ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 295-296
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 295 คุณหนูรีบหนีไป / ตอนที่ 296 ชายชรา
ตอนที่ 295 คุณหนูรีบหนีไป
หลังจากที่วาจานี้จบลง กลุ่มคนที่สวมหน้ากากจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดก็พากันกรูเข้ามาจากทางด้านนอกในทันที
อวี้อาเหราหัวเราะออกมาอย่างค่อนแคะ “พวกเจ้าก็คงจะเป็นพวกโจรที่คอยปล้นชิงคนค้าขายในตลาดมืดสินะ?”
ทุกคนต่างพากันตกใจ แม้แต่แม่นางเซียวเองก็ยังตกตะลึง เพราะคาดเดาไม่ออกเลยว่านางรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
“ไม่ใช่กระมังเจ้าคะคุณหนู ถ้าเช่นนั้นปิ่นหงส์ที่คุณหนูซื้อมาก็เป็นของปลอมหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์มองไปยังอวี้อาเหราทันที สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาหลายอารมณ์
“แน่นอนว่าปิ่นหงส์นั้นเป็นของจริง” อวี้อาเหราขมวดคิ้ว หากไม่ใช่ของจริง นางก็คงไม่ตั้งใจซื้อมาเป็นแน่ เดิมทีนางก็ไม่คิดอยากยุ่งกับพวกโจรปล้นชิงเหล่านี้ แต่ใครใช้ให้แม่นางเซียวอยากได้หยกเลือดของนางกันเล่า เพราะอย่างนั้นนางจึงต้องวางแผน เพื่อรับมือกับอีกฝ่าย!
เจาเอ๋อร์ผ่อนลมหายใจออกมา
หากต้องเสียทองสิบห้าตำลึงเพื่อของปลอม เช่นนั้นก็ขาดทุนกันพอดีน่ะซี
แม่นางเซียวเห็นว่าพวกนางกำลังพูดคุยกันอยู่ โดยไม่เห็นคนของนางอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย แผนของนางนั้นเดิมทีก็สมบูรณ์แบบ แต่กลับถูกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้ทำลายลงเสียได้ เมื่อเห็นเช่นนั้น นางก็ตะคอกเสียงดังอย่างโกรธเคือง “ลงมือ!”
คนเหล่านั้นพลันฉีกทึ้งเสื้อคลุมตัวนอกออกจนเผยให้เห็นชุดสีดำรัดรูปข้างใน ที่เอวของพวกเขาพกดาบใหญ่เอาไว้เล่มหนึ่ง พากันเล็งปลายดาบมที่อวี้อาเหราอย่างพร้อมเพรียง
ทั่วทั้งบริเวณเปลี่ยนไปเป็นสับสนอลหม่าน ต้าเว่ยเข้าปะทะกับฝ่ายตรงข้ามทันที
ในยามนี้ แม่นางเซียวก็โบกสะบัดพัดในมือ พัดนั้นแปรเปลี่ยนกลายเป็นอาวุธ เพื่อโจมตีอวี้อาเหราซึ่งๆ หน้า
ทว่าอวี้อาเหรากลับรู้ทัน “เจ้าอยากได้หยกเลือดของข้าอย่างนั้นหรือ หากมีความสามารถก็เข้ามาเอาสิ!”
นางไม่กลัวเลยว่าหยกเลือดนั้นจะถูกแย่งไป เพราะกำไลก็ถูกสวมเข้ามาที่ข้อมือของนางจนถอดไม่ออกตั้งนานแล้ว หากเถ้าแก่เซียวสามารถเอาออกไปได้นางก็จะขอบคุณเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่า…ให้นางถอดให้ได้เสียก่อนเถิด!
“คุณหนู หนีเร็วเจ้าค่ะ!” เมื่อเห็นนางยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และแม่นางเซียวนั้นกำลังจู่โจมเข้ามาในระยะประชิด เจาเอ๋อร์ก็รีบผลักนางให้หนีไป แล้วใช้ตัวเองบังตัวนางไว้ จนถูกพัดสะบัดใส่หัวไหล่
เลือดสดๆ ซ่านกระเซ็นไปทั่ว สาดรดเข้าที่ใบหน้า
“ชิงอวิ๋น คุ้มกัน!” เมื่อเห็นเจ้าเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส อวี้อาเหราก็แทบจะสูญเสียสติทันที เข็มพิษหลายเล่มร่วงหล่นจากฝ่ามือลงสู่พื้น ขาก้าวยาวๆ เข้าไปหาเจาเอ๋อร์ เมื่อเห็นเลือดของนางไหลทะลักออกมาไม่หยุด ทำอย่างไรก็หยุดไม่ได้ ดวงตาของนางก็แดงก่ำ “เจ้าโง่หรือ! คุณหนูของเจ้าจะปล่อยให้คนอื่นทำร้ายง่ายๆ ได้อย่างไร คิดว่าเข้ามาขวางเช่นนี้จะเป็นผู้กล้าหรืออย่างไร?”
ท่าทีเกินจะเยียวยาของเจาเอ๋อร์ทำให้ดวงใจเย็นชาดังน้ำแข็งของนางสั่นไหวขึ้นมา
หากเจาเอ๋อร์ไม่ได้จริงใจกับนางจริง ไหนเลยจะกล้าเสียสละชีวิตตนเองเช่นนี้เล่า
“คุณหนู…ข้าเจ็บเหลือเกิน…” เจาเอ๋อร์อ่อนระโหย ริมฝีปากค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นสีคล้ำม่วง เกรงว่านางคงจะต้องพิษเข้าให้เสียแล้ว
อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นไปมองพัดในมือของแม่นางเซียว แล้วรีบตะคอกขึ้นว่า “ชิงอวิ๋น เจ้าระวังด้วย พัดของนางมีพิษ จะต้องเอายาถอนพิษจากนางมาให้ได้!”
แน่นอนว่านางจะต้องมีสิ่งที่เอาไว้ป้องกันตัว แต่กลับไม่คาดคิดว่าพัดของนางจะมีพิษ ซึ่งทำให้นางไม่ทันได้ระวังตัว แผ่นหลังของนางรู้สึกเย็นเยียบ หากเมื่อครู่นี้เจาเอ๋อร์ไม่ช่วยปกป้องนางเอาไว้ คนที่โดนพิษก็คงจะเป็นนางเอง
เพียงครู่เดียว เจาเอ๋อร์ก็เป็นลมสลบไป
อวี้อาเหรายกมือของนางขึ้นมาตรวจชีพจร จึงพบว่าพิษแล่นเข้าสู่หัวใจเสียแล้ว แต่ก็ยังพอช่วยชีวิตได้ทัน แต่เพราะพิษแพร่ขยายอย่างสาหัส หากไม่รีบนำยาถอนพิษมาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วคงจะสิ้นใจเป็นแน่
นางสวมกอดร่างของเจาเอ๋อร์ที่ค่อยๆ เย็นลง ลมหายใจของนางยังแผ่วเบาขึ้นมาทันที นอกจากรอให้ชิงอวิ๋นนำยาถอนพิษมาแล้ว ตอนนี้นางก็กลับไม่รู้ว่าตนเองยังสามารถทำอะไรได้อีก
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย ไม่ว่าใครก็ทำได้เพียงจ้องมองเท่านั้น
ตอนที่ 296 ชายชรา
นางพลันเงยหน้าขึ้น “ต้าเว่ย เจ้าไปช่วยชิงอวิ๋นนำยาถอนพิษมา”
นางไม่เชื่อว่าคนทั้งสองจะไม่สามารถเอาชนะแม่นางเซียวได้!
เมื่ออวี้อาเหราออกคำสั่ง ต้าเว่ยก็ไม่ต่อกรกับเหล่าคนชุดดำพวกนั้นอีก นางพุ่งทะยานไปหาแม่นางเซียวทันที
แม่นางเซียวรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจสู้กับต้าเว่ยและชิงอวิ๋นสองคนได้ นางจึงหันไปตะคอกคนชุดดำที่อยู่ข้างๆ “พวกเจ้าไม่ต้องสนใจพวกเขา ไปชิงหยกเลือดมาให้ข้า!”
คนชุดดำพยักหน้าลงเล็กน้อย อ้อมบรรดาองครักษ์สองสามคนแล้วพุ่งเข้าใส่อวี้อาเหรา นางปรายตามอง มือคว้าเข็มพิษที่ตกอยู่บนพื้นแล้วสาดไปยังคนเหล่านั้น โชคดีที่ก่อนจะเข้ามายังตลาดมืดนางได้เตรียมเข็มพิษเอาไว้บ้าง ดังนั้นแม้ว่าจะไม่มีวรยุทธ์ แต่ในเมื่อมีเข็มพิษแล้ว ทันทีที่สาดออกไป ไม่ว่าจะปักเข้าสู่ร่างของใครก็จะทำให้คนผู้นั้นเจ็บปวดทุรนทุรายไปจนถึงกระดูกเลยทีเดียว
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว แม่นางเซียวที่เอาแต่สนใจชิงอวิ๋นและต้าเว่ย ทำให้ไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เหล่าองครักษ์กำจัดคนชุดดำออกไปได้แล้ว ก็พากันไปช่วยจัดการเถ้าแก่เซียว เมื่อนางเห็นว่าทำอย่างไรก็ไม่ชนะก็รีบสาดผงพิษไปในอากาศ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยฝุ่นคละคลุ้ง ทุกคนต่างพากันปิดจมูก แต่แม่นางเซียวกลับใช้ช่องว่างในช่วงเวลานี้สะบัดพัดแล้วจากไป
พัดของนางมีพิษ ทำให้พวกของต้าเว่ยที่ตกอยู่ในวงล้อมหมอกขาวก็ยังไม่กล้าที่จะแตะต้อง
เมื่อหมอกขาวสลายหายไปจนหมดแล้ว เถ้าแก่เซียวก็จากไป เหลือไว้แต่เพียงเงาให้เห็นเท่านั้น
อวี้อาเหรากัดฟัน “ไปจับตัวนางกลับมาให้ข้า!”
“ขอรับ” พวกต้าเว่ยไม่กล้าชักช้า รีบตามไปในทันที
เมื่อพวกเขาไปแล้ว อวี้อาเหราก็ก้มลงมองเจาเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมกอด ในใจของนางร้อนรุ่มดังไฟสุม หากนำยาถอนพิษจากแม่นางเซียวกลับมาไม่ได้เจาเอ๋อร์จะเป็นอย่างไรกัน? ตอนนี้พิษได้กระจายไปทั่วแล้ว อีกไม่นานนางคงจะตายแน่
แม่นางเซียวนำพัดในมือมาเป็นอาวุธ ไม่รู้ว่านางมีผงพิษมากมายเพียงใดที่จะนำมาใช้ทำร้ายผู้อื่น หากให้ต้าเว่ยไปตามจับมาอย่างน้อยก็คงจะต้องเปลืองแรงเป็นอย่างมาก แต่ว่าตอนนี้เจาเอ๋อร์ก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน…
นางขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเป็นกังวล ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังเข้ามาจากด้านนอก เสียงที่แหลมบาดหูทำให้นางได้สติขึ้นมาในทันที จึงร้องออกไปด้านนอกว่า “ใครกัน? รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”
เนิ่นนานนัก นางถึงค่อยเห็นเงาร่างหลังค่อมของชายชราผู้หนึ่ง เส้นผมยาวสีขาว ลูบเครายาวด้วยท่าทีไม่รีบร้อนแต่ก็ไม่เชื่องช้าขณะที่เดินเข้ามา สวมใส่เสื้อผ้าป่านเนื้อหยาบยับย่น คิ้วขาวๆ เลิกขึ้นสูง ใบหน้าแสดงท่าทีโอบอ้อมอารี
อวี้อาเหราพลันมองด้วยความระแวดระวัง “ท่านเป็นใคร เหตุใดถึงอยู่ที่นี่”
“ข้าเพียงผ่านทางมาเท่านั้น” ชายชราค่อมเอวลงด้วยท่าทีมองไม่ชัดเจน เสียงของเขาช่างแห้งผากราวกับเสียงกิ่งไม้แก่ๆ ร่วงกระทบพื้น ทั้งหยาบกระด้างและไม่เสนาะหู
อวี้อาเหรายังคงไม่วางใจอยู่เช่นเดิม “ในเมื่อแค่ผ่านมา เช่นนั้นก็รีบไปเสียสิ”
ทันใดนั้นชายชราก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเ**่ยวย่นมองมาที่นางสักครู่ มุมปากเผยให้เห็นเป็นรอยยิ้มอย่างจนใจ “ได้ ข้าไปก็ได้…”
เห็นว่าเขากำลังหมุนตัวเตรียมที่จะเดินจากไป แม้แผ่นหลังของเขาจะงองุ้ม ทว่าทั่วทั้งร่างกลับเผยให้เห็นถึงรัศมีของผู้วิเศษ นางก็พลันชะงัก รีบวางเจาเอ๋อร์ลงแล้ววิ่งเข้าไปหา “นี่ ท่านหยุดก่อนสิ”
ชายชราหยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมา “แม่นาง มีอะไรหรือ”
“ท่านเดินลมปราณได้หรือไม่” อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“อะไรคือการเดินหรือไม่เดินลมปราณ ผู้ชราแล้วฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดนัก” เขาส่ายหน้าด้วยท่าทีจนปัญญา ราวกับเมื่อครู่นี้เขาก็ไม่เข้าใจจริงๆ อวี้อาเหราสุดจะทน น้ำเสียงจึงเปลี่ยนไปเป็นไม่น่าฟัง “ท่านทำเป็นก็บอก ไม่เป็นก็บอก อย่าได้เสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อหน้าข้า”