแห่งจิตวิญญาณใหม่ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่นางสัมผัสได้เลยว่าแรงกดดันจากพลังวิญญาณของผู้ฝึกตนแห่งจิตวิญญาณใหม่นั้นน่ากลัวเพียงไร ภายใต้แรงกดดันนี้ แค่เพียงพยายามที่จะพูดยังนับว่ายากเลย
ในขณะที่นางตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดของตัวเอง นางก็ได้ยินฉินจิ้งเหอถาม “ตอนที่เจ้าพยายามจะสร้างฐานแห่งพลัง เจ้าทานยาวิเศษชนิดไหน”
คำถามนี้ดูเหมือนเป็นคำถามที่แสนง่ายแต่กลับทำให้นางตื่นกลัว
ตอนที่นางพยายามสร้างฐานแห่งพลัง นอกเหนือไปจากยาเสริมพลังใจที่เขามอบให้ นางยังได้ทานยาเพิ่มพลังการก่อเกิดและยาเกลาฐานแห่งพลัง ในเมื่อท่านปรมาจารย์ถามคำถามเช่นนี้ ท่านจะต้องจับสังเกตถึงบางอย่างได้แน่นอน
หัวใจของนางเต้นเร็วกว่าความไวแสงตอนที่นางตอบคำถามทันที “ท่านปรมาจารย์ ศิษย์ทานยาเกลาฐานแห่งพลังและยาเพิ่มพลังการก่อเกิดเจ้าค่ะ”
ฉินจิ้งเหอผู้ที่กำลังจะดื่มชาหยุดเคลื่อนไหวในทันที เขามองมาที่นางอีกครั้ง “ยาเกลาฐานแห่งพลังและ… ยาเพิ่มพลังการก่อเกิด?”
“เจ้าค่ะ” โม่เทียนเกอตอบอย่างสงบนิ่ง
ในเสี้ยววินาที นางตัดสินใจที่จะตอบตามความจริงอย่างบริสุทธิ์ใจ นางไม่สามารถปกปิดอะไรได้ต่อหน้าผู้ฝึกตนแห่งจิตวิญญาณใหม่ หากนางพยายามที่จะปิดบังและทำให้ท่านปรมาจารย์โกรธ เขาจะต้องฆ่านางในทันทีอย่างแน่นอน ดังนั้นมันคงจะเป็นการดีกว่าที่นางสารภาพทั้งหมด อย่างน้อยนางก็ยังเป็นศิษย์ลงนามของเขา ดังนั้นถ้านางคิดที่จะเสนอสูตรยาเพิ่มพลังการก่อเกิดให้กับเขา เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโกรธนาง
“ยาเพิ่มพลังการก่อเกิด…” ฉินจิ้งเหอพูดพึมพำหลังจากนั้นจึงถามว่า “ยาเกลาฐานแห่งพลังและยาเพิ่มพลังการก่อเกิดที่เจ้าพูดถึง พวกมันเอาไว้ใช้เพื่ออะไร แล้วเจ้าไปได้มาจากที่ไหน”
โม่เทียนเกอก้มหน้าและตอบด้วยความสัตย์จริง “ศิษย์เคยอยู่ที่สำนักอวิ๋นอู้ทางฝั่งคุณอู๋ตะวันออก สำนักอวิ๋นอู้มีกลุ่มของแซ่เจียง และยาเกลาฐานแห่งพลังเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเจียง ตามที่ได้ทราบมามันสามารถเพิ่มโอกาสให้ประสบความสำเร็จในกระบวนการสร้างฐานแห่งพลังได้เจ้าค่ะ”
“สำหรับยาเพิ่มพลังการก่อเกิด ศิษย์ได้บังเอิญเข้าไปสู่การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกตนระดับหลอมรวมพลังวิญญาณผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสูตรยาและผู้ฝึกตนอีกสองคน หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น ไม่มีฝั่งใดชนะทำให้ศิษย์ได้มีโอกาสครอบครองสูตรยานั้นมา ยานี้ใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับฤทธิ์ยาชนิดอื่น ดังนั้นศิษย์จึงทานยานี้ร่วมกันกับยาสร้างฐานแห่งพลังด้วยความหวังว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาสร้างฐานแห่งพลังได้เจ้าค่ะ”
หลังจากอดทนฟังนางอธิบายจนจบ แววตาฉินจิ้งเหอก็ส่องประกาย ถูกต้องแล้ว! นั่นคือยาเพิ่มพลังการก่อเกิด!
