ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 363-364
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 363 ยาถึงโรคหาย / ตอนที่ 364 ขออภัย
ตอนที่ 363 ยาถึงโรคหาย
“เมี่ยวอวี้ อย่าได้เสียมารยาทต่ออนุสาม นางเพียงคิดถึงอาการป่วยของข้าเท่านั้น” อวี้อาเหราร้องดุเสียงดัง
“ใช่เพคะ หม่อมฉันเพียงคิดถึงอาการป่วยของคุณหนูรองจึงคิดเห็นเช่นนี้” อนุสามพูดตามอวี้อาเหรา แล้วจึงถลึงตาจ้องมองเมี่ยวอวี้ อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงอนุ แต่สาวใช้กลับไร้มารยาทต่อนางเช่นนี้ ไม่ได้เรียนรู้กฎเกณฑ์มาเลยหรืออย่างไร
ก่อนหน้านี้ยังเห็นอวี้อาเหราอาการดีๆ อยู่เลย ยังแกล้งนางเรื่องน้ำชา แล้วเหตุใดถึงมาป่วยหนักเสียได้เล่า นางกำลังหลอกใครกัน อย่าคิดว่าทำเป็นแสร้งป่วยแล้วจะตบตานางได้ นางไม่ยอมหลงกลแน่ จะต้องให้รู้ดำรู้แดง จะต้องให้เห็นชัดๆ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วหากอวี้อาเหราทำเป็นแกล้งป่วยอีกก็คงต้องถูกเปิดเผย
หลังจากคิดแผนการจนเสร็จสรรพ ก็ลอบยิ้มอย่างยินดี
“เจ้าก็รู้จักหมอที่มีฝีมือด้วยหรือ” หลิงอ๋องมีท่าทีคาดคะเน มองไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ยินดีหรือโกรธเคือง
อนุสามกำลังจะพยักหน้าลง อวี้อาเหราก็พูดขึ้นมาในทันทีว่า “อนุสามกล่าวว่ายาถึงโรคหาย แต่ลูกฟังแล้วไม่เชื่อเท่าไรนัก…”
“ยาถึงโรคหาย?” หลิงอ๋องชะงัก “เจ้าเข้าใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เราก็ย่อมยินดีที่จะเชิญหมอฝีมือดีทั่วเมืองมารักษา ขอแค่รักษาหายก็พอ อาเหราเจ้าว่าอย่างไร”
“เพคะ…” อวี้อาเหราแสร้งทำทีลำบากใจยามที่ตอบ
อนุสามเห็นหลิงอ๋องตอบตกลงเช่นนี้ และตีความท่าทีลำบากใจของอวี้อาเหราว่านางกลัวที่จะถูกจับได้ เช่นนั้นจึงหัวเราะ “ในเมื่อท่านอ๋องตรัสเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันก็จะส่งคนไปเชิญหมอมาเพคะ”
“ไปเถิด” หลิงอ๋องโบกมือ
อนุสามส่งคนออกไปตามอย่างยินดี แทบจะปิดท่าทียินดีเอาไว้ไม่ได้ จนแทบที่จะเผยให้เห็นบนใบหน้า อวี้อาเหราแอบลอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ สายตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ นางเบื่อที่จะรบเร้าพัวพันกับอนุสามเต็มที เมื่อเห็นอนุสามหาเรื่องยุ่งยากมาให้นางอย่างกระตือรือร้น ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเบื้องหลังของนางยังมีอนุรอง ก็อดไม่ได้ที่จะอึดอัด
หลังจากเชิญหมอมาแล้ว อวี้อาเหราก็ยื่นมือออกไปให้อีกฝ่ายตรวจชีพจร
หลังจากตรวจชีพจรด้วยท่าทียุ่งยากใจอยู่นาน ก็ลูบเครายาวไม่หยุดและไม่ยอมเอ่ยปาก
หลิงอ๋องที่รออยู่เกิดหมดความอดทน รีบเอ่ยถามว่า “ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง ลูกสาวของข้าสามารถรักษาหายได้หรือไม่”
“ท่านอ๋องอย่างเพิ่งกริ้วไปพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูรองป่วยหนักถึงเพียงนี้ จะต้องใช้เวลานานในการรักษา คงไม่อาจรักษาให้หายได้ในฉับพลัน” หมอเฒ่าคุกเข่าลงอย่างงกๆ เงิ่นๆ
ในเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น อนุสามก็ชะงัก เกิดอะไรขึ้น?
