ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 192 เสียสติ
ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 192 เสียสติ
“ฝ่าบาท องค์ชายเยียลี่ว์เยี่ยนขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” ณ พระตำหนักหย่างซิน ลี่หยวนตี้กำลังจดจ่ออยู่กับการทรงอักษรในสมุดบัญชี
“ฝ่าบาทจะให้เข้ามาหรือไม่พะย่ะค่ะ” หลี่กงกงค้อมตัวก้มหน้าเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“ให้เข้ามาเถิด” ลี่หยวนตี้ไม่ได้เงยพระพักตร์ขึ้นมา พระหัตถ์ยังคงทรงอักษรพลางเอ่ยว่า “ให้พวกเขาเข้ามารอที่ตำหนักหน้าก่อนเถิด เดี๋ยวข้าจะรีบอออกไป”
เพิ่งจะมาเอาตอนนี้รึ ลี่หยวนตี้แย้มพระสรวล นึกว่าจะควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่านี้เสียอีก
ช่างเถิดจะอย่างไรเขาก็เป็นแขก หลังจากที่ลี่หยวนตี้อ่านสมุดบัญชีไปได้เยอะแล้วจึงลุกขึ้น “เจ้าหลี่ ไปกันเถิด”
ตำหนักหน้า
ผู้ติดตามเยียลี่ว์เยี่ยนมาหมดความอดทนไปตั้งแต่แรกๆ แล้ว จากนั้นจึงเอ่ยเสียงค่อยขึ้นว่า “ฝ่าบาท ลี่หยวนตี้ผู้นี้กำลังจะทำอะไรกันแน่! ถึงให้ฝ่าบาทต้องทรงรอนานขนาดนี้!” แค่ดูก็รู้แล้วว่าตั้งใจจะแกล้งกันเล่นชัดๆ แต่นายท่านของเขามีศักดิ์เป็นถึงองค์ชายเชียวนะ เหตุใดจึงกล้าทำเช่นนี้
“ชิงเฟิง สงบปากสงบคำหน่อย” เยียลี่ว์เยี่ยนยกถ้วยใบนั้นขึ้นมา นี่เป็นชาถ้วยที่สามตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่ หลังจากที่เขาจิบลงไปแล้วอึกหนึ่งก็ค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นช้าๆ ว่า “ใบชาชั้นยอดขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะหาดื่มเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นหากเห็นแก่คุณภาพของใบชาแล้ว พวกเรารอต่ออีกสักหน่อยก็ถือว่าคุ้มค่า”
“ดูไม่ออกเลยว่าองค์ชายเยียลี่ว์จะเป็นผู้รักการดื่มชายด้วย”
เยียลี่ว์เยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วหันกลับไปมองลี่หยวนตี้ที่สวมใส่ชุดสีเหลืองของฮ่องเต้และกำลังเชิดหน้าสาวเท้าเข้ามายังตนแล้วยิ้มให้เขา “นั่นเป็นเพราะที่เมืองเยียลี่ว์ไม่มีผลิตใบชาชั้นดี ดังนั้นครั้งนี้มาถึงต้าชั่วได้ หนึ่งในความปรารถนาของข้านั้นคือลองชิมอาหารและชาชั้นยอดของต้าชั่วสักรอบ” ข้ออ้างของเยียลี่ว์เยี่ยนนั้นถือว่าน้อยไปกว่าความจริงมากนักิ
เนื่องจากไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่อยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้และโดนผู้อื่นจงใจจะกลั่นแกล้ง เกรงว่าในจังหวะที่พบตัวการของเรื่องแล้วคงจะมีอารมณ์โกรธพลุ่งพล่านอย่างยิ่ง ทว่าสำหรับเยียลี่ว์เยี่ยนน่ะหรือ เขาไม่แสดงสีหน้าหงุดหงิดใจอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อลี่หยวนตี้เห็นท่าทางนิ่งสงบของเยียลี่ว์เยี่ยนเช่นนี้ เขาก็อดชื่นชมในใจไม่ได้ คนเช่นนี้ เราไม่อาจแน่ใจได้ว่าภายหลังเขาจะประสบความสำเร็จ แต่การอดทนได้เช่นนี้ก็เป็นการยืนยันได้ว่าความคิดอ่านของคนเช่นนี้จะต้องลึกซึ้งอยากหยั่งถึง
