ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 255-256
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 255 ถูกควบคุม / ตอนที่ 256 ดวงตาแดงแสนอาฆาต
ตอนที่ 255 ถูกควบคุม
ระหว่างทางที่เดินเข้ามา ราวกับมองเห็นหยดเลือดที่กระจายอยู่บนชุดสีขาวเต็มไปหมด เลือดเหล่านี้คงเป็นเพราะเขาต้องการที่จะย้ำเตือนตัวเองให้มีสติ จึงต้องทำร้ายร่างกายของตัวเอง
ในชั่ววินาทีนั้นเลือดได้หยดลงบนพื้นราวกับดอกเหมยที่เบ่งบานดอกแล้วบอกเล่า ทุกย่างก้าวที่เดินเข้ามา หยดเลือดก็ไหลลงที่ใต้ฝ่าเท้าราวกับบุปผาแดงกระหายเลือดเบ่งบาน
“คุณหนูรอง รีบไปเร็วขอรับ!” หานสือร้องเตือนขึ้น ทันใดนั้นเขาก็ผลักอวี้อาเหราไปทางด้านหลัง ก่อนจะก้าวเข้าไปหาฉู่ป๋าย
ฉู่ป๋ายที่รับรู้ถึงอันตรายก็พลันเบนสายตามองไปบนร่างของหานสือ สะบัดแขนเสื้อตัวยาว ก่อนจะใช้ฝ่ามือฟาดลงไปหนักๆ ที่ร่างของเขา หานสือก็พลันล้มลงไปกับพื้นโดยไร้ซึ่งเรี่ยวแรงต้านทาน ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้
เมื่อเห็นถึงความน่ากลัวของฉู่ป๋าย ในใจของอวี้อาเหราก็เกิดเป็นความตื่นตระหนกขึ้น แต่นางก็ยังคงยืนนิ่งที่ข้างประตู ไม่ยอมหนีไปไหน
แม้เพียงฝ่ามือเดียวก็ทำให้หานสือซึ่งมีวรยุทธ์แกร่งกล้าไร้หนทางต่อสู้แม้แต่น้อย แล้วนางผู้ซึ่งเป็นหญิงสาวอ่อนแอไร้ซึ่งพลังอำนาจใดๆ เล่า?
แต่ถ้าหากตอนนี้นางหนีไป แล้วเขาจะทำอย่างไร หานสือจะเป็นอย่างไร คนของจวนเซิ่นอ๋องที่อยู่ด้านนอกเล่าจะเป็นเช่นไร
หานสือกระอักเลือดสดๆ ออกมาจากปาก นึกอยากจะใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อบอกให้อวี้อาเหรารีบหนีไป แต่ทำอย่างไรก็ร้องไม่ออก
ตอนนี้ซื่อจื่อของเขานั้นร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากโรคกระหายโลหิตและวิชาเผาไหม้ตัวตนนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายต่อร่างกายมาก เมื่อออกฤทธิ์แล้วก็สามารถปลุกอารมณ์สังหารไม่เลือกหน้าขึ้นมาได้!
คุณหนูรองที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเช่นนี้ นี่ก็ไม่เท่ากับส่งตัวเองไปตายหรอกหรือ
ฉู่ป๋ายเมื่อเห็นหานสือนอนนิ่งไม่ขยับ เขาก็สัมผัสได้ว่ายังมีคนที่ร่างกายปราศจากบาดแผลยืนอยู่ตรงนั้น เช่นนั้นจึงหันหน้ากลับไปมอง ดวงตาน่ากลัวจับจ้องไปที่ร่างของอวี้อาเหรา แล้วเดินเข้าไปหานาง ทุกย่างก้าวหน่วงช้า กลับทำให้จิตใจคนมองตกลงไปกองที่พื้น
ในยามนี้องครักษ์หลายคนยืนขวางอยู่ด้านหน้าของอวี้อาเหรา สายตาตื่นตระหนกจ้องมองไปยังฉู่ป๋ายที่สูญเสียการควบคุมไปแล้ว
“คุณหนูรอง ท่านรีบไปเถิด ตรงนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”
เมื่อพูดจบคนเหล่านี้ก็พุ่งเข้าโจมตี แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกฉู่ป๋ายสะบัดฝ่ามือใส่ให้ออกไปจนพ้นทาง องครักษ์เหล่านั้นต่างพากันล้มลงกับพื้นจนหมด ตอนนี้เขาเหมือนกับสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่มีเรี่ยวแรงมากกว่าคนทั่วไปจนน่าตกใจ ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดสดๆ เมื่อจัดการคนเหล่านี้จนหมดแล้วก็พลันมองเห็นอวี้อาเหราที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เมื่อเขาเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงตัวนาง
อวี้อาเหราค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆ ในดวงตาไม่อาจหลบซ่อนความหวาดกลัวที่พยายามบังคับให้มันสงบลงได้เลย
“เจ้ารีบได้สติขึ้นมาเถิด…”
“อย่าถูกควบคุมเช่นนี้เลย…”
ไม่ว่านางจะร้องบอกอย่างไร แต่ฉู่ป๋ายก็ยังคงไม่ยินดียินร้าย ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปกำรอบคอของนาง เพิ่มแรงเข้าไปโดยไม่รู้ตัว อวี้อาเหราจ้องมองขา นางที่ถูกเขาบีบคอเช่นนี้จนแทบจะหายใจไม่ออก
หานสือเห็นดังนั้นแล้วก็ตกใจเสียจนรีบตะกายร่างให้ลุกขึ้น ก่อนจะคว้าขาของฉู่ป๋ายเอาไว้อย่างแน่นหนา
ฉู่ป๋ายชะงัก สายตาเรียบนิ่งมองไปยังข้อเท้าของตัวเอง เมื่อเห็นว่าหานสือเกาะขาของเขาไม่ยอมปล่อย ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วและเตะเท้าออก หานสือที่ไม่อาจทนกำลังของเขาได้จึงถูกเตะออกไปไกล
“ฉู่ป๋าย…” อวี้อาเหราได้ช่องสบโอกาส ใบหน้าที่มีสีแดงสลับม่วงจ้องมองเขานิ่ง
เมื่อได้ยินคำสองคำนั้น ท่าทีของฉู่ป๋ายก็ชะงักในทันที สติสัมปชัญญะของเขานั้นราวกับไม่ได้ถูกพรากเอาไปเสียทั้งหมด อวี้อาเหราเลิกคิ้วอย่างยินดี ก่อนจะร้องขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
อารมณ์ของฉู่ป๋ายยิ่งสงบลงมากขึ้น ใบหน้าบิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้น เขาก็เพิ่มแรงที่ฝ่ามือ ราวกับพยายามที่จะหักคอนางเสีย
ภายในสถานการณ์บีบบังคับเช่นนี้ อวี้อาเหราจ้องมองดวงตาของเขาอย่างจริงจัง ราวกับมีเวทมนตร์มากมายไหลบ่าออกมาจากดวงตาของนาง ที่ค่อยๆ ทำให้ฉู่ป๋ายสงบลงได้
ตอนที่ 256 ดวงตาแดงแสนอาฆาต
มือที่เตรียมจะหักคอนางพลันหยุดชะงัก อวี้อาเหราค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา ยกกำไลหยกเลือดที่ข้อมือของตัวเองขึ้นมาตรงหน้าเขาอย่างยากลำบาก พยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาเป็นอย่างมาก
“ฉู่ป๋าย เจ้าได้สติเถิดนะ อย่าเป็นเช่นนี้อีกเลย อย่าได้…”
เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น เพียงได้ยินเสียงแผ่วเบาของนางเท่านั้น ดวงตาแดงที่แสนอาฆาตของชายหนุ่มเมื่อครู่นี้ก็เปลี่ยนไปเป็นสงบนิ่งขึ้นมาก ถึงขนาดปล่อยมือที่บีบคอนางลง อวี้อาเหราที่เป็นอิสระแล้วก็รีบตรงเข้าไปกอดฉู่ป๋ายไว้ จ้องมองดวงตาของเขาพลางร้องตะโกนขึ้น
หานสือและเหล่าองครักษ์จ้องมองภาพเหตุการณ์นั้นด้วยความนิ่งงัน เหตุใดท่าทีของซื่อจื่อถึงได้อ่อนลงเช่นนี้…
นี่ก็ไม่อยากจะเชื่อยิ่งนัก! เมื่อครู่นี้คุณหนูรองใช้วิธีใดกันถึงสามารถทำให้เขาสงบลงได้เช่นนี้? หากเป็นคนธรรมดาคาดว่าคงจะต้องตายไปเสียนานแล้ว
อวี้อาเหราโอบกอดฉู่ป๋ายไว้ ผ่านไปหลายวันร่างกายของเขาก็ผ่ายผอมลงจนแทบไม่เหมือนกับร่างกายของมนุษย์ ร่างกายที่ผอมบางจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกหากจะใช้ไม้ฟืนมาบรรยายร่างกายนี้ก็คงไม่เกินไปนัก ชายหนุ่มผอมบางถึงเพียงนี้ แม้นางจะรั้งเขามากอดไว้ในอ้อมอกก็ดูจะไม่เปลืองแรงเท่าไร
นางวางข้อมือที่มีกำไลหยกเลือดเอาไว้ในฝ่ามือของเขา
พลังอำนาจของหยกเลือดนั้นไม่ธรรมดา หวังว่าอัญมณีชิ้นนี้จะสามารถช่วยเหลือเขาได้
