ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 375-376
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 375 ผิดที่ตรงไหน / ตอนที่ 376 ไม่ใช่ข้า แล้วเจ้าคิดว่าจะเป็นใคร
ตอนที่ 375 ผิดที่ตรงไหน
“เหอะ!” จวินฉางอวิ๋นสะบัดชายแขนเสื้อยาวด้วยความโกรธเคือง จ้องมองสองคนพ่อลูกแล้วจึงกัดฟันหมุนตัวเตรียมจะจากไป วันนี้เป็นเพราะคำสั่งของเสด็จย่าเขาจึงได้มายังจวนหลิงอ๋อง แต่กลับถูกสองพ่อลูกป่วนประสาทเช่นนี้น่ะหรือ? ช่างน่าอับอายยิ่งนัก ตัวเขาเป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งต้าเยี่ยน แต่กลับโดนด่าทอจนเสียผู้เสียคนถึงเพียงนี้
นางกำนัลอาวุโสยืนรั้งอยู่ด้านนอก เมื่อเห็นสีหน้าโกรธเคืองของผู้เป็นนายก็ตกใจยิ่งนัก รีบเดินตามหลังเขาออกจากจวนไปในทันที
เมี่ยวอวี้มองไปยังสองนายบ่าวที่จากไปด้วยความโกรธเคืองแล้วจึงค่อยเข้ามาในห้อง ก่อนจะทำความเคารพหลิงอ๋องพร้อมทั้งอวี้อาเหรา “บ่าวถวายบังคมท่านอ๋องและคุณหนูรองเพคะ”
“ลุกขึ้นเถิด” หลิงอ๋องโบกชายแขนเสื้อเป็นเชิงอนุญาต
“เสด็จพ่อเสด็จมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเพคะ” อวี้อาเหราหันไปทางหลิงอ๋อง เห็นเขาสวมเสื้อผ้าสง่างาม เสื้อตัวยาวหรูหราพลิ้วบางเหมือนสายลม เมื่อสวมอยู่บนร่างของเขาแล้วกลับไม่ทำให้ดูงดงามสุภาพ แต่สามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของชายวัยกลางคน ทั้งท่วงท่าและลักษณะก็ยังดูสง่างามมีราศี
“เป็นเมี่ยวอวี้ที่ไปเชิญพ่อมา” หลิงอ๋องส่งสายตาไปทางเมี่ยวอวี้
เมื่อเห็นอวี้อาเหรามองมา เมี่ยวอวี้ก็รีบยิ้มออกมาทันที “บ่าวเกรงว่าหากคุณหนูอยู่กับรัชทายาทนานกว่านี้จะถูกรังแกเอาได้ เช่นนั้นจึงรีบไปเชิญท่านอ๋องที่ห้องหนังสือ บ่าวทำเกินเรื่องไป ขอให้คุณหนูลงโทษด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้ามีความผิดที่ใดกัน” อวี้อาเหราไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย เป็นเพราะเมี่ยวอวี้เชิญหลิงอ๋องมาจึงทำให้นางคลายจากความโกรธไปได้ จวินฉางอวิ๋นเห็นว่าตัวเองเป็นองค์รัชทายาทแล้วอย่างไร? หากเป็นช่วงเวลาอื่น มองนางก็ยังไม่อยากจะมอง ไหนเลยจะมายืนคุยกับเขาเป็นนานสองนานเพียงนี้
เพราะต้องการที่ยั่วโมโหเขา นางจึงทำให้สร้อยไข่มุกเส้นนั้นขาดเสีย
เมื่อเห็นหลิงอ๋องโกรธแทนนางเช่นนี้ ในใจของนางก็เป็นสุขยิ่งนัก
เมี่ยวอวี้ได้ยินอวี้อาเหราพูดเช่นนี้แล้ว คงจะชื่นชมที่นางกล้าคิดกล้าทำ จึงยิ้มแย้มออกมาอีก “บ่าวขอบพระคุณคุณหนูเจ้าค่ะ”
“อืม” อวี้อาเหราตอบรับอย่างพึงใจ เกิดรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาเล็กน้อย จนร่างกายแทบจะยืนไม่อยู่จึงได้หงายหลังไป โชคดีที่หลิงอ๋องซึ่งยืนอยู่ด้านหลังได้ประคองนางเอาไว้ทันเวลา นางสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด จึงค่อยยืนอย่างมั่นคง
เมี่ยวอวี้รีบพูดขึ้น “เมื่อครู่นี้คุณหนูต้องต้อนรับท่านหญิงน้อยเซิ่นและองค์รัชทายาท ร่างกายคงเหนื่อยแล้วกระมัง รีบนอนพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”
“เจ้านี่ช่างไม่เห็นแก่ร่างกายของตัวเองเลย” หลิงอ๋องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะพยุงอวี้อาเหราไปยังเตียงนอนด้วยตัวเอง จากนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย “ท่านหญิงเซิ่นก็มาด้วยหรือ? ใช่ท่านหญิงน้อยแห่งจวนเซิ่นอ๋องหรือไม่”
“ใช่แล้วเพคะ เสด็จพ่อ” อวี้อาเหราตอบ
“นางมาที่จวนหลิงอ๋องด้วยเหตุใดกัน ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอาเหรารู้จักนางด้วย” หลิงอ๋องทำท่านึก