หลิงอ๋องแสดงท่าทีโกรธเคือง “เจ้าตรวจอย่างไรกัน”
ในยามนี้ อวี้อาเหราก็นวดขมับด้วยท่าทีเป็นทุกข์ น้ำเสียงแหบแห้งขึ้นมา “เสด็จพ่อ ลูกรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินเพคะ รู้สึกหัวหนักขึ้นเรื่อยๆ เหตุใดหมอที่อนุสามเชิญมาไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย เหตุใดถึงไม่เห็นดีขึ้นเลยเพคะ”
“ใช่แล้วเพคะท่านอ๋อง คุณหนูถูกทรมานถึงเพียงนี้ ป่วยหนักถึงเพียงนี้ จะทำอย่างไรกันดีเพคะ” เมี่ยวอวี้ได้รับสายตาเป็นนัยย์ของอวี้อาเหรา จึงช่วยพูดขึ้นมาอีกแรง
อนุสามมีท่าทีไม่ค่อยดีนัก จึงคุกเข่าลงเสียงดัง “ท่านอ๋องโปรดอย่าได้ทรงกริ้วเพคะ หม่อมฉันได้ยินมาว่าหมอผู้นี้มีวิชาสูงส่ง ทั้งยังเห็นว่าคุณหนูรองป่วยหนักถึงเพียงนี้ ลองให้มาดูอาการเสียหน่อยก็ไม่เสียหาย เป็นการรักษาม้าตายดุจม้าเป็น[1]อย่างไรเพคะ”
“ม้าตาย? อนุสาม เจ้าเห็นข้าเป็นปศุสัตว์อย่างนั้นหรือ” อวี้อาเหราได้ยินดังนั้นก็โกรธเคืองขึ้นมา
“อาเหรา เจ้าอย่าได้โกรธจนส่งผลเสียต่อร่างกายเลย พ่อจะไม่ยอมให้เจ้าถูกทรมานเช่นนี้แน่” หลิงอ๋องปลอบโยนอวี้อาเหรา แล้วหันไปต่อว่าอนุสาม
——
[1] รักษาม้าตายดุจม้าเป็น (死马当活马医) หมายถึงการทำสิ่งที่รู้ว่าไม่มีทางสำเร็จก็ยังพยายามทำดู
ตอนที่ 364 ขออภัย
“เจ้าคิดอะไรกันอยู่ ไปเอาหมออะไรมาจากไหนกัน ทหาร! โยนหมอผู้นี้ออกไป แล้วนำตัวอนุสามออกไปด้วย ช่างทำให้เรารำคาญใจนัก”
“ท่านอ๋องโปรดอย่าได้ทรงกริ้ว หม่อม…หม่อมฉันเพียงคิดถึงสุขภาพของคุณหนูรองเท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าหมอที่เชิญมาจะไม่มีประโยชน์ถึงเพียงนี้ หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ขอให้ท่านอ๋องทรงให้โอกาสหม่อมฉันไถ่โทษต่อคุณหนูรองเถิดเพคะ” ลูกตาของอนุสามกลอกกลิ้ง ทันใดนั้นก็รีบโขกศีรษะ นางไม่คิดว่าอวี้อาเหราจะป่วยขึ้นมาจริงๆ นี่นา
หากรู้เช่นนี้นางก็ไม่น่าพูดเรื่องยาถึงโรคหายอะไรนั่นเลย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงจะเท่ากับตบหน้าตัวเองกระมัง?
