ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 275-276
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 275 สิ้นท่า / ตอนที่ 276 โง่งมจนเกินทน
ตอนที่ 275 สิ้นท่า
เขาก็ไม่อยากเป็นเหมือนถ้วยน้ำชาที่ถูกบีบจนแตกละเอียดหรอกนะ!
อนุรองพิศมองท่าทีของเขาอย่างพิจารณา จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ประกายในดวงตาก็ค่อยๆ เรียบนิ่งลง จากนั้นก็เลือนหายไป หันหน้ากลับมามองอวี้อาเหราอีกครั้ง “ในเมื่อคุณหนูรองไม่เป็นอะไร เช่นนั้นข้าน้อยก็วางใจ ขอลา”
“ช้าก่อน” อวี้อาเหราลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ แล้วเดินมาด้านหน้าของนาง จงใจพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดดันที่ข้างหู “ข้านั้นก็เป็นคนใจกว้างอยู่บ้าง แต่หากใครร้ายกับข้าก็อย่าได้โทษว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน…”
“คะ…คุณหนูรอง” อนุรองชะงัก ค่อยๆ เข้าใจถึงความหมายในคำพูดของอวี้อาเหรา นางคงจะกำลังเตือนตนเองว่าอย่าได้แกว่งเท้าหาเสี้ยนใช่หรือไม่ นางใช้ชีวิตมาจนถึงครึ่งชีวิตแล้ว กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วจะให้ยอมแพ้อย่างนั้นหรือ
ผ่านไปครู่หนึ่งนางถึงได้ชายตาขึ้นมอง แย้มยิ้มราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “ข้าน้อยโง่เขลา ไม่เข้าใจว่าคุณหนูรองกำลังหมายถึงสิ่งใดอย่างนั้นหรือ”
“ไม่เข้าใจจริงๆ น่ะหรือ” อวี้อาเหรามองไปยังอนุรอง สายตาค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นรังสีแห่งความดุดัน
“แน่นอนเจ้าค่ะ” อนุรองชะงักเมื่อเห็นสายตาของนางเข้า จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
“ท่านแม่ ท่านจะเปลืองแรงกับนางทำไมกันเจ้าคะ พวกเรารีบไปกันเถิด ข้าไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้แม้แต่สักวินาทีเดียว” อวี้จื่อเยียนเห็นคนทั้งสองยิ้มต่างยิ้มกว้างให้กัน จึงไม่เข้าใจว่าคนทั้งสองกำลังทำอะไรกันอยู่ เอ่ยทะลุป้องขึ้นมา
“ไปเถิด” อนุรองพยักหน้า
หลังจากที่เดินออกมาแล้ว อวี้จื่อเยียนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจ “ท่านแม่ เหตุใดวันนี้ท่านถึงได้ออกไปหาท่านหมอด้วยตัวเองแล้วพามาตรวจอาการนางกันเจ้าคะ ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก คาดว่าอวี้อาเหรานางคงไม่เห็นความปรารถนาดีของท่านเลยแม้แต่น้อย!”
“เจ้าจะไปรู้อะไรกัน” อนุรองไม่พอใจ “เจ้าคิดว่าจุดประสงค์ของข้าคือการพาท่านหมอไปตรวจรักษาของนางอย่างนั้นหรือ”
“เช่นนั้น ท่านแม่…” อวี้จื่อเยียนพลันไม่เข้าใจขึ้นมา
อนุรองแค่นเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ “ครั้งก่อนข้าได้ยินจากเจ้าว่านางตกหน้าผาศีรษะกระแทก หลังจากนั้นข้าก็นึกสงสัยอยู่บ้าง และพลันคิดขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้นางเคยมีปานแดงอยู่ที่ข้อมือขวา จึงคิดจะให้ท่านหมออาศัยโอกาสนี้ตรวจดูให้ละเอียด เพื่อที่จะได้รู้ว่านางเป็นอวี้อาเหราคนเดียวกับก่อนหน้านั้นหรือไม่”
“แล้วผลเป็นอย่างไรเจ้าคะ” อวี้จื่อเยียนกระตือรือร้นขึ้นมาในทันที ก่อนจึงพูดอย่างสาสมใจ “ข้ายังนึกสงสัยอยู่ว่าเหตุใดท่านแม่จึงได้หาท่านหมอมาตรวจอาการนาง ที่แท้ก็มีแผนเช่นนี้เอง ก่อนหน้านี้ก็ยังคิดอยู่ว่าอวี้อาเหรานั้นไม่ค่อยปกตินัก หรือว่าจะมีคนอื่นปลอมตัวมา?”
