ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 289-290
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 289 หญิงร่างท้วม / ตอนที่ 290 ปิ่นรูปหงส์
ตอนที่ 289 หญิงร่างท้วม
“เหล่าโจรปล้นชิงมันกำเริบเสิบสาน จนถึงขนาดทำให้พื้นที่ค้าขายกลายเป็นสถานที่รกร้าง ถ้าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ที่นี่ก็คงจะไม่จบสิ้นกันหรือเจ้าคะ”เจาเอ๋อร์มองไปยังท้องฟ้าสีเทา
“หลงจู๊ก็บอกแล้วมิใช่หรือว่าจำต้องรอนายท่านที่อยู่เบื้องหลังของตลาดมืดผู้นั้นกลับมาจัดการ” ชิงอวิ๋นพูดสอดขึ้นมา
“แม้ว่าจะกล่าวเช่นนั้น แต่ใครกันจะรู้เล่าว่านายท่านผู้นั้นจะกลับมาเมื่อใด” เจาเอ๋อร์เลิกคิ้ว
ที่พูดมาก็ไม่ผิด อวี้อาเหราสวมหน้ากากลงบนใบหน้า ก่อนจัดทรงผมที่ถูกลมพัดเสียจนยุ่งเหยิงให้เป็นระเบียบ แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใคร่ใส่ใจนัก ใช้สายตากวาดมองคนเหล่านี้ “เรื่องพวกนี้เราจะไม่เข้าไปยุ่ง และก็คงไร้หนทางที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว ทุกที่ล้วนมีกฎของตัวเอง ตอนนี้เราก็เข้าไปด้านในกันเถิด เตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
“เจ้าค่ะ / ขอรับ น้อมรับคำสอนของคุณหนู” ชิงอวิ๋นและเจาเอ๋อร์ก้มหน้าลง
คนเหล่านี้เดินเข้าไปด้านใน เมื่อเดินผ่านถนนบนภูเขาแล้วก็ได้พบกับอาคารเก่าแก่หลังหนึ่ง แต่บนถนนนั้นก็เงียบเชียบอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงแผงลอยจำนวนหนึ่งที่ยังเปิดอยู่สองข้างทาง เมื่อกวาดตามองไปก็มีแต่ของที่ไม่คู่ควรกับเงินทั้งนั้น คนขายของเหล่านั้นล้วนแล้วแต่สวมหน้ากากสีดำเหมือนกันไปหมด เหลือไว้ให้เห็นแต่เพียงดวงตาสองข้าง
เป็นเพราะสิ่งของนั้นดูไม่คุ้มราคา อีกทั้งดูไม่น่าสนใจ
จึงไม่มีใครอยากจะซื้อ
เมื่อเดินผ่านถนนหลายเส้น มีเพียงเสียงจากคนค้าขาย ไม่มีลูกค้าเลยสักคนเดียว
อวี้อาเหราลูบกำไลหยกเลือดที่อยู่ในแขนเสื้อของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ แล้วหันไปพูดกับต้าเว่ยว่า “พวกเจ้าเอาแต่เดินตามข้าเช่นนี้ นี่ก็ดึงดูดความสนใจจนเกินไป จะทำให้เป็นเป้าสนใจของพวกโจรได้ง่าย เอาเช่นนี้แล้วกัน พวกเจ้ากระจายตัวออกไปเถิด ส่วนเจาเอ๋อร์ เจ้าไปกับข้า ชิงอวิ๋นก็เดินตามมาก็แล้วกัน”
เจาเอ๋อร์อ้าปากเตรียมจะปฏิเสธ แต่กลับถูกอวี้อาเหราดึงตัวเอาไว้ ทั้งสองคนที่ดูเหมือนพี่สาวน้องสาวก็พากันเดินไปข้างหน้าต่อ
ชิงอวิ๋นเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ มองคนที่อยู่รอบๆ ด้วยสีหน้าระแวดระวัง
ส่วนพวกของต้าเว่ยก็กระจายกันไปคุ้มกันในที่ต่างๆ
เดินไปเดินมา ก็มีหญิงวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนก็เดินยักย้ายส่ายสะโพกเข้ามา ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางเสียจนทำให้อวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์อยากจะหัวเราะ นางแล้วยืนขวางพวกนางเอาไว้ “แม่นางทั้งสองต้องการอะไรหรือ ทั้งของหายาก สวยงาม และสนุกๆ ก็ล้วนแต่มีทั้งนั้น ลองเข้ามาดูก่อนสิ”
