ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 155
ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 155 พ่อลิง
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ? ” ผูหลิวมีหูที่ดีเป็นพิเศษ ดังนั้นนางย่อมได้ยินเสียงนั้น “คุณหนูใหญ่ ยังไม่นอนอีกหรือเจ้าคะ”
ต้วนเฉินเซวียนค่อยๆ ปล่อยริมฝีปากของตัวเองออกจากซูเหลียนอวิ้นจากนั้นจึงกระแอมเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ผูหลิว ข้าไม่เป็นไร เจ้าเรียกข้าข้าเลยตื่น ข้ายังง่วงอยู่เลยให้ข้านอนต่อเถอะนะ”
ซูเหลียนอวิ้นฟังเสียงที่นางคุ้นเคยนั่นพลันตกตะลึงไป ใช่แล้ว นางลืมไปได้อย่างไรต้วนเฉินเซวียนเรียนวิชาเลียนเสียงได้ไม่เลวเลย!
“อ้อเป็นบ่าวเองที่ไม่ใส่ใจ คุณหนูใหญ่รีบพักผ่อนต่อเถิดเจ้าค่ะ” เมื่อผูหลิวได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาอย่างสงบนิ่งเช่นนั้น จึงวางใจแล้วจากไป
“ต้วนเฉินเซวียนท่าน! ” ซูเหลียนอวิ้นถูปากตัวเองอย่างแรง นางจ้องเขม็งพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ท่านเป็นบ้าไปแล้วใช่หรือไม่! ” ต้วนเฉินเซวียนกล้าจูบนางเลยเชียวหรือ! ถึงขั้นจูบนางเชียวนะ! นาง…
ซูหลียนอวิ้นไม่อาจบรรยายความรู้สึกในตอนนั้นได้นางรู้สึกเพียงว่าในหัวของนางโล่งโจ้งขาวสะอาดทว่าตอนนี้นางคิดว่านางอยากจะฆ่าต้วนเฉินเซวียนทิ้งไปซะ
“ชู่” ต้วนเฉินเซวียนยกนิ้วมือขึ้นมาเตะที่ริมฝีปากเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “สาวใช้คนนั้นของเจ้ายังเดินไปได้ไม่ไกล ดังนั้นอย่าเพิ่งส่งเสียงแน่นอนว่าหากเจ้ายังรั้นจะส่งเสียงอีก ข้าคงทำได้เพียง…จูบเจ้าอีก” ริมฝีปากของต้วนเฉินเซวียนปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับไม่รู้สึกว่าพฤติกรรมคุกคามของเขาไร้ยางอายไปถึงขั้นไหน
นั่นเป็นผลมาจากริมฝีปากสีชมพู่ระเรื่อราวผลท้อของซูเหลียนอวิ้นที่เพียงได้เห็นเลือดลมก็สูบฉีดไปทั่วร่างแล้ว หลังจากที่จูบนางแล้ว ต้วนเฉินเซวียนพลันรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นอย่างที่เขาจินตนาการไว้ไม่มีผิดเพี้ยน! ไม่สิ ต้องบอกว่าดีกว่าที่เขาคิดด้วยซ้ำ!
นุ่มนิ่มและเนียนละเอียดความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกถวิลหาอีก
“ท่าน…”ซูเหลียนอวิ้นรู้สึกว่าดวงตาของนางตอนนี้ คล้ายมีอะไรบางอย่างกำลังหมุนวนอยู่ ทว่าคราวนี้กลับมิใช่ความกลัว ตอนนี้นางรู้สึกคล้ายถูกเอาเปรียบและอัดอั้นใจ!
ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้นางล้วนมีความรู้สึกเหมือนโดนคนผู้นี้ปั่นหัวเล่นและอยู่ในกำมือของเขาร่ำไป แถมยังมิอาจดิ้นหลุดออกมาได้อีกต่างหาก…ความรู้สึกนี้ทำให้นางทรมานใจและสะอิดสะเอียนจนนางอยากจะร้องไห้! เอาล่ะ นางร้องไห้แล้ว
“ต้วนเฉินเซวียน คนสารเลว…” สักพักซูเหลียนอวิ้นจึงสูดจมูกฟึดฟัดแล้วเช็ดน้ำตาของตัวเองออกอย่างแรง จากนั้นจึงพูดอย่างไร้แรงต่อต้านว่า “คนที่เขียนจดหมายมาบอกว่าเราอย่าได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันอีกก็คือท่านพอถึงตอนนี้…ก็เป็นท่าน! สรุปแล้วท่านต้องการอะไรกันแน่! ถือว่าข้าขอร้องท่านก็แล้วกัน! ท่านโปรดเมตตาข้าเถอะ! ปล่อยข้าไปได้หรือไม่” นางไม่อยากตาย! ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งไม่อยากถูกบรรดาสตรีในเมืองหลวงทั้งหลายนินทาว่าร้ายนางเสียๆ หายๆ อีก!
