ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 359-360
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 359 ราดน้ำเย็น / ตอนที่ 360 ลดยา
ตอนที่ 359 ราดน้ำเย็น
คิดอยู่เนิ่นนาน นางจึงหันไปมองหลิงอ๋องที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวว่า “เสด็จพ่อยังทรงมีธุระอื่นให้จัดการ เช่นนั้นก็ไปจัดการเถิดเพคะ หากหมอหลวงมาแล้วลูกจะต้องให้เขาตรวจดูอาการแน่ อย่าได้ทรงเสียงานการเพราะลูกเลยเพคะ เช่นนั้นลูกคงทนไม่ได้”
“ไม่เป็นไร พ่อจัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” หลิงอ๋องส่ายหน้าขณะที่พูดขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นเสด็จพ่อก็ทรงกลับไปพักผ่อนเถิดเพคะ ลูกอยู่ที่นี่มีเมี่ยวอวี้และชิงอวิ๋นคอยดูแลอยู่แล้ว ไข้ลมหนาวนั้นติดต่อกันได้ง่ายนัก เสด็จพ่อทรงกลับไปก่อนเถิด มิเช่นนั้นหากติดไข้ลูกแล้วจะทำอย่างไรเล่าเพคะ” อวี้อาเหราชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหาข้ออ้างขึ้น
“จะติดได้อย่างไรกัน สุขภาพของพ่อก็แข็งแรงมาโดยตลอด ไม่มีทางติดไข้เจ้าหรอก เจ้าวางใจเถิด” ทำอย่างไรหลิงอ๋องก็ยังคิดที่จะปักหลักอยู่ที่เดิมไม่ยอมไปไหน สะบัดชายแขนเสื้อยกใหญ่
อวี้อาเหรายังคงเกลี้ยกล่อมเขาต่อไป “ถึงกระนั้นก็ป้องกันไว้ก่อนดีกว่าเพคะ ตอนนี้อนุรองกำลังตั้งครรภ์อยู่ หากติดไปถึงนางเข้า คงเป็นอันตรายกับเด็กในท้องแน่ เพราะอย่างนั้นเสด็จพ่อทรงกลับไปก่อนเถิดเพคะ”
เมื่อได้ยินชื่ออนุรอง หลิงอ๋องก็ถอนหายใจออกมา “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อกลับก่อน เจ้าก็รักษาตัวให้ดีๆ เถิด”
“น้อมส่งเสด็จพ่อเพคะ!” เมื่อหลิงอ๋องจากไปแล้ว อวี้อาเหราจึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมา สะบัดเสื้อคลุมออกแล้วลุกออกจากเตียง หากให้หมอหลวงมาตรวจอาการนางเข้าจริงๆ อาการป่วยของนางจะสามารถปิดบังได้อยู่อีกหรือ แล้วจะทำอย่างไรดีเล่า? นางเดินวนอยู่ข้างเตียง คิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี ลมเย็นๆ จากนอกหน้าต่างพัดเข้ามาปะทะร่างกายของนาง รู้สึกหนาวจนต้องไอออกมา
หนาวหรือ? ในใจของนางพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาได้ หากว่านางป่วยขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องตรวจไม่พบแล้วสินะ?
อวี้อาเหราเป็นคนคิดจริงทำจริง นางรีบเดินออกไปด้านนอกเรือนพัก เดินไปถึงข้างบ่อน้ำ ยังดีที่มีถังน้ำวางอยู่หนึ่งถังพอดี ด้านในเต็มไปด้วยน้ำที่เย็นเฉียบ หากเทรดตัวเองแล้วจะต้องหนาวจนป่วยแน่ๆ นางไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย หากต้องการที่จะถ่วงเวลาไม่ให้ไทเฮาเรียกนางไปพบได้ ก็คงมีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น
นางกัดฟันแน่น ยกถังน้ำขึ้นมาแล้วรดตัวเองตั้งแต่ศีรษะลงมา น้ำเย็นๆ ท่ามกลางฤดูหนาวนั้นเหมือนมีดคมๆ ที่บาดผิวเนื้อไปทั่วทุกส่วน แม้แต่กระดูกก็ยังสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ นางตัวสั่นไปทั้งร่าง หนาวจนเหมือนเพิ่งจะเดินออกมาจากภูเขาน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
