ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 355-356
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 355 วางยาพิษ / ตอนที่ 356 โง่เขลา
ตอนที่ 355 วางยาพิษ
“อนุรอง ถึงท่านจะเป็นบ้านเล็กเรือนน้อย แต่ในท้องของท่านคือทายาทของจวนหลิงอ๋อง แล้วเหตุใดถึงจะไม่เหมาะกับชาดีๆ เล่า? วันนี้ข้าชวนอนุทั้งสองมาร่วมกันดื่มชา หากท่านบ่ายเบี่ยงเช่นนี้ คงจะเพราะดูถูกชาของข้าใช่หรือไม่”
อวี้อาเหราหรี่ดวงตาลงด้วยสายตาอันตราย พวกนางสองคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็จำต้องยอมรับ
หลังจากที่สาวใช้ยกชาเข้ามา อวี้อาเหราก็ลงมือชงชาด้วยตัวเอง แล้วยื่นให้อนุรองหนึ่งถ้วย เมื่อเห็นว่านางมองถ้วยชาอยู่เป็นนานไม่กล้าที่จะรับไป นางจึงเลิกคิ้วขึ้น “อนุรองกลัวว่าข้าจะเล่นตุกติกอะไรกับน้ำชานี่หรือ? เช่นนั้นถึงได้ไม่ยอมรับไป…”
“คุณหนูรองเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่ได้กลิ่นที่หอมเตะจมูกของชานี่จนเหม่อลอยไปเท่านั้น จะดื่มเสียเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” อนุรองเห็นนางกล่าวเช่นนั้น จึงไม่กล้าที่จะลังเลอะไรอีก จึงรีบรับถ้วยชามาทันที
อวี้อาเหราก็ส่งถ้วยชาให้อนุสามอีกถ้วย นางจึงรับมาดื่มด้วยตัวเอง
หลังจากที่ทั้งสองดื่มลงไปแล้วก็เห็นว่าน้ำชาตรงหน้าอวี้อาเหรายังไม่พร่องลงไปเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นอนุรองก็ชะงัก “เหตุใดคุณหนูรองจึงไม่ดื่มล่ะเจ้าคะ”
“ไม่กล้าดื่มหรอก” รอยยิ้มของอวี้อาเหราดูอ่อนโยนยิ่ง “น้ำชานี่มีพิษ ไหนเลยข้าจะกล้าดื่มกัน ไม่กลัวถูกพิษตายกันหรืออย่างไร”
“คุณหนูรอง ท่านกล่าวอะไรกันเจ้าคะ หากในน้ำชานี่มีพิษจริง แล้วท่านจะกล้านำมาให้พวกเราดื่มได้อย่างไร” ชัดเจนว่าอนุรองไม่เชื่อคำพูดของนาง เมื่อผ่านเรื่องราวเช่นนี้มาก่อนนางจะไม่เรียนรู้เลยหรืออย่างไร หากยังกล้าใช้ลูกไม้เดิมๆ มาจัดการกับนางอีกก็คงจะโง่เต็มทน
“อนุรอง ท่านก็คิดว่าข้ากำลังล้อเล่นอยู่อย่างนั้นหรือ” อวี้อาเหราหุบยิ้มลงแต่โดยดี ท่าทางพลันดูเคร่งขรึม
อนุรองชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยังคงไม่ยอมเชื่อ “คุณหนูรองอย่าได้ล้อเล่นเช่นนี้เลย”
“จริงด้วย มีพิษที่ไหนกันเจ้าคะ เหตุใดดื่มแล้วก็ไม่เห็นว่าจะเป็น…” ขณะที่อนุสามกำลังพูดอยู่นั้น ทันใดนั้นเองนางก็ยกมือขึ้นมากุมท้องเอาไว้ เมื่อครู่นี้นางก็ดื่มลงไปมากที่สุด กลืนน้ำชาลงท้องไปหมดถ้วย ตอนนี้นางก็ปวดท้องเล็กน้อยจนต้องกุมเอาไว้ ลูกตากลอกกลิ้งไปมา ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นมาจากม้านั่งหินอย่างกะทันหัน ชี้ไปที่น้ำชาแล้วพูดไม่ออกอยู่เป็นนาน
“คะ…คุณหนูรองท่านใส่อะไรลงไป”
“แน่นอนว่าต้องเป็น…” เมื่ออวี้อาเหราตั้งท่าจะพูด แต่อนุรองก็ขัดขึ้นมาในทันที พยายามเอามือล้วงคอตัวเอง
ทั้งสองอยู่ในช่วงกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะอาเจียนออกมาก็ทำไม่ได้ อวี้อาเหรานั่งมองอยู่ข้างๆ เป็นนาน จากนั้นจึงค่อยกล่าวออกมาว่า “ทั้งสองโปรดวางใจ ข้าไม่ได้ใส่อะไรลงไปทั้งนั้น นี่ก็เป็นเพียงใบชาธรรมดาๆ จะตื่นตกใจไปทำไมกัน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งสองก็ชะงักไป
อนุสามหันกลับมาอย่างโกรธเคือง “คุณหนูรองเหตุใดถึงแกล้งพวกเราเล่นเช่นนี้?!”
