ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 291-292
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 291 เท่าไร / ตอนที่ 292 ประหารเก้าชั่วโคตร
ตอนที่ 291 เท่าไร
ราวกับว่าเพียงแค่จ้องมอง ตัวหงส์นี้ก็สามารถที่จะโผบินได้อย่างแท้จริง ร่างกายก็ตกอยู่ในอาณัติของมันอย่างไม่มีทางเลือก โลกนี้มีปิ่นหยกมากมายนับไม่หวาดไม่ไหว แต่มีเพียงปิ่นหยกชิ้นนี้เท่านั้นที่ราวกับรวบรวมความงามทั้งหมดเอาไว้ จนทำให้สรรพสิ่งต่างๆ หม่นหมองเมื่ออยู่ตรงหน้ามัน
อวี้อาเหรานั่งจ้องมองมันอย่างประหลาดใจเป็นเวลานาน นางรู้สึกคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเคยพบเห็นมันมาก่อน แต่เมื่อนางลองค้นหาความทรงจำที่หลบซ่อนอยู่ในสมองแล้ว ก็ไม่พบสิ่งใดที่เชื่อมโยงกับของสิ่งนี้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเคยพบมาก่อน
“งดงามมาก…” แม้แต่เจาเอ๋อร์เองก็ยังอดไม่ได้ที่จะออกปากชื่นชม
อวี้อาเหราชะงักไป เมื่อคิดที่จะยื่นมือออกไปจับ กล่องบุผ้าก็ถูกปิดลงทันที ใบหน้าขาวซีดของแม่นางเซียวก็พลันเผยรอยยิ้มล้ำลึกออกมาให้เห็น “ไม่ทราบว่าแม่นางพึงพอใจในปิ่นหยกชิ้นนี้หรือไม่ แต่นี่เป็นสมบัติล้ำค่าของร้านเรา หากแม่นางสนใจจริง พวกเราก็มาพูดคุยกันอย่างละเอียดเสียหน่อยเถิด มิเช่นนั้นของสูงส่งเช่นนี้อาจจะแปดเปื้อนสิ่งคาวโลกีย์ได้”
“แน่นอนว่าสนใจ” อวี้อาเหราเข้าใจความหมายที่นางจะสื่อทันที นางหยิบทองที่อยู่ในอกออกมา “นี่น่าจะเพียงพอต่อความจริงใจของข้าหรือไม่”
“แม่นางช่างใจกว้างยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าท่านย่อมเป็นคนจริงใจ” ดวงตาของแม่นางเซียวเป็นประกาย ภายในดวงตาเผยให้เห็นประกายระยิบระยับ นางมีใบหน้ากลมรูปร่างอ้วนท้วน แต่ดวงตาทั้งสองกลับฉายประกายเจ้าเล่ห์อย่างประหลาด ในขณะที่ยื่นมือออกไปจะรับทองจากมือของอวี้อาเหรา แต่มือของนางก็กลับหดกลับไป
อวี้อาเหรามองนาง “แม่นางเซียว อย่าได้ลืมเสียว่า เมื่อของมาแล้วเงินถึงไป”
“ดูความจำของข้าสิ” แม่นางเซียวตบหน้าผากเตือนสติตัวเอง แล้วมอบกล่องบุผ้าให้นาง เมื่ออวี้อาเหรารับเอามาแล้ว จึงค่อยวางทองลงในมือของแม่นางเซียว หลังจากได้รับมาแล้วนางก็ฉีกยิ้มกว้างราวบุปผาแย้มบาน “แม่นางช่างใจกว้างนัก ค่อยๆ ดูเถิด”
อวี้อาเหราพิศดูอย่างละเอียด ของชิ้นนี้นับเป็นของดีและมีราคาชิ้นหนึ่ง ไม่มีทางเป็นของปลอมเด็ดขาด แต่ว่านางก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเครื่องประดับเท่าไรนัก จึงส่งให้เจาเอ๋อร์ช่วยตรวจดู
เมื่อมองปิ่นที่อยู่ในมือเป็นเวลานาน ท่าทีของเจาเอ๋อร์ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยพึมพำเบาๆ กับนางว่า “คุณหนู ปิ่นปักผมชิ้นนี้ก็ไม่เลวเลยเจ้าค่ะ งานฝีมือดีมาก หากซื้อมาแล้วรับรองว่าไม่มีขาดทุน แต่พูดจริงๆ นะเจ้าคะ นี่ก็ช่างงดงามเหลือเกิน ไม่คิดว่าในตลาดมืดจะมีของดีๆ เช่นนี้ แม้แต่ของในเมืองเฟิ่งเฉิงก็ยังเทียบไม่ได้ บ่าวเพิ่งจะเคยเห็นปิ่นปักผมที่งดงามจนยากที่จะลืมก็ครั้งนี้เองเจ้าค่ะ!”
