ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 285-286
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 285 ฆ่าคนเพื่อชดใช้ / ตอนที่ 286 กินข้าวด้วยกัน
ตอนที่ 285 ฆ่าคนเพื่อชดใช้
“แต่เจ้ากำลังฆ่าคนเพื่อชดใช้ เจ้ากำลังทำผิดกฎแคว้น!” หลงจู๊ถลึงตามองนางด้วยความไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“หึ” อวี้อาเหราแย้มยิ้มอย่างอำมหิต สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย “อยู่ที่นี่ ตัวข้าเองถือเป็นกฎแคว้น!”
“…” เพราะคำขู่ของนาง ทำให้หลงจู๊เกิดขาสั่นขึ้นมา แล้วกอดทองเอาไว้อย่างนิ่งงัน
“ทำลายมันเสีย” อวี้อาเหราพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
“ขอรับ / เจ้าค่ะ!” ชิงอวิ๋นและเจาเอ๋อร์ตอบรับเสียงสดใส และกำลังเตรียมตัวจะเผาสิ่งต่างๆ ภายในร้าน
ในเวลานี้เองหลงจู๊ก็รีบวิ่งมาหาอวี้อาเหรา แต่กลับถูกต้าเว่ยกันเอาไว้ สายตาเห็นว่าอวี้อาเหรากำลังเดินห่างออกไปเรื่อยๆ และไฟยังเริ่มที่จะลุกลามเล็กน้อย เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะลุกไหม้ตัวเขาที่กำลังกอดทองเอาไว้อยู่แน่ๆ เพียงแค่คิดก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว
ตอนนี้เองเขาถึงได้เห็นความน่ากลัวของอวี้อาเหราเข้าเสียแล้ว
แน่นอนว่านางย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่ หากเป็นคนธรรมดาจริง ไหนเลยจะกล้าทำลายร้านแล้วสั่งฆ่าคนได้?
เมื่อเห็นดังนี้ก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น “ขอให้คุณหนูโปรดอภัยด้วย ข้าไม่ต้องการทองพวกนี้แล้ว จะรีบเตรียมห้องดีๆ เอาไว้ให้คุณหนูพัก ไม่ขอเก็บเงินแม้เต่แดงเดียว ขอให้คุณหนูโปรดไว้ชีวิตด้วย เอาทองไปเถิด แล้วเอาใบจำนองที่คืนมาให้ข้าเถิด!”
“เหตุใดข้าต้องคืนให้เจ้า” อวี้อาเหราใช้คำถามเมื่อครู่นี้ย้อนถามเขา
หลงจู๊โขกศีรษะลง “เป็นเพราะข้าผิดเอง ขอให้คุณหนูโปรดอภัยด้วย หากยังไม่หายโกรธ ข้าจะมอบของที่อยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ทั้งหมอให้คุณหนู ข้าจะขอเป็นม้าเป็นวัวให้คุณหนูทั้งชาติ ขอเพียงคุณหนูโปรดไว้ชีวิตข้าสักครั้ง ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว”
“ยังจะมีครั้งต่อไปอีกหรือ” อวี้อาเหราหรี่ตาลง เผยให้เห็นถึงความอันตราย
“ไม่มีแล้วขอรับ!” หลงจู๊รีบส่ายหน้า
อวี้อาเหราได้ยินแล้ว เช่นนั้นก็ค่อยหันไปมองชิงอวิ๋น “ทำตามที่หลงจู๊บอกเถิด ตอนนี้ข้าหิวแล้ว ไม่นึกอยากฆ่าคน”
“ขอรับ!” ชิงอวิ๋นตอบอย่างแข็งขัน แล้วรับเอาทองจากหลงจู๊คืนมา หัวเราะเสียงเย็น “ดูซิ เจ้าจะยังกล้าพูดอะไรส่งเดชอีกหรือไม่”
“นายท่านไว้ชีวิตด้วย ข้าไม่กล้าแล้ว” หลงจู๊รีบส่ายหน้า
อวี้อาเหราทำเช่นนี้ก็เป็นการบีบบังคับหลงจู๊ให้จนมุม จนไม่กล้าที่จะดูถูกนางอีก