นางอยากจะใช้ตลอดชีวิตนี้ของนางอย่างเงียบสงบก็พอแล้ว! เหตุใดถึงยากได้ขนาดนี้
“ข้า ข้าเป็นอย่างไรหรือ! ” ต้วนเฉินเซวียนดึงผมของตัวเองอย่างคับข้องใจ จากนั้นจึงโพล่งออกไปอย่างยุ่งยากใจ”ข้าเคยบอกเจ้าหรือว่าจะไม่รับผิดชอบเจ้าข้าแค่มาขอเจ้าแต่งงานก็จบแล้ว” เอาล่ะ คล้ายว่าเขาจะพูดผิดอีกแล้ว! ขั้นตอนการสู่ขออะไรพวกนี้…เขาไม่เคยคิดว่าจะมาสู่ของ่ายๆ เช่นนี้โดยที่ในมือไม่มีของอะไรเลย!
น้ำตาของซูเหลียนอวิ้นหายไป นางมองไปยังสายตาเด็ดเดี่ยวคู่นั้นของต้วนเฉินเซวียน ทันใดนั้นความโกรธของนางก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง นางหยิบหมอนที่วางไว้เรียบร้อยเมื่อครู่ขึ้นมาแล้วฟาดไปที่เขาพลางเอ่ยว่า “ท่านคิดว่าจะมาสู่ขอข้าแล้วข้าจะยอมแต่งกับท่านรึท่านเป็นผู้ใดกันไอ้ทุเรศ! ต้วนเฉินเซวียน ข้าขอสาบานตรงนี้ได้เลยหรือไม่”
“ข้า ซูเหลียนอวิ้น ชีวิตนี้ของข้าขอแต่งงานกับพ่อลิงดีกว่าแต่จะไม่มีทางแต่งงานกับต้วนเฉิน…อุ๊ย! “
ต้วนเฉินเซวียนมิรอให้ซูเหลียนอวิ้นเอ่ยครึ่งประโยคหลังจบจึงหยุดความคิดของซูเหลียนอวิ้นอีกครั้งอย่างคุ้นเคยโดยการจูบนางที่ริมฝีปากทว่าการจูบในครั้งนี้ไม่เหมือนกับการจูบเบาๆ ราวกับแมลงปอที่เอาหางแตะลงเหนือน้ำอย่างเช่นครั้งก่อนอีก การจูบครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งแรกมากนัก
ไม่ต้องพูดแล้วซูเหลียนอวิ้น! ต้วนเฉินเซวียนปิดริมฝีปากของซูเหลียนอวิ้น ในหัวของเขาตะโกนร้องว่า เจ้าอย่าพูดอีกเลย!
คนสารเลวอย่างเขา…พวกเราสองคนลืมกันไปตั้งแต่บัดนี้เลยได้หรือไม่? เรื่องนั้น…อย่าพูดถึงอีกเลย…
ซูเหลียนอวิ้นตกตะลึง ทว่าเพียงครู่เดียวสติของนางก็กลับคืนมานางจึงรีบผลักต้วนเฉินเซวียนออกไปจากเตียงของนาง
ต้วนเฉินเซวียนล้มลงไปกองบนพื้นด้วยความสับสน ทว่าในตอนนั้นไม่สามารถเรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากซูเหลียนอวิ้นได้อีก นางเอ่ยขึ้นว่า “ท่านออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป! หากท่านไม่ยังไม่ยอมออกไปอีก ข้าจะร้องเรียกให้คนเข้ามาช่วย! ท่านคอยดูแล้วกันว่าถึงตอนนั้นข้าจะสนใจท่านหรือไม่! ” ถึงอย่างไรคนในเรือนก็เป็นคนของนาง อีกอย่างต่อให้ไม่ใช่คนของนางแล้วจะเป็นอะไรไป?
ตอนนี้ต่อให้นางต้องถูกคนจำนวนมากจับจ้อง นางยังรู้สึกว่าดีกว่ามีลมหายใจอยู่ในที่ที่เดียวกับต้วนเฉินเซวียนเสียอีก!
ต้วนเฉินเซวียนอดกลั้นความเจ็บปวดที่ก้นกบของตัวเองเอาไว้ เขานั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นพลางขมวดคิ้ว “ซูเหลียนอวิ้น ข้ามิได้ล้อเล่นนะ ข้าอยากจะแต่งงานกับเจ้าจริงๆ ” ไม่ว่าจะเป็นชาติที่แล้วหรือว่าชาตินี้ ข้าก็อยากจะแต่งงานกับเจ้าจริงๆ !
