ลิขิตกลกาล - ตอนที่ 218 รายการสินสอด
ลิขิตกลกาล – ตอนที่ 218 รายการสินสอด
“ท่านพ่อ” ซูเหลียนอวิ้นยิ้มเย็นๆ “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ลูกมิได้มีคนพิเศษในใจจริงๆ ท่านวางใจเถิด”
“ดี” อันเพ่ยอิงเอ่ย “ไม่มีก็ไม่มี อวิ้นเอ๋อร์ เจ้าเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นพวกเราอย่าเพิ่งคุยกันเรื่องนี้เลย พวกเราไปกินอาหารกลางวันกันเถิด”
“ท่านแม่ ลูกกินแล้วเจ้าค่ะ” ซูเหลียนอวิ้นพยายามเลี่ยง “หากไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ลูกขอตัวกลับก่อน” เนื่องจากนางรู้สึกว่าคืนนี้…คงจะมีแขกผู้มีเกียรติมาหานางอีกกระมัง ดังนั้นนางควรจะกลับไปนอนสักตื่นก่อนคงจะดี
“อย่างนั้นอวิ้นเอ๋อร์กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ ลูกขอตัวลา”
ซูปั๋วชวนมองแผ่นหลังเหยียดตรงของซูเหลียนอวิ้นแล้วก็ไร้คำพูด ผ่านไปพักใหญ่ถึงจะเอ่ยกับอันเพ่ยอิงว่า “สรุปแล้วเจ้ามีตัวเลือกไว้ในใจแล้วหรือไม่” แม้ว่าตอนนั้นเขาจะรับปากกับซูเหลียนอวิ้นว่าจะให้อันเพ่ยอิงเป็นคนเลือก แต่ในสถานการณ์ความเป็นจริงเล่า? เนื่องจากเวลาที่บีบคั้นเข้ามา ผู้ที่จะสามารถเป็นตัวเลือกให้ได้จริงๆ จึงมีน้อยเป็นอย่างยิ่ง”เกือบได้แล้ว” อันเพ่ยอิงตอบอย่างคลุมเครือ เพราะการหมั้นหมายนั้นไม่ใช่การแต่งงาน ต่อให้ในตอนแรกนางจะมั่นใจว่าคนของทางจวนจิ้งอันโหวนั้นไม่เลวสามารถเป็นคู่หมั้นคู่หมายได้ ทว่าตอนนี้…หากเปลี่ยนเป็นการแต่งงาน นางคงจะต้องคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ให้ดีๆ อีกรอบหนึ่ง”เจ้า…ลองคิดดีๆ ก็แล้วกัน ข้าจะไปดูของในโกดังสักหน่อย” การพูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่พวกเขาพอทำได้นั่นก็คือการคิดถึงเรื่องอื่นๆ เช่นการเตรียมสมบัติติดตัวเจ้าสาวจะดีกว่าณ จวนจิ้งอันโหว
“นายท่าน วันนี้ฝ่าบาททรงเรียกใต้เท้าซูเข้าเฝ้าอีกแล้วขอรับ”
“อ้อ แล้วผลเป็นอย่างไรบ้าง” ต้วนเฉินเซวียนพลิกเปิดอ่านหนังสือดูอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าแท้ที่จริงแล้วนิ้วมือที่ใช้พลิกหน้าหนังสือของเขาได้หยุดชะงักลงแล้ว “ผลเป็นอย่างที่นายท่านคิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด ใต้เท้าซูตอบตกลงขอรับ” องครักษ์พยายามแอบมองสีหน้าของต้วนเฉินเซวียนเล็กน้อย ทว่าผลสุดท้ายเขากลับรู้สึกผิดหวัง!