หนาวจริงๆ เลย! อวี้อาเหราสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่เพียงแต่ใบหน้า แม้แต่ริมฝีปากเองก็เปลี่ยนไปเป็นสีซีดเผือด
นางกลัวว่าจะยังหนาวไม่พอ นางยืนตากลมหนาวอยู่พักหนึ่งถึงค่อยกล้าเข้าห้อง แม้แต่เท้าก็ยังแข็งทื่อ จะยืนตรงก็ยังทำไม่ได้ หลังจากเข้ามาในห้องแล้วก็กัดฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งๆ ที่ยังตัวสั่นเทิ้ม แล้วค่อยมุดเข้าไปในโปงผ้าห่มอีกครั้ง
แม้แต่ผ้าห่มที่เคยอบอุ่นก็ยังหนาวเหมือนก้อนน้ำแข็ง ทำอย่างไรก็ไม่อาจสร้างความอบอุ่นให้กับตัวเองได้เลย
อวี้อาเหรารับรู้ถึงความรู้สึกยากจะทานทนก็คราวนี้เอง
ผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเมี่ยวอวี้ก็พาตัวหมอหลวงเข้ามา เมื่อเห็นอวี้อาเหรานอนขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ก็ชะงักอยู่เป็นนานจึงค่อยรู้สึกตัว รีบก้าวเข้าไปข้างหน้า แล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ หมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ”
อวี้อาเหราฝืนความหนาวเย็นแล้วยื่นศีรษะออกมาด้านนอก สีหน้าไร้ซึ่งสีเลือดโดยสิ้นเชิง เส้นผมชื้นเล็กน้อย เพราะแห้งไปบ้างแล้ว ตอนนี้ดูแล้วเหมือนเพียงแค่เหงื่อออก สีหน้าไม่น่าดูนัก ขาวซีดจนเหมือนไม่ใช่คน
เมี่ยวอวี้ถูกสีหน้าของนางทำให้ตกใจ “คุณหนู ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ เมื่อครู่ยัง…”
“หมอหลวงเล่า” อวี้อาเหราไม่สนใจคำพูดของนาง กลับถามขึ้นมาตามตรง
เมี่ยวอวี้หันไปมองทิศทางที่หมอหลวงยืนอยู่ “อยู่ที่นี่เจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้บ่าวเข้าวังไปเชิญหมอหลวง แต่ไทเฮาทรงส่งหมอหลวงมาดูอาการท่านพอดี บ่าวจึงได้แต่พามาด้วยเจ้าค่ะ”
ตอนที่ 360 ลดยา
“เชิญหมอหลวงมาตรวจอาการข้าเถิด” อวี้อาเหราพยายามที่จะลืมตาขึ้น แล้วเหลือบสายตามองไปทางหมอหลวง ในใจก็ลอบคิดขึ้นว่า ไทเฮาถึงขนาดส่งหมอหลวงมาดูอาการของนางเช่นนี้ นี่ก็คงเพราะจะให้มาดูว่านางนั้นป่วยจริงหรือไม่ ขิงยิ่งแก่ยิ่งแรงอย่างที่ว่า มิเสียแรงที่สาดน้ำเย็นใส่ตัวก่อนที่หมอหลวงจะมา ไม่ป่วยก็ต้องยอมป่วย
นางยื่นมือออกไปให้หมอหลวงตรวจอาการ คิ้วของอีกฝ่ายขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นอย่างไรบ้างท่านหมอ” เมี่ยวอวี้อดที่จะถามขึ้นไม่ได้
“อาการป่วยของคุณหนูยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ดูท่าแล้วคงจะติดไข้หนักเป็นแน่ คิดว่าหากรักษาตัวดีๆ ก็คงดีขึ้น ยังดีที่ไม่ได้ป่วยหนักอะไร พักรักษาตัวสักพักก็คงจะหาย แต่ได้ยินมาว่าร่างกายของคุณหนูรองอ่อนแอมาโดยตลอด คงจะหายยากกว่าคนอื่นหน่อยนะขอรับ” หมอหลวงตอบ
“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ท่านหมอรีบจ่ายยาให้คุณหนูของข้าเถิดเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้มองไปทางอวี้อาเหราอย่างสับสน ในใจของนางรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างเล็กน้อย ก่อนที่จะไปเชิญหมอหลวงมา คุณหนูก็ยังดูสบายดีมากอยู่เลย เหตุใดผ่านไปเพียงครู่เดียวจึงได้ป่วยหนักเสียได้ หรือว่า…