“อนุสาม” อวี้อาเหราเล่นถ้วยน้ำชาว่างเปล่าในมือ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ “เจ้าก็คงอยากให้ข้าส่งท่อนฟืนให้เจ้าอีกกระมัง”
“เจ้า!” อนุสามโกรธเสียจนเหมือนมีไฟสุมหัว นางสูดลมหายใจแล้วกลั้นเอาไว้อย่างโกรธเคือง
เมื่อเห็นอนุสามสงบปาก อวี้อาเหราจึงหันไปมองอนุรอง แล้วเดินเข้าไปใกล้นางอีกนิด ในขณะที่อนุสามค่อยๆ เดินถอยห่างออกไปเรื่อยๆ สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวที่ปิดไม่มิด แต่ทั่วทั้งร่างก็ยังถือว่าสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม “คุณหนูรอง ท่านคิดจะทำอะไรกัน”
“อนุรอง ปิ่นของท่านเบี้ยวเสียแล้ว ให้ข้าจัดให้ใหม่เถิด” น้ำเสียงของอวี้อาเหราแผ่วเบา ราวกับเต็มไปด้วยมนตร์เสน่ห์ ยื่นมือออกไปจะแตะปิ่นปักผมของอนุรอง เมื่อเห็นท่าทีตื่นกลัวของนางก็พออกพอใจยิ่งนัก แล้วพูดขึ้นเบาๆ ที่ข้างหู “ข้าเคยบอกแล้วว่าความอดทนของข้านั้นมีขีดจำกัด ข้าจะให้โอกาสเด็กในท้องของเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากยังกล้าที่จะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
ตอนที่ 356 โง่เขลา
ไม่เกรงใจ? ภายในหัวสมองของอนุรองตีกันยุ่งเหยิง เช่นนั้นถึงค่อยเข้าใจแผนการของอวี้อาเหราขึ้นมา น้ำชาเมื่อครู่นี้ก็ไม่มีพิษเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเพียงการล้อนางและอนุสามแล่นก็เท่านั้น เช่นนั้นจึงมองนางอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดอนุสามถึงได้ปวดท้องได้”
“ข้าเพียงใส่สมุนไพรที่ไม่สะอาดลงไปในถ้วยของนางก็เท่านั้น นางจะปวดท้องเพียงชั่วครู่ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” อวี้อาเหราไม่คิดปิดบัง บอกเล่าถึงความจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา จากนั้นจึงค่อยถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองท่าทีชะงักของอนุรอง ถอนมือออกมาจากปิ่นที่ปักอยู่บนผมของนาง
“เอาล่ะ ข้าก็เริ่มหิวอยู่บ้างแล้ว เช่นนั้นก็ขอกลับไปทานอาหารก่อนก็แล้วกัน ชานี้ก็ขอยกให้อนุทั้งสองท่านดื่มเถิด”
อวี้อาเหราพูดจบแล้วก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปจากศาลา
อนุสามมองน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะหินอย่างพิจารณา ไม่ได้ยินที่ทั้งสองคุยกันก่อนหน้านี้ แล้วมองไปที่ท้องตัวเองอย่างระมัดระวัง ก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจนัก “เช่นนั้นท้องของข้าก็จะไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่หรือไม่ ดูเหมือนว่าจะไม่ปวดแล้ว”
“โง่เง่า!” อนุรองตะคอกออกมาคราหนึ่ง แล้วกวาดสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะหินออกไปจนหมด ทั้งถ้วยชา น้ำชา และขนมหกหล่นกระจัดกระจายไปทั่วพื้น ยากเหลือเกินที่จะระงับความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในจิตใจในขณะนี้ กวาดสายตามองอนุสามอย่างเย็นชา “เดิมทีนางก็ไม่ได้วางยาพิษอะไรทั้งนั้น แล้วเจ้าจะปวดได้อย่างไร?!”