เมื่อสองร้อยปีก่อน เขาก็เคยได้ยินเกี่ยวกับการปรากฏขึ้นของสูตรยาเพิ่มพลังการก่อเกิด อย่างไรก็ตาม เขายังอยู่ในขั้นต้นของดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีกำลังมากพอที่จะถือครองมัน ในภายหลังสูตรยานี้ก็ได้หายไปและไม่เคยปรากฏออกมาอีกเลย… นี่เด็กคนนี้โชคดีที่ได้ครอบครองสูตรยานั้นอย่างง่ายดายขนาดนี้เชียวหรือ
เขามองมาทางตัวนางอีกครั้ง ดูเหมือนจะครุ่นคิดว่าคำพูดของนางนั้นจริงหรือไม่
โม่เทียนเกอดูสงบนิ่ง สิ่งที่นางพูดเป็นความจริง ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะใช้วิธีการจับโกหกใดๆ นางก็ไม่กลัว
ในที่สุดฉินจิ้งเหอก็หยุดจ้องมองนาง จากนั้นเขาก็ถามอย่างนิ่งเฉย “สูตรยาอยู่ที่ไหน”
โม่เทียนเกอหยิบหยกบันทึกออกมาและยื่นให้เขาในทันที นางพูด “ท่านปรมาจารย์ นี่เป็นสูตรของยาเพิ่มพลังการก่อเกิดเจ้าค่ะ”
ฉินจิ้งเหอเพียงแค่ยกมือขึ้น หยกบันทึกก็ลอยไปทางเขาและตกลงสู่มือของเขาในทันที
ครู่ต่อมา ท่าทางมีความสุขปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาพูด “ยาเพิ่มพลังการก่อเกิด! นี่คือยาเพิ่มพลังการก่อเกิดจริงๆ! สวรรค์ช่วยข้าแล้ว!” หลังจากนั้นเขาจึงยืนขึ้นอย่างตื่นเต้นและเดินไปมาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปทางโม่เทียนเกอ เขาพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “โม่เทียนเกอ การที่เจ้ามอบสูตรยาเพิ่มพลังการก่อเกิด เจ้าได้ให้ในสิ่งที่น่าชมเชยยิ่งนัก เจ้าต้องการรางวัลเป็นสิ่งใดตอบแทน”
โม่เทียนเกอถอนใจอย่างโล่งอก นางพนันได้ถูกฝั่งแล้ว ถึงแม้ว่าท่านปรมาจารย์จะเก็บสูตรยาไว้เพื่อตัวเองโดยพลการ แต่เขาก็ยังคงมีความต้องการที่จะให้รางวัลนางอยู่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้น…
โม่เทียนเกอเงยหน้าขึ้นแสดงท่าทางประหลาดใจอย่างเต็มที่ ลักษณะของนางเหมือนกับนางไม่รู้ว่าสูตรยานี้เป็นสิ่งที่สำคัญขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม นางรีบพูดด้วยความเคารพ “ศิษย์ถือครองสูตรยานี้มาโดยบังเอิญ ถ้าท่านปรมาจารย์ต้องการเก็บไว้ ศิษย์ขอมอบไว้ให้แก่ท่านด้วยความสัตย์จริง อย่างไรก็ตาม ในเมื่อท่านปรมาจารย์เมตตาและต้องการให้รางวัลแก่ศิษย์ เช่นนั้นศิษย์ขออาจหาญและถามอย่างตรงไปตรงมา ศิษย์จะขอยาสร้างฐานแห่งพลังได้หรือไม่เจ้าคะ”
ฉินจิ้งเหอตกตะลึงแต่ไม่นานก็ระเบิดหัวเราะออกมา “ตกลง ตกลง ตกลง เจ้านี่ซื่อตรงยิ่งนัก!” ในคำพูดของนาง นางได้แสดงให้เห็นถึงความเคารพต่อเขาเพิ่มเติมไปนอกเหนือจากการขอเพียงแค่รางวัลอย่างทื่อๆ นี่เป็นสิ่งที่เขาชอบ! ท้ายที่สุด ถ้าเพียงต้องการอะไรบางอย่าง ทำไมจะต้องแสร้งทำเหมือนไม่ต้องการด้วยเล่า