คำพูดของนางล้วนแล้วแต่เป็นคำชมเสียทั้งหมด
เจาเอ๋อร์อยู่กับนางมาตั้งแต่เล็ก แน่นอนว่าต้องเคยเห็นของดีๆ มานับไม่ถ้วน สามารถได้รับคำชื่นชมจากนางเช่นนี้ แน่นอนแล้วว่าปิ่นปักผมรูปหงส์นี้ก็คงจะดีจริงๆ ของธรรมดาๆ ไม่มีทางเทียบได้แน่ หากนำออกไปขาย ก็คงไม่ด้อยราคาไปกว่าหยกเลือดในมือของนางสักเท่าไหร่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว นางก็เงยหน้าขึ้น “เถ้าแก่เซียว เช่นนั้นของชิ้นนี้ของเจ้าคิดเป็นเงินเท่าไรกัน”
เถ้าแก่เซียวนิ่งเงียบไปนาน ในที่สุดจึงค่อยเอ่ยราคาออกมา “วันนี้เห็นแก่แม่นางที่มีสายตาแหลมคม มองออกว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดีเช่นนี้ อีกอย่างข้าก็อยากจะรีบๆ ขายรับๆ กลับ หากไม่ใช่ว่าอยู่ในช่วงรีบร้อนต้องใช้เงินแล้วก็คงไม่เอาของดีขนาดนี้ออกมาขายแน่ หากแม่นางต้องการแล้วล่ะก็ ข้าคิดเพียงยี่สิบตำลึงทองก็พอ!”
“ยี่สิบตำลึงทอง?” อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางก็พกมาสิบตำลึงทองเท่านั้น และเจาเอ๋อร์ยังนำมาด้วยบางส่วนเพื่อเป็นค่าเดินทาง แต่เมื่อรวมกันแล้วก็ยังไม่ถึงยี่สิบตำลึงทองอยู่ดี
ยี่สิบตำลึงทองนี้ คนธรรมดาๆ ก็สามารถกินอยู่ได้อย่างสบายไปทั้งชีวิต
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
แม่นางเซียวจึงพูดต่อไปว่า “แม่นาง เจ้ายังอยากได้อยู่หรือไม่”
ตอนที่ 292 ประหารเก้าชั่วโคตร
เมื่อเห็นอวี้อาเหราฟังด้วยความสนใจอยู่บ้าง นางก็พูดต่อไปว่า “ยี่สิบตำลึงทองนี้ก็ไม่มากเลย หากข้านำไปขายที่เมืองเฟิ่งเฉิง ก็ไม่แน่ว่าบรรดาเหล่าองค์หญิง พระสนมชายาและคุณหนูตระกูลขุนนางจะยื้อแย่งกันมากมายเพียงใด แต่ยามนี้ข้าก็จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ไม่อย่างนั้นไหนเลยจะเอามาขายถูกๆ เช่นนี้ได้ แม้ว่าจะขายในราคาสองร้อยตำลึงทองก็ย่อมมีคนจ่าย”
“เจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก” อวี้อาเหราส่ายหน้า สายตามองประเมินปิ่นหงส์ “แม้ว่าปิ่นชิ้นนี้จะถือว่าเป็นของดี แต่ด้านบนนั้นมีส่วนที่เริ่มจะเก่าอยู่บ้าง เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของใหม่ และหากจะว่าไปแล้วของชิ้นนี้ก็ดูเหมือนไม่น่าจะเป็นของที่แม่นางเซียวควรจะมีไว้ในครอบครองเลยมิใช่หรือ”
“จะ…เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร” น้ำเสียงของแม่นางเซียวพลันเปลี่ยนไปในทันที
“ของชิ้นนี้สลักเป็นรูปหงส์ คนธรรมดาที่ไหนเลยจะกล้าใช้กัน อีกอย่างเมื่อมองดูแล้วอย่างมากเจ้าก็คงเป็นเพียงคนร่ำรวยธรรมดา ของชิ้นนี้นั้นแม้ว่าจะเป็นจวนอ๋องเองก็ไม่กล้าใช้ส่งเดช แล้วเจ้าคิดว่าเจ้าจะเป็นเจ้าของได้หรืออย่างไร? หากถูกทางการตรวจสอบขึ้นมาก็คงได้โดนโทษข้อหาไม่เคารพเบื้องสูง โทษสถานเบาคือโดนจับขัง โทษสถานหนักคืออาจจะถูกฆ่าทั้งตระกูล จะให้หนักหนาเสียหน่อยก็คงจะถูกประหารเก้าชั่วโคตรกระมัง”