“ข้าน้อยเจ้าใจแล้วขอรับ” เช่นนั้นหมอหลวงจึงออกไปจ่ายยา
เมี่ยวอวี้ถึงได้มองไปทางอวี้อาเหรา “คุณหนู เหตุใดท่านถึงได้…”
อวี้อาเหราพยักหน้าลง “เป็นอย่างที่เจ้าคิดนั่นล่ะ”
“คุณหนู ท่านก็จริงๆ เลยนะเจ้าคะ อยู่ดีๆ ก็ทำให้ตัวเองล้มป่วยเสียได้ เพียงเพื่อที่จะไม่ต้องแต่งงานกับรัชทายาท”
“ใครใช้ให้ไทเฮาบังคับข้ากันเล่า ข้าก็ต้องใช้แผนนี้เท่านั้นแล้ว”
ยามที่กล่าววาจานั้นน้ำเสียงของอวี้อาเหราก็สั่นเทาเป็นอย่างยิ่ง ทุกคำพูดล้วนแล้วแต่ต้องออกแรงเป็นอย่างมากในการพูด ร่างกายเย็นเฉียบ ราวกับร่างกายนอนอยู่ในโปงน้ำแข็ง ความอบอุ่นแม้แต่น้อยก็ยังไม่มี
สีหน้าของเมี่ยวอวี้ดูกลัดกลุ้ม “คุณหนูก็ทำให้ตัวเองลำบากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ทำให้ตัวเองหนาวสั่นจนสภาพกลายเป็นเช่นนี้ บ่าวเห็นท่านแล้วก็รู้สึกปวดใจยิ่งนัก เช่นนั้นบ่าวจะไปรีบสุมฟืนให้ท่านก็แล้วกันนะเจ้าคะ หากหนาวจนป่วยหนักไปคงจะลำบากแย่”
อวี้อาเหราพูดไม่ออก ทำได้เพียงแต่พยักหน้าลง สมองมีความรู้สึกพร่าเลือนบ้างเล็กน้อย น้ำเสียงของเมี่ยวอวี้ฟังดูห่างไกลมากขึ้นเรื่อยๆ
เมี่ยวอวี้รีบให้สาวใช้ไปสุมฟืนทันที จนทั่วทั้งห้องอุ่นร้อนขึ้นโดยทั่ว แต่อวี้อาเหราก็ยังรู้สึกหนาวเย็นแทบตาย ทว่าก็ยังรู้สึกดีกว่าเมื่อครู่นี้มากเลยทีเดียว เมี่ยวอวี้มองดูอย่างเป็นทุกข์ ให้คนไปต้มน้ำขิงไล่หนาว อีกทางก็ให้คนไปรับใบสั่งยาจากหมอหลวงมา
วุ่นวายอยู่เนิ่นนาน เมื่ออวี้อาเหราได้ดื่มน้ำขิงผสมน้ำตาลก็รู้สึกสบายขึ้นมาก เมื่อพูดก็มีเรี่ยวมีแรงมากขึ้น เมื่อเห็นใบสั่งยาในมือของเมี่ยวอวี้ที่กำลังจะให้คนออกไปซื้อยา ก็พูดขึ้นมาว่า “ตอนไปซื้อยามาต้มนั้น เจ้าก็ต้องไปดูด้วยตัวเอง แล้วแอบเอาตัวยาออกสักสองสามตัว”
“ทำเช่นนั้นไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู หากขาดตัวยาไปสักตัวจะไม่เป็นผลดี แม้ว่าท่านจะไม่อยากแต่งงานก็จริง แต่ก็ควรใส่ใจร่างกายของตัวเองด้วยนะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้ไม่ยอมรับปาก
น้ำเสียงของอวี้อาเหราจึงแข็งกร้าวอย่างโกรธเคือง “เจ้าจะเชื่อฟังคำพูดของข้าหรือไม่ หากเจ้ากล้านำเรื่องนี้ไปบอกเสด็จพ่อล่ะก็ ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าแน่ๆ!”
“คุณหนูโปรดระงับโทสะด้วยเจ้าค่ะ!” เมี่ยวอวี้รีบคุกเข่าลงในทันที แต่ก็ยังไม่ยอมตกปากรับคำ “ถ้าหากท่านป่วยหนักไม่หายขึ้นมา เช่นนั้นก็ไม่เพียงแต่จะทำให้ท่านอ๋องต้องทรงกังวล แต่หากกลายเป็นโรคเรื้อรังขึ้นมา จะต้องทำอย่างไรจึงจะรักษาหายเล่าเจ้าคะ หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่เท่ากับว่าบ่าวเป็นผู้ช่วยให้เป็นหรอกหรือเจ้าคะ”
“เมี่ยวอวี้” เมื่ออวี้อาเหราได้ยินนางพูดเช่นนี้ น้ำเสียงของนางก็อ่อนลงมาก “ข้ารู้ว่าเจ้ามีเจตนาดี แต่เจ้าต้องรู้ไว้ ไม่ว่าอย่างไรคุณหนูของเจ้าก็จะไม่ยอมแต่งกับรัชทายาทแน่ หากใครบังคับให้ข้าต้องแต่งกับรัชทายาทจริงๆ เช่นนั้นก็ให้ข้ารีบๆ ตายไปเสียจะดีกว่า!”