“เจ้าก็ไม่ได้ยินที่ท่านหมอผู้นั้นพูดหรืออย่างไร” อนุรองกัดฟันแน่น เดิมทีนางอยากจะอาศัยโอกาสนี้เพื่อตรวจดูให้แน่ชัดว่าเหตุใดอวี้อาเหราถึงได้มีท่าทเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ แต่กลับตรวจไม่พบร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อย ช่างน่าเสียดายนักเชียว
“หา!” อวี้จื่อเยียนตกใจเป็นอย่างมาก ความพึงพอใจที่เคยมีหายไปจนหมด แล้วจึงเอ่ยปากพูดว่า “ท่านแม่ก็เหลือเกิน ในเมื่อตรวจไม่พบก็ให้ลูกดึงมือนางออกาดูก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เห็นจะต้องอ้อมค้อมถึงเพียงนี้เลยนี่?”
“เจ้านี่ก็ช่างโง่เง่านัก!” อนุรองตบหน้าผากอวี้จื่อเยียนอย่างแรง “หากเจ้าดึงมือของนางออกมาดูซึ่งๆ หน้า หากนางไปฟ้องเสด็จพ่อของเจ้าแล้วจะทำอย่างไรกันเล่า หรือเจ้าก็อยากจะไปอยู่ที่หนานย่วนอีก?”
“ไม่เอาเจ้าค่ะ” อวี้จื่อเยียนรีบส่ายหน้าในทันที ลูบหน้าผากที่ถูกตีจนเจ็บ “ลูกจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านแม่หาท่านหมอมาเพื่อตรวจดูคามผิดปกติของนาง!”
“เจ้าไม่รู้ แต่นางกลับมองแผนการของท่านแม่ของเจ้าอย่างทะลุปรุโปร่งเสียแล้ว!”
ตอนที่ 276 โง่งมจนเกินทน
อนุรองมองลูกสาวของตัวเองแล้วเกิดรู้สึกรำคาญใจขึ้นมา เหตุใดอวี้อาเหราจึงได้ฉลาดเฉลียว แต่ลูกสาวของนางกลับโง่เขลาเสียจนเกินทนเช่นนี้เล่า! นิสัยช่างไม่เหมือนกับนางเลยแม้แต่นิดเดียว…
อวี้จื่อเยียนก้มหน้าลง เมื่อถูกดุว่าสั่งสอนเสียจนน่าสงสาร ในใจก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นอวี้อาเหรามากยิ่งขึ้น เงยหน้าขึ้นมองอนุรอง แล้วเปลี่ยนเรื่องพูด “ท่านแม่ เมื่อครู่นี้อวี้อาเหราพูดอะไรกับท่านกัน เหตุใดท่านจึงมีทีท่าแปลกๆ เจ้าคะ”
“นางกำลังกล่าวเตือนข้า” อนุรองเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเรียบๆ
อวี้จื่อเยียนไม่พูดอะไรอีก เพราะกลัวว่าอนุรองจะโกรธแล้วมาลงที่ตน ในใจของนางก็เกิดไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากอวี้อาเหรากล้าที่จะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ แล้วเสด็จพ่อทรงทราบก็คงไม่ปล่อยนางไว้แน่ๆ เพราะอย่างนั้นเดิมทีก็ไม่ต้องกังวลใจเลยแม้แต่น้อย
แต่นางกลับลืมไปเสียว่า แผนการใดๆ ก็สามารถกระทำจนสำเร็จได้อย่างไม่มีใครล่วงรู้ ความคิดของนางนั้นก็ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
สองแม่ลูกค่อยๆ เดินห่างออกไปไกล จนลับหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
อวี้อาเหรานั่งลงดื่มน้ำชาบนเก้าอี้ ออกคำสั่งแก่เมี่ยวอวี้ว่า “ไปหยิบเงินรางวัลมาให้มากๆ หน่อย แล้วส่งท่านผู้เฒ่าผู้นี้กลับไปด้วย”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
“ขอพระคุณคุณหนูรอง”
เมื่อได้ยินเรื่องเงินรางวัล ใบหน้าทุกข์ทนของหมอชราก็สว่างไสวขึ้นมาทันที เมื่อเมี่ยวอวี้ส่งเงินให้ ซึ่งจำนวนมากมายกว่าที่อนุรองมอบให้นักเป็นหลายเท่าตัว ก็คิดว่าช่างโชคดีนักที่ตัวเขาเองไม่ได้พูดอะไรส่งเดชออกไป มิเช่นนั้นแล้วคงจะไม่ได้เงินมากมายถึงเพียงนี้ หรือแม้แต่ชีวิตก็คงไม่เหลือรอดกลับมาเป็นแน่