สีหน้าของต้วนเฉินเซวียนตอนนี้ไร้ความรู้สึกและการขยับเขยื้อน แต่ขาของเขานั้นกลับสั่นไหวไม่หยุด
“ให้คนปล่อยข่าวออกไปว่าอย่าทำให้ใต้เท้าซูรู้สึกบีบคั้นมากเกินไปนัก การทำให้เขารู้สึกไม่กดดันก็เป็นเรื่องสำคัญ” นั่นเป็นเพราะนิสัยหัวแข็งของคนตระกูลซูนั้น ต้วนเฉินเซวียนรู้จักเป็นอย่างดี เขาเกรงว่าตอนนี้หากกดดันซูปั๋วชวนมากเกินไปแล้วเกิดเรื่องอะไรตามมาจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากได้ “แล้วก็ช่วยไปบอกท่านแม่หน่อยว่า ถ้าช่วงนี้ท่านแม่ว่าง เหมาะอย่างยิ่งที่จะไปเยี่ยมเยียนคนตระกูลซู”
“ขอรับนายท่าน” องครักษ์ผู้นั้นประสานมือ “บ่าวทูลลา”
“ไปเถิด แต่ก่อนที่เจ้าจะไปช่วยเรียกหลินอั้นเข้ามาหาข้าด้วย”
“ได้ขอรับนายท่าน”
ไม่นานนักหลินอั้นก็รีบจัดการงานที่อยู่ในมือของตนให้เสร็จสิ้นแล้วรีบเข้ามา “นายท่านเรียกข้าหรือ”
“อืม” ต้วนเฉินเซวียนขานตอบอย่างเฉื่อยชา “ที่ข้าให้เตรียมของ เตรียมไปถึงไหนแล้ว””เตรียมไว้เกือบครบแล้วขอรับ” หลินอั้นตอบ “เหลือเพียงของใช้สำหรับสตรีที่ไม่รู้ว่าพวกเราต้องเป็นคนเตรียมหรือว่า…ส่วนของอื่นๆ ที่พวกเราต้องเป็นฝ่ายเตรียมได้เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ของที่ฝั่งพวกเขาต้องการใช้ พวกเราก็เตรียมไว้ให้พร้อมเถิด” ต้วนเฉินเซวียนปิดตู้หนังสือพลางเท้าคางเอ่ย “เนื่องจากเวลาที่กระชั้นข้าคิดว่าทางจวนตระกูลซูก็คงวุ่นวายมากเช่นกัน” ของที่ตระเตรียมด้วยความเร่งรีบจะดีได้อย่างไร ต้วนเฉินเซวียนข้องใจ!
ดังนั้นของที่ทางซูเหลียนอวิ้นต้องเป็นคนเตรียม ทางเขาก็ได้เตรียมไว้ครบเรียบร้อยแล้ว! ในเมื่อเขาก็ต้องเตรียมของที่ต้องใช้ในการแต่งงานทั้งหมดเช่นกัน!
ของที่ใช้ในการแต่งงานนั้นไม่สามารถเตรียมอย่างส่งๆ ได้! แม้ว่าเวลาอาจจะบีบคั้น ทว่าด้านพวกเขาได้เตรียมของพวกนี้ไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้ว ดังนั้นฝ่ายที่จะวุ่นวายเกรงว่าคงจะเป็นฝั่งตระกูลซูเสียมากกว่า
“รายการสินสอดเตรียมไว้พร้อมแล้วหรือยัง”
“พร้อมแล้วขอรับ” หลินอั้นพยักหน้า “หากต้องการจำนวนน้อยจะมีเพียงของโบราณเพียงชิ้นเดียว แต่หากต้องการหลายอย่างจะมีของทุกอย่างที่ร้านค้ามีขาย บ่าวเตรียมทุกอย่างไว้ให้นายท่านพร้อมหมดแล้วขอรับ”
“ได้” ต้วนเฉินเซวียนพยักหน้า ความสามารถของหลินอั้นนั้นกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรต้องพูดถึง ดังนั้น… ฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ไม่ต้องหาวันอื่นอีกแล้วเป็นวันนี้ไปเลยก็แล้วกัน!
“หลินอั้น อีกเดี๋ยวเจ้าไปเชิญท่านแม่มาหาข้าหน่อย พวกเราจะไปจวนตระกูลซูด้วยกัน จะได้รีบจัดการเรื่องให้เสร็จๆ ไปเสีย ข้าจะได้สงบจิตสงบใจลงได้จริงๆ เสียที” มิเช่นนั้นแล้วในใจของเขามักจะรู้สึกราวกับมีหินหนักอึ้งค้างเติ่งอยู่ ต่อให้เรื่องราวกำหนดไว้แน่นอนแล้ว แต่หากยังไม่ได้แต่งเข้ามาอยู่ในเรือนก็ยังจะวางใจไม่ได้!
