ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 335-336
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 335 อับอายขายขี้หน้า / ตอนที่ 336 เต่าหรือตะพาบ
ตอนที่ 335 อับอายขายขี้หน้า
ที่แท้ก็เป็นเจ้าของร่างเดิมที่สร้างเรื่อง! อวี้อาเหราหลุบตาลงเงียบๆ อย่าเข้าใจ อารมณ์ความรู้สึกจมดิ่งถลำลึก
“นี่ก็ต่างเป็นเรื่องในอดีต ในยามเยาว์วัยก็เป็นธรรมดาที่จะต้องทำผิดพลาดไปบ้าง น้องชาย เจ้านั่งลงก่อนเถิด”
อวิ๋นเซิ่นลากตานเวยให้เข้ามา เขาถึงค่อยๆ เบนสายตาชิงชังออกจากร่างอวี้อาเหรา ทว่าแม้เขาจะไม่มองนางแล้ว แต่ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ซานออกมาจากร่างของเขา อวี้อาเหรารู้สึกจนใจอยู่บ้าง ตัวนางไปทำผิดอะไรรต่อเขากันนะ?
แม้แต่ความผิดเรื่องอะไรนางก็ยังไม่รู้ ความทรงจำในสมองนั้นเลือนรางยิ่งนัก ราวกับไม่เคยอยู่ในความทรงจำของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องเลยแม้แต่น้อย
“ไม่พูดแล้ว พวกเรามาทานกันต่อเถิด หานสือ เจ้าไปเอาชามกับตะเกียบมาเพิ่มสิ” ฉู่เกอเอ่ยปากอย่างประนีประนอม เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายความตึงเครียดลง
หลังจากนำตะเกียบและถ้วยมาให้ตานเวยแล้ว คนทั้งหมดก็ก้มลงทานอย่างเงียบๆ แน่นอนว่าคนที่ทานได้อย่างเบิกบานที่สุดย่อมเป็นจวินอู๋เหิน เขาไม่สนใจสีหน้าเย็นชาของตานเวยเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งไป
คงเป็นเพราะความโกรธที่มีต่อพวกเขาก่อนหน้านี้ ยามนี้เขาจึงคิดอยากจะทานทุกอย่างให้พุงกางเสียเลย
“พี่เหรา ทำไมถึงไม่ทานแล้วล่ะเจ้าคะ” เริ่นหว่านเอ๋อร์งับตะเกียบแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศแปลกๆ รอบกายอย่างระมัดระวัง เช่นนั้นถึงได้เห็นอวี้อาเหราก้มหน้าลงด้วยอาการเหม่อลอย ไม่ขยับตะเกียบในมือเป็นเวลานาน
“ข้าก็กำลังกินอยู่” อวี้อาเหราได้สติกลับมาในทันที ก่อนจะฝืนยิ้มให้นางเล็กน้อย
ยามที่นางเผลอมองตานเวย เขาก็ยังคงจ้องเขม็งมาที่ร่างของนางในบางครั้ง หากไม่ใช่เพราะตอนนี้มีคนอยู่มากถึงเพียงนี้ เขาก็คงจะเตะนางอัดกำแพงเข้าแล้วก็เป็นได้ เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่มองมา ตานเวยจึงหันกลับไป อวี้อาเหราจึงรีบก้มหน้าลงไปในทันที
ท่าทีเคืองแค้นถึงเพียงนี้ นางไปทำอะไรให้เขากันนะ?
ในเมื่อคิดไม่ออกก็ไม่ต้องคิดแล้ว
ทว่าแม้นางจะไม่คิดแล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ยังไม่ยอมแพ้
ฟู่เส่าชิงมองมาด้วยสายตาประหลาดใจ แล้วเอ่ยถามขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันแสนอึดอัด “นี่สาวน้อย เจ้ามีความแค้นอะไรกับเจ้าหนุ่มแซ่ตานคนนั้นกันแน่ รู้สึกว่าเขาจะแค้นเจ้าเสียจนอยากจะฆ่าเจ้าให้ตายกับมือของตัวเองเลยทีเดียวนะ”
“…” อวี้อาเหราเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะกลอกตาค้อนเขาหนักๆ นางเองก็อยากจะรู้เหมือนกันนั่นละ!