เจาเอ๋อร์สั่งกับหลงจู๊ว่า “คุณหนูของข้าหิวแล้ว เตรียมอาหารเสร็จแล้วก็ยกเข้ามาในห้อง”
“ขอรับๆๆ” หลงจู๊รีบตอบรับในทันที แต่กลับมองไปยังเปลวไฟที่กำลังลุกลามขึ้นเรื่อยๆ
อวี้อาเหราเข้าใจความหมายของเขาในทันที ออกคำสั่งกับต้าเว่ย “ดับไฟเสีย”
เจาเอ๋อร์เห็นหลงจู๊ยังคงชักช้า จึงพูดออกไปทันทีว่า “ยืนนิ่งทำไมอีก ยังไม่พาคุณหนูไปที่ห้องพักชั้นหนึ่งอีกหรือ”
“อ้อ ข้าจะนำทางเองขอรับ” หลงจู๊ถูกนางดุว่า เช่นนั้นจึงรีบพยักหน้าแล้วขยับตัว “คุณหนู เชิญตามข้ามาขอรับ”
“อืม” อวี้อาเหราเดินตามหลังของหลงจู๊ไปยังห้องด้านบน หลังจากผ่านเหตุการณ์น่าตื่นกลัวเมื่อครู่ หลงจู๊ก็ไม่กล้าแสดงท่าทีโกรธขึ้งอะไรอีก แม้แต่พูดจาก็ยังไม่กล้าที่จะส่งเสียงดัง กลัวว่าจะมีคนเอาไฟมาเผาร้านและเผาตัวเขาเอง ครั้งนี้ยังนับว่าโชคดีนัก แม้ว่าจะไม่ได้เงินเลย แต่ก็ยังสามารถรักษาชีวิตของคนทั้งบ้านเอาไว้ได้
ไม่กล้าที่จะเผยความทุกข์ตรมให้เห็นบนใบหน้า ทำเพียงยิ้มแย้มด้วยความฝืดเฝื่อน
เมื่อมาถึงห้องพักชั้นหนึ่ง แม้ว่าจะไม่อาจเทียบกับจวนหลิงอ๋องได้ แต่ก็ยังดีกว่าและอยู่สบายกว่าโรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่อยู่ภายนอกป่ารกร้างมาก ยามนี้อวี้อาเหราไม่เลือกมากแล้ว พูดกับหลงจู๊ว่า “เจ้าลงไปเถิด ไม่ต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับใช้ข้าหรอก อีกสักพักก็เตรียมเหล้าและอาหารมาหน่อย คนของข้ายังไม่ได้ทานอาหารเลย”
“ขอรับ ข้าขอลา” หลงจู๊รีบเดินจากไปราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง
เจาเอ๋อร์รู้สึกขันยิ่งนัก “เป็นเพราะคุณหนูฉลาด สามารถวางแผนสั่งสอนหลงจู๊ได้เยี่ยมยอดนัก ดูเอาเถิดว่าเขาจะยังกล้าทำตัวกร่างอีกหรือไม่!”
ตอนที่ 286 กินข้าวด้วยกัน
“หากยังกล้าทำตัวกร่างอีก ก็คงจะไม่อยากมีชีวิตรอดแล้วกระมัง” น้ำเสียงของอวี้อาเหราเรียบเฉย เงยหน้าขึ้นมองไปทั่วบริเวณ ไม่มีเสียงพูดคุย ทั่วทุกสรรพสิ่งล้วนเงียบงัน ไม่ไกลนักมีหน้าต่างกันลม มีคนเดินอยู่ด้านนอกเล็กน้อย เมื่อเปรียบกับเมืองที่เจริญแล้วนั้น นี่ก็ไม่อาจเทียบกันได้เลย
เจาเอ๋อร์เห็นนางกำลังจมอยู่ในความคิด ก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยวาจาขึ้นขัด
อวี้อาเหราได้สติกลับมา ก็มองไปยังเจาเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลัง แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “พวกต้าเว่ยเล่า”
“คุณหนูลืมแล้วหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ตอบ “เมื่อครู่ท่านบอกให้พวกเขาไปดับไฟนี่เจ้าคะ โชคดีที่เมื่อครู่นี้เป็นเพียงการสั่งสอนเถ้าแก่เท่านั้น มิเช่นนั้นคงจะโดนเผาไหม้ไปจนหมด เมื่อเห็นท่าทีของเถ้าแก่เป็นเช่นนั้นบ่าวก็อยากจะหัวเราะยิ่งนัก นี่ก็สมควรแล้ว!”