เขาพูดพึมพำกับตัวเองก่อนที่จะบอกว่า “ข้าสามารถให้ยาสร้างฐานแห่งพลังกับเจ้าได้ มันมีข้อปฏิบัติของโรงเรียนที่บอกว่าศิษย์ผู้ใดที่มีผลงานอันยิ่งใหญ่สามารถรับยาสร้างฐานแห่งพลังได้ ยาเพิ่มพลังการก่อเกิดนี้หาได้ยากนัก เป็นยาในตำนานทีเดียว ดังนั้นข้าจะมอบยาสร้างฐานแห่งพลังแก่เจ้าสามเม็ด”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด โม่เทียนเกอรู้สึกยินดีอย่างมาก ถึงแม้ว่านางจะรู้ว่านางน่าจะได้ในสิ่งที่นางขอ แต่นางก็ไม่ได้คาดคิดว่าท่านปรมาจารย์จะใจดีและให้ยาสร้างฐานแห่งพลังกับนางถึงสามเม็ด! นางคุกเข่าคำนับเขาอีกครั้ง “ศิษย์ขอขอบพระคุณท่านปรมาจารย์เป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ”
“อือ” เห็นได้อย่างชัดเจนว่าฉินจิ้งเหอผู้ที่ถือสูตรยาอยู่ในมือกำลังหมกมุ่นอยู่กับมันและไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกับนางอีกต่อไป เขาพูด “เจ้าควรที่จะกลับไปก่อน ข้าจะสั่งให้ใครสักคนส่งรางวัลของเจ้าไปให้ทีหลัง”
“เจ้าค่ะ ศิษย์ขอตัว”
“รอก่อน!”
โม่เทียนเกอหยุด รู้สึกกลัวจากการที่เขาเรียกทันที นางถาม “ท่านปรมาจารย์มีสิ่งใดชี้แนะเพิ่มเติมหรือเจ้าคะ”
ฉินจิ้งเหอพูดขณะโบกมือไปมา “เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าพูดถึงมันกับคนอื่นล่ะ”
“เจ้าค่ะ”
หลังจากที่นางออกไปจากถ้ำและปาดหน้าผาก นางถึงเพิ่งรู้ตัวว่าทั้งหน้าของนางล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อ
จากข่าวลือที่ได้ยินมา ปรมาจารย์จิ้งเหอผู้นี้เป็นผู้ที่โปรดปรานการฆ่ายิ่งนัก หากนางได้ลังเลและปิดบังความจริง นางก็คงไม่สามารถออกจากถ้ำแห่งนี้ได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็ใจดีเช่นกัน ตราบใดที่ใครคนหนึ่งชนะใจเขาได้ ก็จะได้รับผลประโยชน์นั้นอย่างมหาศาล โชคดีที่นางตัดสินใจเดิมพันได้ถูกต้องแล้ว
สำหรับโม่เทียนเกอผู้ซึ่งได้ผ่านกระบวนการสร้างฐานแห่งพลังมาแล้วครั้งหนึ่ง ยาสร้างฐานแห่งพลังสามเม็ดนั้นจะยิ่งเพิ่มโอกาสในการที่จะประสบความสำเร็จในการสร้างฐานแห่งพลังของนางให้สูงยิ่งขึ้น ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับสูตรยาเพิ่มพลังการก่อเกิดที่ต้องมอบให้กับปรมาจารย์จิ้งเหอไป นางก็สามารถปรุงยาได้เองมาเป็นเวลานานแล้ว ในวันนี้ไม่เพียงแต่นางไม่ได้สูญเสียอะไร แต่นางยังสามารถเดินจากปรมาจารย์จิ้งเหอมาด้วยความประทับใจ นางได้ผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย!