เมื่อเห็นนางไม่พูด ฟู่เส่าชิงก็ยังคงรบเร้าถามต่อไป “หรือเจ้าไปทำเรื่องอะไรที่ทำให้รู้สึกผิดจนไม่กล้าเอ่ยออกมา? อย่ากลัวไปเลย ที่นี่ก็มีพวกเราอยู่ตั้งมาก ถึงแม้เจ้าจะพูดออกมาเขาก็ไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก แม้ว่าข้าเองจะไม่ได้ถือว่าเป็นคนที่ดีอะไรนัก แต่สำนึกผิดชอบชั่วดีก็ยังพอมีอยู่บ้าง เจ้าบอกข้ามาเถิด”
“ข้าไม่รู้ พอได้หรือยัง” อวี้อาเหราถูกยั่วจนโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว คิดว่าฟู่เส่าชิงคนนี้ช่างกวนประสาทเสียยิ่งนัก เห็นอยู่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้น่าอึดอัดเพียงใด แต่เขาก็ยังจะกวนน้ำให้ขุ่นขึ้นมาอีก นี่เขาก็ตั้งใจให้เกิดเรื่องขึ้นชัดๆ!
“เอ๋? เจ้าโกรธหรือ ดูท่าแล้วเจ้าคงทำเรื่องที่ผิดมากเลยสินะ!” ฟู่เส่าชิงหัวเราะร่า ไม่สนใจสีหน้าโกรธเคืองของนางเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งหัวเราะเสียงดังมากขึ้น โบกตะเกียบในมือใส่หน้านางด้วยความยั่วเย้า
“เจ้าพอได้แล้ว!” อวี้อาเหราวางตะเกียบลงเสียงดัง ปัง! น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้นมาก
ยามนี้น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แม้แต่คนโง่ก็ยังดูออกว่านางกำลังโกรธจัด
“เจ้านั่นละพอได้แล้ว!” ตานเวยสะบัดตะเกียบออกจากมือ ก่อนจะลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ สายตาเย็นเยียบมองมายังอวี้อาเหรา “หากเจ้าไม่เผ่นมาทำตัวเองขายหน้าถึงที่นี่ ใครจะมาวิจารณ์เจ้าได้? อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นถึงธิดาเอกแห่งจวนอ๋อง ยังจะวิ่งพล่านนึกสนุกไปทั่ว หลิงอ๋องมีธิดาเช่นเจ้าก็มิแคล้วจะต้องอับอายขายขี้หน้า!”
ตอนที่ 336 เต่าหรือตะพาบ
“ข้าทำเรื่องอับอายขายขี้หน้าอะไรกัน? เจ้าก็บอกเหตุผลมาให้ข้าฟังเสียสิ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะไม่สนว่าเจ้าจะเป็นนายน้อยนายใหญ่มาจากไหน เจ้าจะได้เห็นดีกันแน่” อวี้อาเหราถูกเขาต่อว่าด้วยวาจาร้ายกาจเช่นนี้ก็รู้สึกโกรธเคืองยิ่งนัก นางอุตส่าห์นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแล้ว ยังจะขวางหูขวางตาใครอีกหรือ?
ตานเวยแปลกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่านางจะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเมื่อก่อนอย่างที่คนอื่นร่ำลือจริงๆ
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็หัวเราะขึ้นเสียงเย็น “หญิงสาวตระกูลสูงศักดิ์ที่เอาแต่วิ่งไล่ตามองค์รัชทายาทก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายหรอกหรือ”
“น่าอายบ้านแกน่ะสิ!” อวี้อาเหรากำหมัดแน่น เห็นว่านางไม่ต่อปากต่อคำแล้วคิดว่านางจะกลัวอย่างนั้นหรือ? ตัวนางในตอนนี้ไม่ใช่คุณหนูรองผู้อ่อนแอคนเดิมอีกต่อไปแล้ว นางเป็นคนที่มาจากศตวรรษที่ 21 ไหนเลยจะยอมให้ตัวเองโดนรังแกเช่นนี้ได้?