ขณะที่พูดนั้นในมือก็โบกพัดไปด้วย จนแทบจะโบกพัดเป็นจังหวะเดียวกับเสียงที่เอ่ยพูด
อวี้อาเหราปิดจมูก “ไม่เอาล่ะ”
นางได้กลิ่นน้ำหอมฉุนจมูกก็รู้สึกอดรนทนไม่ได้ เอาแต่คิดว่าทำไมคนเราจึงต้องเอาน้ำหอมมาอาบเสียจนเหมือนศพเช่นนี้ ทั้งไม่งดงามและยังไร้รสนิยม ทั้งแก้มทั้งสองข้างยังแดงระเรื่อ ราวกับโดนคนกัดมา เครื่องประดับบนศีรษะก็ดูอลังการจนเกินไป ทั้งเงินทั้งทองเต็มศีรษะไปหมด
“โอ้ แม่นางผู้นี้ เจ้าอย่าได้ดูถูกข้าแซ่เซียวเช่นนี้เลย พูดตามตรงนะ ในตลาดมืดแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดที่มีของที่แปลกประหลาดมากไปกว่าข้าอีกแล้ว” แม่นางเซียวเห็นดังนั้นสองมือของนางก็เท้าสะเอว แล้วพูดออกไปเป็นน้ำไหลไฟดับ
ที่จริงแล้ว เพราะนางอ้วนเกินไปก็เท่านั้นเอง
อวี้อาเหรารู้สึกน่าขันเป็นอย่างมาก “เจ้ายังจะกล้าพูดอีกหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เหตุใดจะไม่กล้าพูดเรื่องจริงกันเล่า” แม่นางเซียวพึงพอยิ่งนัก
อวี้อาเหรานิ่งเงียบไป “ถ้าเช่นนั้นข้าจะลองตามเจ้าเข้าไปดูเสียหน่อยแล้วกัน”
“ตกลง เชิญแม่นางทั้งสองด้านนี้” เมื่อเห็นนางตอบออกมาเช่นนี้ แม่เซียวก็พลันยิ้มไม่หุบ รีบเบี่ยงร่างเปิดทางให้อวี้อาเหราเข้าไปทันที เพราะกลัวว่านางจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
เจาเอ๋อร์ลากอวี้อาเหราที่กำลังเตรียมตัวจะเข้าไปในร้าน กระซิบเสียงเบาๆ ว่า “บ่าวก็รู้สึกว่าแม่นางเซียวคนนี้แปลกยิ่งนัก พวกเราอย่าเข้าไปเลยนะเจ้าคะ”
ตอนที่ 290 ปิ่นรูปหงส์
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งต้องเข้าไปดู” อวี้อาเหรามีท่าทีสนใจใคร่รู้ ไม่ว่านี่จะเป็นกับดักหรือไม่ อย่างไรนางก็ไม่อาจละทิ้งเบาะแสเกี่ยวกับหยกเลือดได้ นี่ก็ไม่แน่ว่าหญิงร่างท้วมผู้นี้อาจจะรู้จัก หรือไม่ก็อาจจะได้ข่าวคราวของนักพรตชราผู้นั้นก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้นนางเห็นว่าคนผู้นี้ไม่ได้สวมใส่หน้ากาก เปิดเผยหน้าตาต่อธารกำนัล แต่กลับไม่ได้ถูกโยนตัวออกไป ไม่เพียงเท่านั้นนางยังสามารถเปิดร้านในตลาดมืดได้อีก ดูแล้วนางก็น่าจะเป็นคนที่มีอะไรบางอย่างเป็นแน่ เพราะอย่างนั้นนางก็ยิ่งอยากจะรู้ว่าแม่นางเซียวผู้นี้รู้อะไรเกี่ยวกับหยกเลือดหรือไม่
เจาเอ๋อร์เห็นนางแน่ใจเช่นนี้ก็ไม่ได้โน้มน้าวอะไรอีก ทำได้แต่เพียงเดินเข้าไปในร้านของแม่นางเซียวกับอวี้อาเหรา
แม่นางเซียวเลิกม่านขึ้น ก่อนจะยกเอาถาดใส่อัญมณีออกมาวางตรงหน้าของพวกนาง หัวเราะน้อยๆ แล้วโบกพัดไปมา “แม่นางทั้งสองมาดูเถิด แม้แต่ในเฟิ่งเฉิงเองก็ยังหาของเช่นนี้ไม่ได้ วันนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีวาสนา ก็คงจะไม่มีโอกาสได้เห็นของล้ำค่าของข้าแซ่เซียวหรอกนะ”