มุมปากของอวี้อาเหราเผยให้เห็นรอยยิ้มบาง “ได้รับบทเรียนก็ดีแล้ว เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพียงหญิงที่อ่อนแอจนถูกรังแกได้ง่ายๆ หรืออย่างไรกัน ”
“แน่นอนว่าไม่ใช่เจ้าค่ะ ยามนี้คุณหนูก็ช่างเข้มแข็งยิ่งนัก” เจาเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างเอาอกเอาใจ
อวี้อาเหราไม่สนใจคำยกยอของนาง “ข้าขอพักสักหน่อย อีกสักครู่หากพวกต้าเว่ยดับไฟแล้วก็บอกให้พวกเขามาทานข้าวเถิด สองวันมานี้ทุกคนเหนื่อยมามากแล้ว ควรจะต้องกินอาหารดีๆ เสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวจะบอกพวกเขาเองเจ้าค่ะ” เขาเอ๋อร์เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ “แต่คุณหนูเจ้าคะ ท่านพกทองสองแท่งนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เหตุใดบ่าวไม่เห็นเลย”
“หยิบออกมาด้วยตอนที่ออกจากจวนน่ะ” อวี้อาเหราไอออกมา นับตั้งแต่นางโดนจวินอู๋เหินแกล้งในครั้งนั้น นางก็มักจะพกเงินติดตัวไว้เสมอ เป็นเพราะของสิ่งนี้จึงสามารถจัดการหลงจู๊ได้
“อ้อๆ บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ จำได้ว่าครั้งก่อนที่ถูกทำร้ายแล้วถุงเงินตกพื้น จนทำให้บ่าวหาตัวท่านได้พบ”
“ใช่น่ะสิ” อวี้อาเหราพยักหน้า กัดฟันแล้วพูดว่า “เกลียดก็แต่เพียคนที่ทำร้ายข้าครั้งนั้น ตอนนั้นก็ยังจับตัวไม่ได้เสียที!”
นอกจากอวิ๋นเซิ่นแล้ว ในเมืองเฟิ่งเฉิงจะยังมีหญิงใดที่มีวนยุทธ์บ้างนะ
หากเพียงจุดนี้ นางก็คิดไม่ออกเสียจริงๆ
พักผ่อนไปครึ่งวัน เพียงพริบตาฟ้าก็มืดมิดลง คนทั้งหมดทานอาหารจนหมดแล้ว แต่กลับยังไม่ได้ไปตลาดมืด ภายในสองวันมานี้นางก็เหนื่อยยิ่งนัก เอาไว้วันหน้าเรื่องนี้ค่อยว่ากันเถิด
เช้าวันถัดมา อวี้อาเหราก็ลงไปกินอาหารเช้าด้านล่าง พวกต้าเว่ยตื่นแต่เช้าแล้ว กำลังนั่งล้อมโต๊ะเพื่อทานอาหาร บรรยากาศครึกครื้นยิ่งนัก จนกระทั่งนางเดินมาจนถึงโต๊ะ เสียงพูดคุยต่างๆ ก็ค่อยๆ เงียบลง หลายคนต่างยืนขึ้นทำความเคารพนาง
“ข้าน้อยคารวะคุณหนู”
“ลุกขึ้นเถิด”
อวี้อาเหราไม่พูดอะไร สายตากลับไปมองหลงจู๊ “ยกอาหารเข้ามา”
เมื่อหลงจู๊ได้ยินดังนั้น ท่าทีก็เปลี่ยนไปเป็นกระวนกระวายขึ้นมา ไม่พูดอะไรขณะที่ยกอาหารเข้ามาให้นาง จากนั้นก็เช็ดโต๊ะอย่างพิถีพิถัน แล้วจึงค่อยยืนขึ้นพร้อมทั้งก้มหน้าลง “เชิญคุณหนูทานได้ขอรับ”
อวี้อาเหรามองไปทางต้าเว่ย “พวกเจ้ามัวยืนทำอะไรกัน ไม่ต้องสนใจข้า นั่งลงแล้วกินต่อเถิด”
“ขอรับ” หลายคนเหล่านั้นนั่งลง แต่ว่าบรรยากาศกลับเปลี่ยนไปเป็นเงียบสนิทเช่นเดิม
อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น “หากพวกเจ้ายังเป็นเช่นนี้อีก ข้าก็คงไม่นั่งตรงนี้เพื่อรบกวนพวกเจ้าแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าน้อยขอตัว” ต้าเว่ยเงยหน้าขึ้นแล้วพูด
“นั่งลงแล้วกินกันให้หมด หลังจากนี้ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก” อวี้อาเหราหมดคำจะพูด เจ้าพวกหัวขี้เลื่อยเหล่านี้ก็ไม่เข้าใจความหมายของนางเอาเสียเลย จึงพูดขึ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดว่า “จริงสิ ตั้งแต่เช้าข้ายังไม่เจอเจาเอ๋อร์เลย นางหายไปไหนกัน”