“…” แม่นางเซียวนิ่งงันไป จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ดูท่าแล้วแม่นางคงจะเข้าใจกฎแคว้นของต้าเยี่ยนเรามากทีเดียว แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใครกัน หากซื้อปิ่นหยกของข้าไปแล้วก็ไม่กลัวว่าจะถูกคนตามล่าเอาผิดหรืออย่างไร”
“ตลาดมืดเองก็มีกฎอยู่มิใช่หรือ หากเจ้าอยากขายข้าก็ซื้อ จะต้องถามอะไรให้มากความเล่า” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้น
“แม่นางกล่าวได้ถูกต้อง ตัวข้าแซ่เซียวเกือบจะทำลายกฎข้อนี้ไปเสียแล้วสิ”
อวี้อาเหราไม่ได้กล่าวอะไรออกมา สีหน้าที่ถูกปกปิดภายใต้หน้ากากยังคงไม่แปรเปลี่ยน “แต่ที่เจ้าบอกว่ายี่สิบตำลึงทองนั้นข้าว่ามันแพงเกินไป อีกทั้งซื้อแล้วยังต้องรับความเสี่ยงอีก นี่ก็ช่างไม่คุ้มค่ายิ่งนัก เงินนั้นก็สามารถหามาได้ ปิ่นทองคำที่ไหนก็มี แต่ทำผิดจนต้องจบชีวิตนี่น่ะสิ”
ความหมายในคำพูดของนางนั้น ก็คือไม่ต้องการจะซื้อแล้ว
แม่นางเซียวหัวเราะ “แม่นางคงจะไม่ได้คิดจะต่อราคาในตลาดมืดนี้หรอกใช่หรือไม่”
ตลาดมืดนั้นเป็นสถานที่ค้าขายอย่างเสรีมาแต่ไหนแต่ไร ไม่มีการต่อราคา เป็นกฎที่ทุกคนรู้กันดีโดยไม่ต้องตรา และโดยทั่วไปแล้วคนที่มาก็ล้วนแล้วแต่เคารพกฎข้อนี้กันทั้งนั้น
อวี้อาเหราส่ายหน้า “มิได้ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่ามันไม่คุ้มกันก็เท่านั้น ไม่ซื้อก็แล้วกันเถิด ตลาดมืดแห่งนี้ก็ไม่ได้มีกฎว่าหากไม่ซื้อก็จะมีความผิดมิใช่หรือ”
“เรื่องนี้…” แม่นางเซียวมีทีท่าว้าวุ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยฝืนยิ้มออกมา “แน่นอนว่าไม่มี”
“เจาเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถิด” อวี้อาเหราลากเจาเอ๋อร์ที่ยืนยิ่งเงียบอยู่ด้านหนึ่ง ทั้งสองเดินออกมานอกร้าน นางไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย แต่ว่าเจาเอ๋อร์นั้นยังมีท่าทีอาลัยอยู่บ้าง คุณหนูของนางเป็นถึงธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง แล้วยังเป็นว่าที่พระชายารัชทายาท และอาจจะได้เป็นฮองเฮาในอนาคต หากใช้ปิ่นรูปหงส์แล้ว ใครเลยจะกล้าว่า อีกอย่างยี่สิบตำลึงทองนี้ก็นับได้ว่าถูกมากทีเดียว อย่างไรก็ไม่ขาดทุนเป็นแน่
แต่อวี้อาเหราไม่มีท่าทีลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
ปิ่นหงส์นั้นนางชอบก็จริงอยู่ อีกทั้งยังรู้สึกว่ามันงดงามเป็นอย่างมาก แต่หากจะเอาเงินออกมาซื้อทั้งหมด แล้วจะเอาเงินที่ไหนกลับจวนกันเล่า
เมื่อแม่นางเซียวเห็นพวกนางเดินออกไปแล้ว ก็รีบร้องขึ้นว่า “แม่นาง ช้าก่อน”
“มีอะไรหรือ” อวี้อาเหราหันกลับมา
“เฮ้อ ข้าก็เห็นว่าสองวันมานี้การค้าไม่ดีจริงๆ หรอกนะ เจ้าจ่ายข้ามาสิบห้าตำลึงทองก็แล้วกัน ข้าแซ่เซียวทำการค้าในตลาดมืดแห่งนี้มาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าต่อราคา หากเป็นเมื่อก่อนข้าคงไม่ยอมเป็นแน่” แม่นางเซียวถอนหายใจ แล้วลดราคาลงมากทีเดียว
ท่าทีของอวี้อาเหรายังคงลังเล นางหันไปถามเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้านำเงินติดตัวมาเท่าไร”
“ทั้งหมดสี่ตำลึงทองเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ตอบ