“หากองค์ชายเยียลี่ว์ชอบ ข้าจะให้คนของข้าห่อใบชาทุกประเภทในวังนี้เพื่อมอบให้ท่านด้วย ท่านว่าดีหรือไม่” ลี่หยวนตี้ยกชายชุดขึ้นแล้วนั่งลงเยื้องๆ กับเยียลี่ว์เยี่ยนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ว่าแต่จุดประสงค์ที่องค์ชายเยียลี่ว์มาพบข้าในครั้งนี้มาเพียงเพื่อดื่มชาชั้นดีของที่นี่เท่านั้นหรือ”
“แน่นอนว่ามิได้มีเพียงเรื่องนี้” ริมฝีปากเยียลี่ว์เยี่ยนแย้มยิ้มด้วยสายตาบริสุทธิ์ใจ “การเดินทางมาในครั้งนี้ข้ายังมีอีกจุประสงค์หนึ่งที่สำคัญที่จะขอร้องลี่หยวนตี้”
“เป็นเรื่องใดหรือ องค์ชายเยียลี่ว์โปรดบอกเล่าออกมาเถิด ข้าจะรับฟัง” ให้ฟังย่อมได้แต่จะรับปากหรือไม่นั้น? เจ้าพูดออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“การมาเยือนต้าชั่วของข้าในครั้งนี้ ก่อนที่ข้าจะออกเดินทางเสด็จพ่อของพวกเราได้กำชับพวกเราเอาไว้แล้วว่าตอนที่ข้ากลับไปหวังว่าข้าจะพาชายากลับไปพร้อมกันด้วย” สายตาของเยียลี่ว์เยี่ยนปรากฏความเขินอาย “ดังนั้นที่กระหม่อมมาพบฝ่าบาทในครั้งนี้ก็เพื่อหวังว่าฝ่าบาทจะทรงพระราชทานการอภิเษกให้กระหม่อม”
“อ้อ เรื่องพระราชทานงานอภิเษกนี่เอง” ลี่หยวนตี้จ้องมองไปที่เยียลี่ว์เยี่ยนอย่างละเอียดรอบหนึ่งแล้วเอ่ยโดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ไม่ทราบว่าองค์ชายเยียลี่ว์ สนใจสตรีของตระกูลไหนอยู่หรือ”
“เป็นแม่นางผู้ทำการแสดงอย่างโดดเด่นในงานเลี้ยงคืนนั้น” แววตาของเยียลี่ว์เยี่ยนตอนนี้คล้ายกำลังเข้าสู่ความทรงจำที่อยู่ห่างไกล “แม่นางที่ร่ายรำในวันนั้น เป็นโฉมงามที่หาได้ยากนัก หลังจากที่นางร่ายรำเสร็จกระหม่อมก็รู้สึกว่านางคือพระชายาที่กระหม่อมตามหา”
น่าเสียดายที่การสารภาพรักอย่างลึกซึ้งของเยียลี่ว์เยี่ยนตอนนี้ นอกจากลี่หยวนตี้และองครักษ์ที่อยู่บริเวณนี้แล้วไม่มีผู้ใดสามารถได้ยินอีก ถือว่าค่อนข้างน่าเห็นใจทีเดียว
ทว่าหากซูเหลียนอวิ้นอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ด้วยแล้วได้ยินเยียลี่ว์เยี่ยนสารภาพรักอย่างน่าตรึงใจเช่นนี้ นางคงอดไม่ได้ที่จะถอดรองเท้าของนางแล้วเขวี้ยงรองเท้าสานข้างนั้นของนางไปที่หัวของเยียลี่ว์เยี่ยนสักที
พูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ มีร่างไว้ก่อนหรือไม่
เพราะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นคงไม่ได้มีผู้ใดตาบอดกระมัง มองเพียงคราเดียวก็แน่ใจแล้วหรือถึงได้แสดงความรู้สึกลึกซึ้งเช่นนี้ได้
เขาคือคนที่แววตาเต็มไปด้วยความดำมืดผิดธรรมดา! แววตาของเขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อคนที่ทำให้เขาต้องขายหน้ามิใช่หรือ คำพูดจอมปลอมขนาดนี้ ยังดีที่ระหว่างเยียลี่ว์เยี่ยนพูดออกมาไม่ได้หลบตาเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายแล้วในขณะที่เยียลี่ว์เยี่ยนกำลังจะเอ่ยออกมาว่าคนที่เขาต้องการจะแต่งงานด้วยคือผู้ใดอยู่นั้น ลี่หยวนตี้ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางที่ยากที่จะได้เห็น “องค์ชายเยียลี่ว์ คนที่ท่านอยากจะแต่งงานด้วยคือแม่นางผู้นั้นหรือ”