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว จะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ””ไปเถิดๆ รีบไปเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่สิ ไม่ต้องรีบมากก็ได้” ต้วนเฉินเซวียนยกมือขึ้นโบกเพราะต้องการให้หลินอั้นรีบไปตามท่านแม่มา ทว่าเมื่อยกมือขึ้นก็เพิ่งจะสังเกตเห็นเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ในวันนี้
ไม่น่าเกลียด แต่เป็นแบบธรรมดาๆ แต่…เอ่อ เขาคงต้องเลือกใหม่อีกครั้งแล้วกระมัง
“ขอรับ…เช่นนั้นบ่าวขอทูลลา” ผู้ที่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของต้วนเฉินเซวียนได้ดีที่สุดตลอดมาอย่างหลินอั้น ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเข้าไม่ถึงเสียแล้ว สรุปแล้ว…นายท่านรีบหรือไม่รีบกันแน่ ตอนแรกยังอยากให้ตนรีบไปให้ถึงจวนซูใจจะขาด แต่ตอนนี้กลับไม่รีบร้อนอีก…จะเอาอย่างไรกันแน่
ณ ห้องของจางเจาหวา
“เซวียนเอ๋อร์เปลี่ยนใจจะแต่งงานแล้วหรือ” จางเจาหวามองรายการสินสอดที่หลินอั้นส่งให้ด้วยความข้องใจ นั่นเป็นเพราะ…จากตอนที่คุยกับเขาตอนนั้นจนถึงตอนนี้เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นานเท่าไหร่ นี่เพิ่งผ่านมาเพียงช่วงสั้นๆ กลับเตรียมของที่ใช้การแต่งงานไว้ครบเรียบร้อยแล้ว”อื้ม” หลินอั้นกระแอม “นายท่านมีคนในมือมาก มีคนมากย่อมจัดการได้อย่างรวดเร็ว” เขาคงไม่ถึงกับต้องพูดเปิดโปงว่าอันที่จริงแล้วนายท่านของพวกเขาร้อนใจจนถึงกับแอบวางแผนเรื่องนี้ไว้ลับๆ ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนหน้าแล้วกระมัง
“ดูท่าแล้วเจ้าเด็กคนนี้คงมีแผนการในใจแต่แรกแล้ว” จางเจาหวาเบะปาก “มีเป้าหมายเอาไว้อยู่แล้วล่ะสิท่า” บิดามารดาย่อมรู้จักลูกตัวเองดีที่สุด ดังนั้นไม่ว่าในใจของต้วนเฉินเซวียนจะคิดอ่านการใด นางจะมองไม่ออกได้อย่างไร หากคิดจะปิดบังเรื่องเช่นนี้กับนาง นั่นนับว่าเป็นการดูถูกนางมากเกินไปหน่อยแล้ว
หลินอั้นก้มหน้างุด ฮูหยินเป็นคนเดาถูกเองนะขอรับนายท่าน ! ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับบ่าวเลย บ่าวมิได้ปากมากเกินไปแม้แต่ประโยคเดียว!
“ช่างเถิด เอาอย่างนี้ก็ได้” จางเจาหวารับรายการสินสอดมาพับเก็บเอาไว้ “ไปตอนนี้เลยหรือ””นายท่านบอกว่าฤกษ์ดีมิสู้ฤกษ์สะดวก ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ตระเตรียมไว้เรียบร้อยหมดแล้ว มิสู้ไปวันนี้เสียเลย” ตอนนี้เจ้านายของเขาร้อนใจจนแทบทนรอไม่ไหวแล้ว! ร้อนใจจนแทบจะไปเคาะประตูบ้านของตระกูลซูให้ได้เสียตอนนี้
“อย่างนั้นไปบอกเซวียนเอ๋อร์ให้รอปะเดี๋ยว ข้าขอไปเปลี่ยนชุดก่อน”
“ฮูหยินมิต้องรีบขอรับ” หลินอั้นรีบเอ่ย “เพราะนายท่านเอง…” สุดท้ายเขาก็เข้าใจความหมายของประโยคสุดท้ายที่นายท่านพูดกับเขาแล้วว่าหมายความว่าอย่างไร!
“เข้าใจแล้ว” จางเจาหวาพยักหน้า “เซวียนเอ๋อร์เองก็ต้องเลือกเสื้อผ้าด้วยกระมัง มิเป็นไร พวกเราสองคนคงใช้เวลาไล่เลี่ยกัน”