ทว่าเมื่อครู่นี้ที่อวี้อาเหราและเมี่ยวอวี้สองนายบ่าวคุยกับท่านอ๋อง พวกนางตั้งใจสินะ! อนุสามกำหมัดแน่น ไม่คิดว่าอวี้อาเหราจะมาไม้นี้ นางโกรธเสียนัก
“ไถ่โทษหรือ” หลิงอ๋องเลิกคิ้วเข้มหนาทั้งสองข้างขึ้น
“เพคะ หม่อมฉันต้องการที่จะไถ่โทษต่อคุณหนูรอง เป็นเพราะหม่อมฉันจึงทำให้อาการของคุณหนูรองทรุดหนักถึงเพียงนี้” อนุสามพยักหน้าอย่างหนักแน่น
นางนั้นเดิมทีก็ไม่มีสถานะอะไรในจวนแห่งนี้อยู่แล้ว วันทั้งวันหากไม่โดนอนุรองกดดันก็โดนอวี้อาเหรากลั่นแกล้ง สิ่งที่นางคิดไม่ถึงเลยก็คืออนุสี่กลับกุมอำนาจการจัดการไว้ในมือมากมาย คนในจวนล้วนมองว่าอนุสี่สำคัญ แล้วนางเล่าอยู่ในตำแหน่งใดกัน? หากตอนนี้ถูกท่านอ๋องเกลียดเข้าไปอีก นางจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
ดังนั้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีชีวิตรอดอยู่ต่อไป จึงจำต้องขอโทษอวี้อาเหรา เพื่อให้ท่านอ๋องไม่โกรธนาง
หลิงอ๋องเป็นคนใจกว้าง เมื่อเห็นอนุสามพูดขึ้นด้วยความสัตย์ซื่อก็ใจอ่อน มองไปทางอวี้อาเหรา “เจ้าอยากให้นางไถ่โทษเช่นไร”
“อนุสามเป็นสาวใช้ของเสด็จแม่ และยังเป็นอนุของเสด็จพ่อ ลูกคงจะไม่ใจร้ายกับนางนักเพคะ อีกอย่างนางก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไรผิดมากมาย ลูกก็จะให้อภัยนาง ลูกเชื่อว่านางคงไม่ได้ตั้งใจเพคะ” อวี้อาเหราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกรุณาของกุลสตรีที่ดี
จนทำให้หลิงอ๋องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาแหลมคม “ดี เห็นเจ้ารู้ประสาเช่นนี้ก็ดี สมเป็นธิดาของเสด็จแม่ของเจ้ายิ่งนัก”
อวี้อาเหรายิ้ม ไม่ตอบคำ
อนุสามก้าวไปข้างหน้า แล้วทำความเคารพนางอย่างถูกต้องตามกฎ “คุณหนูรอง เมื่อครู่นี้เป็นเพราะข้าน้อยทำเกินเรื่องไป ที่คุณหนูรองให้อภัย ข้าน้อยรู้สึกขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”
“อนุสามรีบลุกขึ้นเถิด เจ้าเป็นผู้อาวุโส ไหนเลยจะต้องมาทำความเคารพข้าเช่นนี้เล่า หากเสด็จแม่ที่อยู่ในปรภพทรงทราบเข้า คงจะไม่ทรงยินดีเป็นแน่ อย่างไรเสียท่านก็เป็นสาวใช้ข้างกายของเสด็จแม่มาก่อน คิดว่าเสด็จแม่คงจะมาเยี่ยมเจ้าทุกคืน ใช่หรือไม่”
อวี้อาเหราเอ่ยถึงพระชายาหลิงอ๋องขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ให้คนที่ตายไปแล้วมาเยี่ยมคนเป็น? ก็คงจะมาด้วยร่างของผีวิญญาณสินะ!
อนุสามตกใจจนตัวสั่น น้ำเสียงที่พูดก็สั่นเทาขึ้นมา “คะ…คุณหนูรองกล่าวถูกแล้ว ตอนมีชีวิตอยู่ พระชายาเป็นผู้มีเมตตาและคิดถึงจิตใจของผู้อื่นเสมอ แน่นอนว่าคงไม่ต้องการเห็นพวกเราก่อเรื่องให้ไม่สบายพระทัย…”
“อนุสามคิดเช่นนี้ได้ก็ดี แม้ว่าข้าจะไม่ใจกว้างเท่าเสด็จแม่ แต่หากไม่ได้ทำให้ข้าเดือดร้อนจนถึงที่สุดแล้ว ข้าก็มักจะให้โอกาสกลับเนื้อกลับตัวเสมอ” อวี้อาเหราพูดด้วยทีท่าสบายๆ แต่อนุสามกลับฟังนิ่งๆ ไม่ตอบคำ
นางทำเช่นนี้ก็เพื่อจะกล่าวเตือนนาง ที่นางมีสถานะอย่างเช่นทุกวันนี้ ก็เป็นเพราะพึ่งบารมีพระชายาหลิงอ๋อง มิเช่นนั้นก็คงเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดาๆ หากต้องการที่จะก่อความวุ่นวายร่วมกับอนุรองอีก อย่าหาว่าไม่เกรงใจ!
อวี้อาเหราพูดขึ้นโดยแฝงความนัยที่ตัวเองต้องการจะสื่อ