“เจ้าว่าอะไรนะ” ตายเวยหรี่ตาลงด้วยแววตาอันตราย
“เจ้าก็ดีแต่ว่าคนนั้นคนนี้ไม่ดีอย่างนั้นไม่ดีอย่างนี้ราวกับผู้หญิง ไหนเลยจะมีท่าทีของคุณชายผู้มากความรู้ เอาแต่พูดว่าคนนั้นถูกคนนี้ผิด เจ้าบอกว่าข้าหน้าด้านไม่รู้จักอายใช่หรือไม่? ในเมื่อเจ้าว่าข้าเช่นนั้น แล้วตัวเจ้าเองเล่าดีนักหรืออย่างไรกัน เจ้าว่าตะพาบกับเต่านั้นต่างกันหรือไม่”
“เจ้า! เจ้าพูดพล่ามอะไรของเจ้ากัน!” ตานเวยถูกอวี้อาเหราว่าขานเช่นนี้ก็ถึงกับพูดไม่ออก
ทุกคนหัวเราะให้กับคำเปรียบเทียบของนาง ไม่คิดเลยว่าอวี้อาเหราจะกล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ นางด่าคนก็ด่าออกมาตรงๆ เอาเสียจนอีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
“ตะพาบคืออะไรกัน” เริ่นหว่านเอ๋อร์มองไปยังทุกคนที่กำลังหัวเราะอยู่อย่างไม่เข้าใจ
“ตะพาบก็คือเต่าน่ะสิ!” จวินอู๋เหินที่กำลังกินข้าวอยู่ก็ยังไม่วายเงยหน้าขึ้นมาร่วมวงด้วย
“ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต่างกันน่ะสิ” เริ่นหว่านเอ๋อร์คิดวิเคราะห์อย่างจริงจัง
สายตาของทุกคนต่างจ้องมองมาที่นาง เต่ากับตะพาบน่ะหรือ ก็แทบจะไม่มีอะไรต่างกันเลยจริงๆ น่ะซี!
“วันนี้ข้าจะฆ่านางผู้หญิงคนนี้ให้ได้!” สีหน้าของตานเวยดูหยาบกระด้างขึ้นมากโข อารมณ์พุ่งขึ้นสูง ทันใดนั้นก็ชักกระบี่ที่เหน็บเอาไว้ที่เอวออกมาแล้วพุ่งตรงไปหาอวี้อาเหรา จี้ไปทางอกของอวี้อาเหราด้วยความลังเลเล็กน้อย ยังไม่กล้าที่จะฟันลงไปจริงๆ
อวิ๋นเซิ่นตกใจจนรีบคว้ามือของเขาเอาไว้ “ตานเวย เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร รีบเก็บกระบี่เดี๋ยวนี้!”
“เจ้าจะฆ่าข้าจริงๆ น่ะหรือ” แม้ยามที่ตานเวยพุ่งกระบี่เข้ามา นางก็ไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน เชิดคอขึ้นตรงเผชิญหน้ารับกับคมกระบี่ ที่มุมปากยกโค้งขึ้นกลายเป็นรอยยิ้มถือดี “หากข้าอวี้อาเหรากลัวเจ้าล่ะก็ เช่นนั้นก็คงไม่ใช่คนแซ่อวี้แล้ว”
“เจ้า…” ตานเวยหมดคำจะกล่าวไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เริ่นหว่านเอ๋อร์ก็จ้องมองไปยังกระบี่ที่จ่อเตรียมจะฟันร่างของอวี้อาเหราที่อยู่ตรงหน้า นางเติบโตมาจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์ที่น่าตกใจขนาดนี้มาก่อน แต่พี่เหราคนนี้กลับไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย นี่ก็ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก
จวินอู๋เหินและฟู่เส่าชิงวางตะเกียบในมือพร้อมๆ กัน แล้วรีบเข้ามา “ตานเวย เจ้าก็บ้าไปแล้วจริงๆ หรืออย่างไร คำพูดก็เป็นเพียงคำพูด มีความแค้นอะไรต่อกันถึงจะได้ลงมือรุนแรงเช่นนี้ นี่เจ้าก็ไม่กลัวถูกคนอื่นหัวเราะเยาะหรืออย่างไร พอได้แล้ว!”
“จริงด้วย พี่ตานเวย แม้ท่านจะโกรธเพียงใดแต่ก็ไม่ควรที่จะถือดาบหันเข้าใส่คุณหนูรองเช่นนี้เลย หากไม่ระวังเพียงน้อย เป็นอันตรายถึงชีวิตเชียวนะ!” ฉู่เกอทนมองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ตานเวยก็ยังคงยกดาบขึ้น จ้องมองอวี้อาเหราไม่วางตา ไม่สนใจคำพูดของพวกเขาแม้แต่น้อย
“เอาเถิด” ในขณะที่ทุกคนยังคงตัวแข็งทื่ออยู่เช่นนี้ ฉู่ป๋ายที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็ขมวดคิ้วอย่างรำคาญใจ แล้วเอ่ยปากขึ้นอย่างเงียบๆ “หากเจ้าคิดอยากจะเข่นฆ่านางให้ตายตกไปจริงๆ ก็เชิญเถิด แต่หากเจ้าตวัดเพียงดาบเดียวทะลุหน้าอกนาง คิดหรือว่าหลิงอ๋องจะปล่อยเจ้าและจวนราชเลขาของเจ้าไป? หากเจ้าไม่กลัวก็ลงมือเสียเลยสิ”