“ใช่พะย่ะค่ะ ฝ่าบาทมีอะไรคลางแคลงใจหรือ”
“ไม่มี” ลี่หยวนตี้เอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อย “แต่ที่แผ่นดินต้าชั่วของข้า เรื่องเช่นนี้ล้วนต้องนัดพบเจรจากันเป็นสำคัญ นั่นก็หมายความว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ข้ามิกล้าที่จะตอบรับโดยพลการ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคงต้องดูว่าพ่อแม่ของคุณหนูซูผู้นี้คิดเห็นอย่างไรเป็นสำคัญ” เรื่องราวเช่นนี้ลี่หยวนตี้ไม่กล้าเป็นพ่อสื่อให้ใครส่งเดช
เนื่องจากบิดามารดาของซูเหลียนอวิ้นก็ถือเป็นหนึ่งในตระกูลแม่ทัพจำนวนไม่มากที่ลี่หยวนตี้ไว้ใจได้ หากให้การขอแต่งงานที่น่าเคลือบแคลงใจเช่นนี้พรากเอาลูกสาวเพียงคนเดียวของซูปั๋วชวนไป แล้วทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับพวกเขาต้องหมางใจกัน นี่ถือเป็นเรื่องที่เสียหายอย่างที่สุด
อีกอย่างหลายวันมานี้เยียลี่ว์เยี่ยนล้วนเก็บตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่เคยออกมาเดินข้างนอก แต่สุดท้ายพอเขาออกมากลับมุ่งหน้ามาที่นี่แล้วบอกว่าอยากจะแต่งงานกับซูเหลียนอวิ้น? เรื่องนี้จะไม่ให้เขาหยุดคิดสักหน่อยได้อย่างไรว่าคนผู้นี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่
ดังนั้นในหัวของลี่หยวนตี้ตอนนี้จึงกำลังครุ่นคิดเหตุผลต่างๆ นานาของเยียลี่ว์เยี่ยนที่ยืนกรานจะไปสู่ขอซูเหลียนอวิ้นให้ได้
หรือจะทำไปเพื่อสกัดกั้นซูปั๋วชวน เพราะซูปั๋วชวนมีบุตรสาวเพียงคนเดียวจึงพยายามที่จะใช้ซูเหลียนอวิ้นทำให้เขาคลางแคลงใจตระกูลซูแล้วไม่กล้ามอบหมายงานสำคัญให้พวกเขาอีก? หรือว่าพยายามที่จะยึดอำนาจในมือของซูปั๋วชวน?
“เช่นนี้เอง” เยียลี่ว์เยี่ยนพยักหน้าอย่างว่าง่าย “แต่กระหม่อมกลับรู้สึกว่า บิดามารดาของแม่นางผู้นั้นจะต้องวางใจแน่ เพราะหากกระหม่อมแต่งงานกับนางกระหม่อมจะต้องจัดงานอภิเษกพระชายาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแบบของเมืองเยียลี่ว์เพื่อต้อนรับขับสู่นางและครอบครัวของนางด้วยความรักที่บริสุทธิ์ใจ” เยียลี่ว์เยี่ยนรู้สึกว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ไม่มีความผิดปกติอะไรออกมาเลย
เนื่องจากการจะทำเพื่อสตรีเพียงสักคนหนึ่งและถึงกับยอมเคารพบิดามารดาของนางด้วยแล้ว ในความคิดของเยียลี่ว์เยี่ยนนั้น นี่ถือเป็นการกระทำที่ให้เกียรติซูเหลียนอวิ้นอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะที่เมืองเยียลี่ว์ สตรีเป็นเพียงแค่เครื่องประดับของบุรุษเท่านั้น
ทว่าคำพูดนี้ในมุมมองของลี่หยวนตี้แล้วกลับกลายเป็นว่าเยียลี่ว์เยี่ยนไม่เพียงวางแผนจะแต่งงานกับซูเหลียนอวิ้นเท่านั้นแต่ยังวางแผนจะพาตระกูลซูไปอยู่ที่เมืองเยียลี่ว์ด้วย
เยียลี่ว์เยี่ยนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร!