ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 313-314
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 313 ไร้ยางอาย / ตอนที่ 314 เม่ยเก๋อ
ตอนที่ 313 ไร้ยางอาย
“เช่นนั้นแล้วเขามีหน้าตาอย่างไรกัน แล้วแต่งกายเช่นไร เจ้าพบเขาที่ไหน” อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างร้อนใจ
ทุกคนมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาด คุณหนูรองจะสนใจนักพรตผู้นี้ไปทำไมกัน
“เห็นที่ตลาดมืดนี่ละ ตอนนั้นเขาสวมหน้ากากอยู่จึงทำให้มองไม่เห็นใบหน้า รูปร่างสูงใหญ่เป็นอย่างมาก สวมชุดสีน้ำเงินอันเป็นเครื่องแบบของนักพรต ในมือยังถือแส้เอาไว้หนึ่งด้าม ได้ยินเขากำลังสนทนากับคนผู้หนึ่งอยู่อย่างไม่ตั้งใจ แล้วพูดถึงเรื่องหยกเลือดขึ้นมา ถึงได้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีของล้ำค่าเช่นนี้อยู่” แม่นางเซียวนึกย้อนกลับไป
“แล้วคนที่เขากำลังพูดคุยด้วยนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไรกัน” อวี้อาเหราซักถามต่อ
“คนที่เข้ามาในตลาดมืดล้วนแล้วแต่สวมหน้ากากทั้งนั้น ไหนเลยจะรู้ว่ามีหน้าตาอย่างไร” แม่นางเซียวกลอกตา ราวกับกำลังตำหนิว่าคำถามของนางช่างโง่เง่านัก
“เจ้า…” อวี้อาเหราที่ความโกรธกำลังพวยพุ่ง รีบสะกดกั้นความโกรธลงไปตามเดิม “ถ้าเช่นนั้นเขาสวมเสื้อผ้าแบบไหน เจ้าก็คงจะบอกได้ใช่หรือไม่”
“ข้าไม่รู้ ผ่านมานานหลายปีแล้ว นอกจากนักพรตผู้นั้นที่อยู่ในความทรงจำลึกซึ้งแล้ว ข้าต้องจำคนอื่นด้วยหรืออย่างไร” หลังจากที่แม่นางเซียวตอบคำถาม นางก็เงยหน้าขึ้นมา “ข้าบอกเรื่องที่ข้ารู้ให้กับเจ้าฟังจนหมดแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก”
“ก็ไม่ต้องการอะไร” อวี้อาเหราถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้จนหมดแล้ว ก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะรั้งตัวแม่นางเซียวคนนี้เอาไว้อีก เช่นนั้นจึงค่อยหันไปสั่งการกับพวกต้าเว่ย “พวกเจ้าก็ดูแล้วกันว่าควรจะจัดการนางอย่างไร ไม่ต้องถามความเห็นของข้าแล้ว”
“เจ้าคนตระบัดสัตย์! ข้าบอกเรื่องที่ข้ารู้จนหมดแล้วเจ้ายังไม่ปล่อยข้าอีกหรือ!” แม่นางเซียวดวงตาแดงก่ำ
อวี้อาเหราหันกลับมามองนางเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงเรียกข้าว่าคนตระบัดสัตย์? ข้าก็ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะปล่อยเจ้าไป แล้วข้าจะตระบัดสัตย์ได้อย่างไรกัน ต้าเว่ย คุมตัวนางเอาไว้ รอจนเจาเอ๋อร์ฟื้นแล้วค่อยให้นางจัดการด้วยตัวเอง ให้นางได้รู้ว่าคนที่รังแกคนของข้าจะต้องเจอกับอะไร”
“ไร้ยางอาย!” แม่นางเซียวนิ่งงันไปสักครู่จากนั้นจึงค่อยพ่นคำพูดออกมา ราวกับหมดคำจะพูดกับการกระทำของอวี้อาเหราเต็มที จนไม่รู้ว่าจะใช้คำใดในการด่าว่านาง
“หุบปาก! หากเจ้ายังด่าคุณหนูของข้าอีก ข้าจะตัดลิ้นเจ้าออกมาเสีย!” ต้าเว่ยควบคุมมือเท้าของนางที่กำลังขัดขืนอยู่อย่างทันเวลาพอดี แล้วจึงแค่นเสียงด่าทออย่างอารมณ์ไม่ดี ทว่าท่าทีของแม่นางเซียวนั้นดูอ่อนลงผิดไปจากเมื่อครู่ แล้วพยายามหลบหนีจากการควบคุมตัวของคนของต้าเว่ย พูดกับอวี้อาเหราขึ้นว่า “ข้ามีเรื่องที่จะต้องคุยกับเจ้าเพียงลำพัง”
“มีเรื่องอะไรเจ้าก็พูดออกมาเสียตอนนี้” อวี้อาเหรากวาดตามองอย่างเรียบๆ
“เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก หากเจ้าไม่สนใจว่าจะมีคนมากมายได้ยิน ข้าก็จะไม่สนใจเช่นกัน เจ้าจะฟังหรือไม่” แม่นางเซียวยิ้มลึกล้ำ ราวกับกำลังจะเอ่ยถึงความลับอันยิ่งใหญ่ออกมา
“มีเรื่องอะไรที่จะต้องใส่ใจ” อวี้อาเหราถามกลับอย่างไม่แยแส เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของนางเช่นนั้น ในใจก็เริ่มจะสงสัยขึ้นมา นางมองไปยังฉู่ป๋าย เมื่อเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาอะไร ก็หันไปหาต้าเว่ย “เจ้าพานางไปยังด้านหลังของเรือนไม้ก่อนเถิด ข้าก็อยากรู้นักว่านางจะพูดเรื่องอะไร”
“หญิงผู้นี้เป็นผู้ใช้พิษ หากต้องอยู่กันตามลำพัง ข้าน้อยเกรงว่านางจะทำร้ายคุณหนูเข้า…” ต้าเว่ยไม่วางใจ พวกเขานั้นตามไล่จับมาเป็นเวลานาน หากปล่อยให้นางอยู่ร่วมกับคุณหนูกันตามแต่ลำพัง จะต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่
“ไม่เป็นไร พานางไปเถิด แล้วมัดนางเอาไว้ให้แน่น จะได้ไม่ต้องกลัวว่านางจะหนีไปไหนอีก”
ตอนที่ 314 เม่ยเก๋อ
น้ำเสียงของนางนั้นฟังดูสบายๆ แต่กลับแฝงไปด้วยท่าทีสงสัย เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ พวกต้าเว่ยก็ไม่กล้าที่จะชักช้า รีบพานางไปยังด้านหลังของเรือนไม้ จากนั้นจึงค่อยถอยออกไป
เมื่ออวี้อาเหราเห็นว่าพวกเขาจากไปแล้ว เช่นนั้นค่อยมองไปยังแม่นางเซียว น้ำเสียงเข้มงวดเอ่ยเตือนขึ้นว่า “มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ข้าไม่มีเวลามาฟังเจ้าพูดพล่ามถึงเพียงนั้น หากคิดจะหนี ก็อย่าคิดว่าข้านั้นจะยอมปล่อยเจ้าไปง่ายๆ!”
“ข้าไม่ได้คิดจะหนี” แม่นางเซียวส่ายหน้าอย่างขบขัน
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอะไร” อวี้อาเหราไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่
แม่นางเซียวเม้มริมฝีปาก “เจ้าเป็นคนของเม่ยเก๋อใช่หรือไม่”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร” สายตาของอวี้อาเหราแฝงความตื่นตกใจเอาไว้ นางนั้นไม่ใช่คนของสำนักเม่ยเก๋อเสียหน่อย เพียงแต่ตอนนี้นางทำงานให้กับหนิงจื่อเย่เท่านั้น แต่เหตุใดแม่นางเซียวผู้นี้ถึงรู้ว่านางนั้นมีความสัมพันธ์กับเม่ยเก๋อ?
“อย่าเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย ดูท่าคนข้างนอกพวกนั้นคงจะไม่รู้กันสินะ…” แม่นางเซียวไม่สนใจคำถามของนาง ยังคงตั้งใจที่จะพูดเสียงเนิบๆ ราวกับเรื่องทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนางเลยแม้แต่น้อย
อวี้อาเหราขยับเข้าไปใกล้อีกก้าว ทว่ายังคงไม่ยอมรับอย่างเต็มปากเต็มคำ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าจะไปเกี่ยวข้องกับเม่ยเก๋อได้อย่างไรกัน เหลวไหลยิ่งนัก!”
“เหลวไหลงั้นหรือ?” แม่นางเซียวทำราวกับเพิ่งจะได้ยินเรื่องตลกที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมา พูดขึ้นเน้นย้ำทีละคำ “ไม่ต้องยอมรับก็ได้ ข้าก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าคือคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋อง ผู้ซึ่งเพิ่งจะทำงานให้กับเจ้าสำนักเมื่อหลายวันก่อนใช่หรือไม่ ได้ยินมาว่าคำสั่งของเจ้าคือการสังหารเซิ่นซื่อจื่อ และชายหนุ่มที่สวมอาภรณ์สีขาวที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้นก็คงจะเป็นเซิ่นซื่อจื่อสินะ หากเขารู้ถึงจุดประสงค์ของเจ้าแล้วจะมีท่าทีอย่างไรกันเล่า”
“เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงรู้เรื่องพวกนี้?” อวี้อาเหราตกใจ นางไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น และสำนักเม่ยเก๋อเองก็คงจะไม่ยอมแพร่งพรายความลับให้กับคนนอกได้รู้โดยง่ายเป็นแน่ เพราะฉะนั้นแล้ว แม่นางเซียวรู้ได้อย่างไรกัน หรือว่า…
แม่นางเซียวพยักหน้าลง “ไม่ผิด เจ้าเดาไม่ผิดหรอก ข้าคือคนของเม่ยเก๋อ”
“เจ้าน่ะหรือ” อวี้อาเหราพยายามที่จะควบคุมตัวเองให้สงบลง “ในเมื่อเจ้าเป็นคนของสำนักเม่ยเก๋อ แล้วเหตุใดถึงได้มาเป็นโจรปล้นชิงอยู่ในตลาดมืดแห่งนี้ อีกอย่างเจ้ามองข้าออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
แม่นางเซียวไม่มีทางเคยพบนางมาก่อนแน่ และยิ่งไม่มีทางที่จะรู้จักนางตั้งแต่พบหน้าได้ ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกไม่คุ้นหน้าคุ้นตาแม่นางเซียวมาก่อน ทว่านางกลับพูดเหมือนรู้จักเช่นนี้ จะต้องมีเรื่องผิดปกติอะไรเป็นแน่!
“หึ เรื่องของข้านั้น ทางที่ดีเจ้าอย่าได้ถามเลย! แล้วเรื่องที่ข้ารู้จักเจ้าได้อย่างไรน่ะหรือ ที่จริงก็ง่ายดายมาก คนของเม่ยเก๋อนั้นมักจะหลงเหลือกลิ่นหอมที่ปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษเอาไว้บนกาย เพียงได้สัมผัสสักครั้งก็ยากที่จะลบเลือนออก ไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของสำนักเม่ยเก๋อ เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเจ้าก็คงจะเพิ่งพบกับคนหรือเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับสำนักเม่ยเก๋อใช่หรือไม่ ดังนั้นถึงได้มีกลิ่นหอมเช่นนี้ และคงเพราะเพิ่งจะได้สัมผัสเมื่อไม่นานมานนี้ กลิ่นหอมจึงยังคงเข้มข้น ถึงว่าเล่า ก่อนหน้านี้ข้าจึงไม่ได้กลิ่นออกมาจากกายของเจ้า”
เกี่ยวข้องกับสำนักเม่ยเก๋อ?
หรือว่าจะเป็น จดหมายฉบับนั้น?!
อวี้อาเหรานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นว่าเป็นไปอย่างที่แม่นางเซียวว่าเอาไว้จริงๆ ก่อนหน้านี้นางได้สัมผัสจดหมายที่ส่งมาจากหนิงจื่อเย่ คิดว่ากลิ่นหอมคงมาจากสิ่งนั้น มิน่าเล่าจู่ๆ เมี่ยวเอ๋อร์ก็พูดขึ้นมาว่าได้กลิ่นหอมมาจากกายนาง คิดว่าคงจะเป็นสัญลักษณ์ของเม่ยเก๋ออย่างไม่ต้องสงสัย
นางเบิกตากว้าง เดินเข้าไปหาแม่นางเซียวให้ใกล้ขึ้นอีก ถึงค่อยได้กลิ่นหอมบางเบาของเครื่องหอมชนิดพิเศษจากกายของนางจริงๆ หลังจากที่นางพิสูจน์แล้ว แม่นางเซียวก็มองท่าทีกระวนกระวายของนาง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วยังจะลงโทษข้าด้วยวิธีมนุษย์สุกรอีกหรือไม่ เจ้าควรรู้ว่าหากแตะต้องข้าแม้เพียงปลายเส้นผม เจ้าสำนักคงไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้แน่!”