เมื่อโม่เทียนเกอเดินออกมาจากห้องโถง ฉินจิ้งเหอผู้ยังอยู่ด้านในระเบิดหัวเราะในทันทีโดยที่ไม่ได้สนใจถึงภาพลักษณ์ของตัวเองแม้แต่น้อย เขาจ้องไปที่หยกบันทึกในมือด้วยความพึงพอใจพร้อมพูด “ยาเพิ่มพลังการก่อเกิด! ยาเพิ่มพลังการก่อเกิด! ด้วยสิ่งนี้การเข้าสู่ระดับสุดท้ายของดินแดนแห่งจิตวิญญาณใหม่ก็จะไม่เป็นเพียงแค่สิ่งที่หวังอีกต่อไป!”
ทุกคนในโลกแห่งการฝึกตนต่างรู้ดีถึงความสำคัญของยาวิเศษสำหรับผู้ฝึกตน ถ้าผู้ที่ไร้ความสามารถทานยาวิเศษอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ความก้าวหน้าในการฝึกตนของพวกเขาก็จะไม่แตกต่างมากนักกับผู้ที่มีความสามารถสูงแต่ไม่ได้ทานยา เป็นที่น่าเสียดายยาวิเศษนั้นราคาค่อนข้างแพง มันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะสามารถมีได้
นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับผู้ฝึกตนระดับการหลอมรวมพลังวิญญาณ เนื่องจากยาวิเศษของพวกเขาไม่ได้แพงมากนัก ตัวอย่างเช่น ยาวิเศษที่ธรรมดาที่สุดที่ผู้ฝึกตนระดับการหลอมรวมพลังวิญญาณทานคือยาบำรุงพลังจิตวิญญาณ ซึ่งสนนราคาอยู่เพียงแค่สองศิลาวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นผู้ฝึกตนระดับการหลอมรวมพลังวิญญาณส่วนใหญ่ที่ฝึกตนอย่างเต็มที่และมีรายได้เข้ามาที่แน่นอนจะสามารถฝึกตนได้จนถึงระดับสิบแห่งดินแดนการหลอมรวมพลังวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาก้าวหน้าเข้าสู่ดินแดนที่ยิ่งใหญ่ขั้นถัดไป ราคาของยาวิเศษที่พวกเขาต้องการจะสูงขึ้นเป็นร้อยเท่า ยกตัวอย่างเช่น ยาวิเศษขั้นพื้นฐานที่ผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังมักจะทานคือยาเพิ่มพลังจิตวิญญาณ ซึ่งราคาจะอยู่ที่ประมาณสามร้อยศิลาวิญญาณ! ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ฝึกตนระดับการสร้างฐานแห่งพลังส่วนใหญ่จึงติดอยู่ในระดับต้นของดินแดนการสร้างฐานแห่งพลัง
เช่นเดียวกันกับผู้ฝึกตนดินแดนการก่อเกิดแก่นขุมพลังและจิตวิญญาณใหม่ พวกเขาต้องเผชิญปัญหาที่หนักยิ่งกว่า ยาสรรพคุณวิญญาณสำหรับผู้ฝึกตนกลุ่มนี้หาไม่ได้ง่ายๆ และยาวิเศษของพวกเขาก็ยากที่จะปรุงขึ้นมาได้ โดยส่วนมากแล้วพวกเขาจะสามารถใช้ยาวิเศษได้เพียงไม่กี่เม็ดต่อปี ในเมื่อพวกเขาจะต้องพึ่งพาการดูดซับพลังวิญญาณเป็นส่วนมาก การฝึกตนจึงนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากสำหรับพวกเขา
ความจริงแล้วสำหรับผู้ฝึกตนระดับการหลอมรวมพลังวิญญาณ ประโยชน์ของยาเพิ่มพลังการก่อเกิดเห็นได้ไม่ค่อยชัดเจนนัก เพราะพวกเขามักจะทานยาวิเศษพื้นฐานทั่วไปอย่างยาบำรุงพลังจิตวิญญาณและยาผสานพลังวิญญาณ พวกเขาจะต้องการยาเพิ่มพลังการก่อเกิดไปเพื่ออะไรในเมื่อพวกเขาส่วนมากสามารถครอบครองยาวิเศษพื้นฐานได้ง่ายกว่า