“ท่านจะแต่งกับข้าแล้วข้าต้องยอมแต่งกับท่านรึ! ท่านให้ความสำคัญกับตัวเองมากไปหรือไม่! ” น้ำเสียงของซูเหลียนอวิ้นค่อนข้างแหลมสูงด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม”ท่านคิดว่าท่านเป็นผู้ใดอีกอย่างนะต้วนเฉินเซวียน ท่านถอดใจเสียเถอะ! ข้าได้สาบานไปแล้ว ต่อให้ต้องแต่งกับ…”
“เช่นนั้นเจ้าก็มองข้าเป็นพ่อลิงก็จบเรื่องแล้ว? ” ต้วนเฉินเซวียนพูดขัดขึ้น “ข้า ต้วนเฉินเซวียนยินดีเป็นพ่อลิงให้เจ้า ตกลงไหม”
ซูเหลียนอวิ้น “….ไม่ได้”
“ทำไมถึงจะไม่ได้เล่า”
“ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ! ข้าจะแต่งกับใครก็แล้วแต่ แต่จะไม่มีทางแต่งกับท่าน! ถอดใจซะ! “
ต้วนเฉินเซวียนมองสีหน้าหนักแน่นของซูเหลียนอวิ้นตอนนั้นเองที่เขาเริ่มเข้าใจขึ้นมา ดูท่าแล้วไม้อ่อนคงไม่ได้ผล เช่นนั้นเขาต้องใช้ไม้แข็งเสียแล้ว
นั่นเป็นเพราะว่า…หากใช้ไม้อ่อนเพียงอย่างเดียว นั่นคือการจูบสองรอบเมื่อครู่นี้ เกรงว่าคงต้องรอถึงชาติหน้า…ซึ่งเขารอไม่ไหว!
ต้วนเฉินเซวียนนั่งตัวตรงแล้วยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ “แต่ว่า เมื่อกี้เจ้าโดนข้าจูบแล้ว หากเจ้าไม่แต่งกับข้า เจ้าจะยังแต่งกับใครได้อีก”
“เรื่องเมื่อครู่นี้มีผู้ใดรู้หรือรู้ก็บ้าแล้ว! ” ซูเหลียนอวิ้นไม่ยอมแพ้ ดวงตาของนางยังคงจ้องอย่างเคียดแค้นไปที่เขา “หากมีคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้าแล้วอย่างไร อีกอย่างนะข้าคือลูกสาวของซูปั๋วชวนแม่ทัพใหญ่ เกรงว่าหากใช้เรื่องนี้โจมตี คนที่อยากแต่งงานกับข้าก็คงจะไม่ถือสาตระกูลของพวกเราแล้วหาวิธีรับมือกับปัญหาได้! “
“หากนั่นไม่ได้ผล เช่นนั้นเพื่อไม่ให้เหตุการณ์เลยเถิด พรุ่งนี้เช้าข้าจะไปหาท่านแม่เพื่อให้ท่านหาคนมาหมั้นกับข้า! จากนั้นเดือนหน้าข้าก็จะแต่งงาน! ” ถือว่าเป็นการลงมือครั้งเดียวแต่ยุติได้ทั้งสองอย่าง การได้เจอกับตัวซวยอย่างเขาถือว่าเป็นเคราะห์ร้ายของนางแล้วกัน!
“เจ้ากล้ารึ! ” ต้วนเฉินเซวียนยืนขึ้นแล้วมองซูเหลียนอวิ้นจากมุมที่สูงกว่า จากนั้นจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าลองแต่งกับผู้อื่นดูสิอีกอย่างเจ้าจูบกับข้าแล้ว นั่นหมายความว่าเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว ในหัวของเจ้ายังคิดจะแต่งงานกับผู้อื่นอีกรึ
“เป็นคนที่แต่งกับเจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือว่าเป็นเจ้าเองที่ไม่อยากชีวิตอยู่? “
ถึงตอนนี้ซูเหลียนอวิ้นยังคิดจะแต่งงานกับผู้อื่นอยู่อีกหรือเมื่อความคิดนี้ถูกเปิดเผยออกมาก็แทบทำให้ต้วนเฉินเซวียนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ทันที!
เขาเพิ่งจะรับรู้ตอนนี้เองว่าในขณะที่เขากังวลสิ่งนั้นสิ่งนี้มาตลอดและพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้รอยร้าวระหว่างพวกเราทั้งสองคนนั้นหายไปได้นั้น
ซูเหลียนอวิ้นกลับไม่มีความคิดใดๆ ต่อเขาเลยสักนิด? ถึงแม้ว่าเขาจะลงมือทำอะไรตั้งมากมายแต่ซูเหลียนอวิ้นกลับไม่ให้ความสำคัญกับมันเลยหรือแถมยังมีความคิดอยากจะแต่งงานกับผู้อื่นอีกด้วย?!