หลังจากเห็นว่าเงาร่างของทั้งสองหายไปแล้ว เจาเอ๋อร์ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้า “คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดเมื่อครู่นี้บ่าวถึงได้รู้สึกว่าท่าทีของอนุรอง อีกทั้งหมอชราผู้นั้นถึงได้ดูแปลกๆ”
“เจ้าก็มองออกด้วยหรือ” อวี้อาเหราหันกลับมามองอย่างคาดไม่ถึง เจาเอ๋อร์กลายเป็นคนฉลาดเฉลียวตั้งแต่เมื่อใดกัน ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะพูดจาอธิบายเรื่องต่างๆ ให้นางฟังอย่างไร ก็ไม่แน่ว่านางจะเข้าใจทันที แต่เหตุใดตอนนี้กลับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ
“แน่นอนสิเจ้าคะ บ่าวอยู่กับคุณหนูมานานถึงเพียงนี้ เมื่อก่อนคุณหนูยังสับสบ บ่าวก็สับสนตามไปด้วย แต่ตอนนี้บ่าวก็ได้เรียนรู้จากคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์พูดขึ้นโดยไม่ลืมที่จะยกยออวี้อาเหรา แล้วจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “คุณหนู ท่านบอกบ่าวมาเถิดเจ้าค่ะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มิเช่นนั้นหากเมี่ยวอวี้กลับมาแล้วคงไม่อาจพูดอะไรได้”
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอก” ท่าทีของอวี้อาเหราเรียบเฉยอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริงนางก็ไม่ใคร่จะยินดีนัก อีกด้านหนึ่งนางก็ไม่อยากจะให้เจาเอ๋อร์รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เจาเอ๋อร์นั้นเติบโตเคียงคู่มากับเจ้านาย และรู้จักร่างนี้ดีกว่าผู้ใด เพื่อไม่ให้เกิดข้อสงสัยอะไรจึงไม่ควรจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก
ตอนนี้ แม้แต่อนุรองก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้ว ความลับที่ปกปิดมายาวนาน สักวันหนึ่งคงไม่อาจอำพรางได้อีกต่อไป
หากสามารถถ่วงเวลาได้ก็ควรทำ เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยหาทางเลี่ยงให้หลุดพ้นจากเรื่องนี้ แต่เรื่องที่น่ายินดีเพียงเรื่องเดียวก็คือ หากสามารถอยู่ห่างจากสถานะนี้ได้ก็เท่ากับอยู่ห่างจากความขัดแย้งของเรือนหลัง ตัวนางก็คงจะมีอิสระมากขึ้น
แต่หากเจ้าของร่างกลับมาจริงๆ และนางยังคงอ่อนแออยู่เช่นเดิม คาดว่าคงได้ถูกรังแกอีกเป็นแน่
แต่ว่านี่ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางเสียหน่อย
เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วอวี้อาเหราก็รู้สึกเหนื่อยใจ ออกคำสั่งกับเจาเอ๋อร์ว่า “ข้าง่วงแล้ว ของีบเสียหน่อยเถิด อีกสักพักเจ้าค่อยปลุกข้าก็แล้วกัน ข้ากลัวว่านอนมากไปเดี๋ยวตกกลางคืนจะนอนไม่หลับ พอพรุ่งนี้ก็จะตื่นไม่ไหว”
“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ไม่ได้ว่าอะไร คุณหนูของนางนั้นขี้เกียจมาแต่ไหนแต่ไร แต่พอเป็นเรื่องที่จะไปยังทิศตะวันตกของเมืองกลับกระตือรือร้นขึ้นมา
ผ่านไปชั่วพริบตาก็มาถึงเช้าของวันถัดมา ฟ้ายังไม่ทันสาง อวี้อาเหราก็ตื่นขึ้นมาแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวภายในห้อง เจาเอ๋อร์และเมี่ยวอวี้ก็เข้าไปในห้องพร้อมๆ กัน
“คุณหนูมีอะไรจะรับสั่งหรือเจ้าคะ”