ทว่าหากยาเพิ่มพลังการก่อเกิดได้ถูกมอบให้กับผู้ฝึกตนระดับการก่อเกิดแก่นขุมพลังหรือระดับจิตวิญญาณใหม่ มันจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุด ผู้ฝึกตนเหล่านั้นสามารถทานยาได้เพียงเล็กน้อยต่อปี ควบคู่ไปกับการครอบครองวัตถุดิบสำหรับยาเพิ่มพลังการก่อเกิด ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา หากยาเพิ่มพลังการก่อเกิดได้ถูกทานควบคู่ไปกับยาวิเศษชนิดอื่นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยา ยาวิเศษเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นจะให้ผลที่เทียบเท่ากับการทานยาวิเศษหลายๆ เม็ดทีเดียว อีกอย่าง ยาวิเศษที่ผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่ต้องการนั้นล้วนมีเอกลักษณ์หรือเป็นยามหัศจรรย์นั่นเอง
ฉินจิ้งเหอรีบรวบรวมสติและส่งเครื่องรางเรียกขานออกไป
ไม่นานฉินซีรีบเข้ามาที่ถ้ำของฉินจิ้งเหอ
หลังจากที่ฉินซีเดินเข้ามา เขาก็ต้องคว้าหยกบันทึกที่ฉินจิ้งเหอโยนมาให้ เขาถามด้วยความสับสน “ท่านอาจารย์ท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุอันใด”
ฉินจิ้งเหอเชิดคางและพูดอย่างยินดี “ลองดูที่สูตรยาตัวนี้สิ”
ฉินซีสอดจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาลงไปที่หยกบันทึกด้วยความสงสัย วินาทีต่อมาด้วยความตกตะลึงในข้อมูลของมัน เขาถาม “นี่… ท่านไปได้มาจากที่ไหน”
ในที่สุดฉินจิ้งเหอก็หัวเราะออกมาดังๆ พร้อมพูดไปด้วย “มันเป็นของขวัญจากศิษย์ลงนามคนใหม่ของข้า เจ้าคิดว่าอะไร”
“เป็นไปได้อย่างไร นาง… ทำไมข้าถึงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้”
ฉินจิ้งเหอนั่งลงบนตั่งมังกรและพูดอย่างไร้กังวล “บางทีนางคงไม่รู้ว่ามันมีความสำคัญขนาดไหน… เป็นไปได้นะ จงรีบปรุงยาเพิ่มพลังการก่อเกิดนี้ให้กับข้า ข้าจะเข้าสู่การปิดประตูแห่งจิตทำสมาธิในไม่ช้านี้”
ฉินซียังคงอยู่ในภวังค์แห่งความคิดและไม่ได้พูดอะไร เขาไม่เชื่อว่าโม่เทียนเกอจะไม่รู้ถึงความสำคัญของยาเพิ่มพลังการก่อเกิดนี้อย่างแน่นอน มันจะต้องเป็นเพราะนางรู้ว่าเป็นสิ่งสำคัญนางจึงไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับมัน
“ท่านอาจารย์” เขาถามหลังจากครุ่นคิด “ท่านให้รางวัลใดแก่นาง”
ฉินจิ้งเหอชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้วพร้อมกับพูดตอบว่า “ยาสร้างฐานแห่งพลังสามเม็ด เจ้าคิดว่าอย่างไร มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่ดีใช่ไหม” คุณค่าของยาสร้างฐานแห่งพลังสำหรับบางคนนั้นอาจหาค่าไม่ได้ แต่สำหรับผู้ฝึกตนระดับจิตวิญญาณใหม่นั้นเป็นสิ่งที่ไร้ค่านัก
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฉินซีพูดหลังจากนั้นจึงเก็บสูตรยาไปด้วยท่าทางครุ่นคิด