ทั้งสองยืนนิ่งกันอยู่ตรงนั้น โอบกอดกันอย่างเงียบงัน จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด
อาการของหานสือค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เขาก้าวเข้ามาหาคนทั้งสองอย่างเชื่องช้า ก่อนจะถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณหนู เมื่อครู่ท่านทำอะไรกับซื่อจื่อหรือขอรับ เหตุใดเขาถึงได้ยอมสงบลงเช่นนี้”
“น่าจะเป็นเพราะหยกชิ้นนี้กระมัง” อวี้อาเหราตอบไม่หมด
แน่นอนว่าหานสือย่อมไม่เชื่อ เมื่อครู่นี้เขาก็ไม่เห็นว่านางจะใช้หยกเลือดทำให้ซื่อจื่อของเขาสงบลงเลยแม้แต่น้อย เขาก็จำเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ได้อย่างชัดเจน อาศัยเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาก็คงไม่ไม่อาจมองข้ามความสามารถของคุณหนูรองอีกต่อไปแล้ว!
แต่ในเมื่อนางไม่ต้องการที่จะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก
เมื่อเห็นซื่อจื่อของตนค่อยๆ หลับตาลง เขาถึงได้เอ่ยปากขึ้นว่า “คุณหนูรองเองก็คงเหนื่อยแล้ว ให้ข้าน้อยอุ้มซื่อจื่อไปนอนพักที่เตียงเถิดขอรับ”
“ตกลง” อวี้อาเหราค่อยๆ ปล่อยมือออก
หานสือได้รับบาดเจ็บหนัก แน่นอนว่าเขาไม่อาจออกแรงได้ตามใจนึก แต่ร่างของฉู่ป๋ายในยามนี้ก็ผอมแห้งเสียจนน่ากลัว เช่นนั้นจึงสามารถอุ้มได้ง่ายๆ
อวี้อาเหรานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แล้วจ้องมองเขา ดื่มชาลงไปอึกหนึ่งเพื่อขจัดความแห้งผากในลำคอ กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศนั้นทำให้นางอดไม่ได้ที่จะนิ่วคิ้ว หันไปมองหานสือที่กำลังก้าวเข้ามาหา แล้วเอ่ยปากถามว่า “เมื่อครู่เจ้าถูกซื่อจื่อของเจ้าทำร้าย ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่เป็นไรขอรับ ยังพอทนได้อยู่ แต่ว่าพวกเขาคงจะยุ่งยากเสียหน่อยแล้ว…” หานสือกวาดตามองไปยังองครักษ์ที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น ก่อนจะเอ่ยปากสั่งให้คนมาช่วยรักษา ครั้งนี้ซื่อจื่อของเขานั้นสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง ไม่อาจกักเก็บแรงที่เหนือมนุษย์ของตัวเองไว้ได้ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจต้านทานได้ แล้วผู้อื่นจะสามารถทนได้อย่างไร
แต่ครั้งนี้ยังดีที่มีคุณหนูรอง มิเช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าลำคอของอวี้อาเหราแดงขึ้นเพราะถูกบีบ “คุณหนูรอง คอของท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ”
“อืม” อวี้อาเหรายกมือขึ้นลูบคอโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะไม่เจ็บแต่ก็แดงอยู่บ้าง จะว่าไปแล้ววันนี้นางก็โชคไม่ดียิ่งนัก ครั้งแรกก็ถูกหนิงจื่อเย่บีบคอ ต่อมายังจะถูกฉู่ป๋ายหักคอเสียอีก หัวแทบจะไม่อยู่บนบ่าเสียแล้ว เมื่อคิดแล้วนางก็ทำเพียงส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไรหรอก”
“เช่นนั้นก็ดีแล้วขอรับ” หานสือวางใจไปเปราะหนึ่ง
อวี้อาเหราปรายตามองฉู่ป๋าย แล้วถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “อาการป่วยของซื่อจื่อของเจ้านั้นเป็นมาตั้งแต่กำเนิดเลยหรือ ไม่มีวิธีการรักษาเลยหรืออย่างไร”