อวี้อาเหราก็ช่างน่าตายนัก เพราะนางยังคงเจ็บแค้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จึงได้แสดงออกมาเช่นนั้น เป็นการเล่นละครเหมือนกันแท้ๆ แต่นางกลับพลาดพลั้งเป็นครั้งที่สอง นี่ก็ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!
อนุสามจำต้องหยุดพูด ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ กล่าวว่าตนเองโง่เขลา แล้วนางเองเล่าก็ถูกหลอกเหมือนกันมิใช่หรือ?
อวี้อาเหราก็ไม่ได้เดินออกไปไหนไกล แต่ยังคงหลบอยู่ใกล้ๆ เพื่อคอยดูท่าทีของคนทั้งสอง นางรู้สึกยินดีจนยิ้มกว้าง นางควรจะแสดงให้อนุสามเห็นว่าตัวนางนั้นไม่ได้ยั่วยุได้โดยง่าย ก่อนหน้านี่นางก็รู้สึกว่าตัวเองเตือนเอาไว้แล้ว อีกฝ่ายคงไม่อยากจะหาเรื่องอะไรอีก แต่ไม่คิดว่าอนุรองจะไม่ชอบอยู่สงบๆ เช่นนี้
ครั้งนี้นางก็เห็นว่าอีกฝ่ายอุ้มท้องทายาทของจวนหลิงอ๋องเอาไว้ มิเช่นนั้นนางคงได้สั่งสอนอนุรองกันสักตั้ง
เมื่อเห็นทั้งสองเดินจากไปอย่างโกรธเคือง อวี้อาเหราจึงเดินออกมาจากที่ซ่อน
พิราบขาวบินเข้ามาหา หัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีเมื่อครู่นี้ของนางถึงกับชะงัก นางเกือบจะลืมคำสั่งที่เม่ยเก๋อสั่งให้นางทำเสียแล้ว ครั้งนี้นางไม่ได้ฆ่าฉู่ป๋ายในตลาดมืดนั้น ก็ไม่รู้ว่าหนิงจื่อเย่จะทำอย่างไรกับนาง ยิ่งคิด ใจของนางก็ยิ่งรู้สึกหนักอึ้ง
เอื้อมมือออกไปแกะจดหมายที่ผูกอยู่กัขาของนก เมื่อเปิดออกก็เห็นเป็นเพียงกระดาษเปล่าๆ
ไม่เขียนอะไรเลย? อวี้อาเหราชะงักไป เหตุใดในกระดาษจึงไม่เขียนอะไรเลยเล่า
เหตุใดถึงส่งกระดาษเปล่าๆ เช่นนี้มาได้
นางยกกระดาษขึ้นส่องกับแสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมองไม่เห็นตัวอักษรเลยสักตัว เพราะอย่างนั้นนางจึงกลับเข้าไปในห้อง แล้วเปิดออกท่ามกลางแสงเทียน แต่ในนั้นก็ยังคงไม่มีอะไร นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา กระดาษขาวแผ่นนี้จริงๆ แล้วมีนัยอะไรกันแน่ เป็นคำเตือนว่านางจำต้องสังหารฉู่ป๋าย หรือว่า…
ในตอนนั้นเอง เมี่ยวอวี้ก็กลับเข้ามาจากด้านนอก อวี้อาเหราตกใจ รีบเผากระดาษแผ่นนั้นทันที
พอเมี่ยวอวี้เข้ามาเห็นนางนั่งอยู่ในห้องก็ชะงัก “เมื่อครู่นี้คุณหนูไปไหนมาหรือเจ้าคะ เหตุใดบ่าวถึงไม่เห็นท่านเลยเล่า”
“อ้อ เมื่อครู่นี้ข้าไปที่สวนบุปผาด้านหลังมาน่ะ ตอนแรกคิดอยากจะเด็ดดอกไม้มาดูเล่นสักดอก แต่ไม่เห็นดอกสวยๆ ก็เลยกลับมามือเปล่า” อวี้อาเหราตอบ
“ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเมื่อครู่ถึงให้คนนำใบชาไปเล่าเจ้าคะ หากว่าคุณหนูอยากดื่มชา ให้บ่าวชงให้ก็ได้นี่เจ้าคะ” เมี่ยวอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