“ให้ข้าดูก่อนแล้วค่อยพูดเถิด” อวี้อาเหราพลิกของในถาดไปมา แม้ว่าจะบอกว่าเป็นหยกเนื้อดี แต่อย่างไรนางก็เป็นธิดาเอกของจวนหลิงอ๋อง จะไม่เคยเห็นของดีๆ เช่นนี้เชียวหรือ? ของเล่นเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย นี่ก็ไม่ต้องพูดถึงกำไลข้อมือหยกเลือดบนข้อมือ ซึ่งไม่รู้ว่านั่นเป็นของดีกว่าของเล่นเหล่านี้ตั้งไม่รู้กี่เท่า
เจาเอ๋อร์แสร้งทำทีเป็นเมียงมองเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าของพวกนี้ก็ไม่เข้าตานางเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
แม่นางเซียวเอ่ยถามขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางทั้งสองท่านพอจะชอบหรือไม่”
“ของเหล่านี้แม้จะบอกว่าไม่เลวนัก แต่พวกเราคงใช้ไม่ได้หรอก” อวี้อาเหราส่ายหน้า แล้วหรี่ตามองไปยังรอบๆ ร้านค้าเล็กๆ แห่งนี้ จากนั้นก็ถอนสายตากลับมา “ในเมื่อไม่มีอะไรให้ดูแล้ว เช่นนั้นก็คงต้องขอลาก่อน”
นางที่กำลังเตรียมตัวจะเดินออกไป ทว่าแม่นางเซียวก็ร้องเรียกพวกนางทั้งสองคนเอาไว้ “แม่นางทั้งสอง ช้าก่อน ที่จริงแล้วข้ายังมีของดีที่เก็บซ่อนเอาไว้อยู่ สายตาของแม่นางทั้งสองช่างสูงส่งนัก ของธรรมดาเช่นนี้คงจะไม่เข้าตาเท่าไร ขอให้รอสักหน่อยเถิด ข้าจะเอาของล้ำค่าก้น**บออกมาให้ท่านทั้งสองชื่นชม”
“ของล้ำค่าก้น**บหรือ” อวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์นิ่งไป
เถ้าแก่เซียวพยักหน้า
“ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถิด เจ้าไปเอาของมาให้ข้าดูหน่อยเถิด” อวี้อาเหรานั่งลงอย่างอดใจรอ เมื่อเห็นท่าทีของแม่นางซียวแล้วก็รู้สึกว่านางคงจะมีของดีจริงๆ
หลังจากที่แม่นางเซียวเข้าไปในห้องสักพัก นางก็หยิบ**บไม้จันทร์สวยงามออกมา นางอุ้มของล้ำค่าเอาไว้แนบอกราวกับจะกลัวว่ามันจะหลุดจากมือไป เมื่อเห็นท่าทีระมัดระวังของนางแล้ว สายตาของอวี้อาเหราก็เริ่มฉายแววจริงจังขึ้นมาทันที
เห็นเถ้าแก่เซียวค่อยๆ เปิด**บไม้ออกมา ด้านในเป็นกล่องหุ้มผ้างดงาม นางค่อยๆ ถือกล่องหุ้มผ้าขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วจึงนำมาวางไว้ตรงหน้าของอวี้อาเหรา “เชิญแม่นางทั้งสองดูเอาเองเถิด”
อวี้อาเหราและเจาเอ๋อร์มองหน้าสบตากัน ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่
หลังจากที่เปิดกล่องไม้บุผ้าออกแล้ว ดวงตาของทั้งสองนางก็ส่องประกายขึ้นมาในทันที ที่แท้ ด้านในของกล่องบุผ้าก็เป็นปิ่นรูปหงส์ทะยานฟ้า เครื่องประดับงดงามทีปีกเจ็ดสี ส่วนอื่นๆ ใช้ทองคำหล่อขึ้น
ปิ่นปักผมชิ้นนี้ช่างงดงามไม่อาจประเมินราคาได้ อีกทั้งงานแกะสลักยังดูงดงามราวกับมีชีวิต เสมือนกับเป็นหงส์กางปีกที่โผบินไปสู่ท้องฟ้ากว้าง ดูงดงามจับตา ใครเห็นก็คงไม่อาจดูถูกความงดงามส่องประกายของของชิ้นนี้ ฝีมือแกะสลักก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าฝีมือช่างในปัจจุบัน ทั้งยังงดงามเกินคำบรรยาย