อวี้อาเหรานิ่งไป แล้วจึงตอบว่า “คงจะเป็นเพราะหลังจากที่เซิ่นซื่อจื่อกลับมาจากเมืองตะวันตกพร้อมกับลูกในครั้งก่อน ได้พบกับนางที่หน้าประตูเมืองพอดี เช่นนั้นจึงพากันไปทานอาหารที่หอจุ้ยเซียน พวกเราจึงรู้จักกันในตอนนั้น ภายหลังนางก็มาพบลูกเพราะเรื่องที่เกี่ยวกับเซิ่นซื่อจื่อน่ะเพคะ”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เซิ่นซื่อจื่อเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตลูกเอาไว้ ลูกจะต้องตอบแทนเขาให้ดี” หลิงอ๋องได้ยินนางพูดเช่นนี้แล้วก็ไม่นึกไถ่ถามอะไรให้มากความอีก อยู่พูดคุยอีกเพียงสองสามคำแล้วจึงจากไป
เมื่อหลิงอ๋องไปแล้ว อวี้อาเหราจึงลุกขึ้นนั่งบนเตียง
เมี่ยวอวี้เห็นนางทำเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถาม “คุณหนู เหตุใดถึงไม่นอนต่อเล่าเจ้าคะ”
“ข้าไม่ง่วงแล้ว ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง แต่ตอนนี้ท้องข้ากลับหิวขึ้นมาเสียนี่ เจ้าไปเตรียมอาหารให้ข้าเถิดไป” อวี้อาเหรานั่งอยู่บนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเอนกายพิงหมอนด้วยความสบาย จากนั้นจึงค่อยสั่งความกับเมี่ยวอวี้
ตอนที่ 376 ไม่ใช่ข้า แล้วเจ้าคิดว่าจะเป็นใคร
อวี้อาเหรากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง เพียงไม่นานนางก็เริ่มต้านทานความง่วงเอาไว้ไม่ไหว เผลอหลับไปยาวจนกระทั่งช่วงค่ำ
นางลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ข้างกายเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ เป็นความอุ่นร้อนที่มีความเหน็บหนาวแทรกอยู่ในนั้น กระทั่งได้กลิ่นหอมเย็นลอยเข้ามาในจมูก อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาอย่างเต็มที่
ตรงหน้ากลับปรากฏเป็นแผ่นหลังของคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ เงาร่างนั้นดูผอมบางยิ่งนัก ทว่ายามนี้อวี้อาเหรากลับกำลังกอดอีกฝ่ายเอาไว้ ยามที่กอดเข้าไปนั้นกลับไปไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายผอมบางเลยแม้แต่น้อย นางลังเลอยู่นาน ก่อนจึงค่อยผุดลุกขึ้นนั่ง เบิกดวงตากว้างขึ้นจ้องมองคนผู้นั้น “เจ้าเป็นใคร”
ฉู่ป๋ายค่อยๆ ผินใบหน้าที่ราวกับภาพวาดกลับมาอย่างช้าๆ มุมปากยกโค้งขึนเป็นรอยยิ้มน้อยๆ “แม้แต่ข้าเจ้าก็จำไม่ได้แล้วหรือ”
“เจ้าเองหรือ” คำถามของอวี้อาเหราราวกับไม่ได้ถามอีกฝ่าย แต่กลับเหมือนถามตัวเองเสียมากกว่า ไม่สิ น้ำเสียงของนางราวกับแน่ใจเสียเหลือเกิน
“หากไม่ใช่ข้า แล้วเจ้ายังคิดว่าเป็นใครกัน” ฉู่ป๋ายมองสีหน้าแปลกใจของนาง แต่สีหน้าท่าทางของเขายังคงมั่นคงแน่วแน่ดังเดิม ราวกับไม่เห็นคำโบราณที่กล่าวไว้ว่า ‘ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด’ อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ทว่าสายตาก็ยังคงวนเวียนอยู่กับร่างของนาง นับตั้งแต่ใบหน้าถึงลำคอ ถึงไหปลาร้า ไปจนถึง…
สายตาของเขาราวกับแผ่รังสีซอกซอนไปทั่ว มองทะลุร่างกายของนางเสียจนหมด
อวี้อาเหราพลันยกมือขึ้นกอดอก แล้วจึงจ้องมองเขาอย่างดุดัน “เจ้ามองพอหรือยัง”
“อืม ตอนที่เจ้านอนอยู่ ข้าก็มองทั้งที่ควรมองและไม่ควรมองจนพอแล้ว” ไม่คิดเลยว่าเขาไม่เพียงไม่สำนึกผิด แต่กลับจู่โจมหนักยิ่งขึ้น เขาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม กล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ก็ทำให้นางรู้สึกโกรธแทบตาย นางเหยียดริมฝีปากออกมาอย่างอารมณ์เสีย บนโลกนี้ก็มีผู้ชายที่หน้าไม่อายได้ถึงเพียงนี้ด้วยหรือ!
มีสิ! ก็คนตรงหน้านางนี่อย่างไรเล่า!
เมื่อสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อวี้อาเหราจึงค่อยสงบลงบ้าง
ฉู่ป๋ายเห็นนางโกรธจนแทบกระอัก เช่นนั้นจึงแก้คำพูดว่า “ข้าก็เห็นว่าตอนนี้เจ้าแต่งตัวไม่เรียบร้อยและดูทรุดโทรมต่างหาก”
“เจ้า!” อวี้อาเหราแอบก่นด่าอยู่ในใจ จะกล่าววาจาเช่นนี้ต้องใช้เวลานานเลยหรือจึงจะกล่าวออกมาได้ ช่างน่าโมโหยิ่งนัก เมื่อนึกถึงเมื่อครู่นี้ที่นางยกมือขึ้นปิดหน้าอกแล้ว ทันใดนั้นนางก็เอามือลงอย่างโกรธๆ แล้วพยายามทำให้ตัวเองอยู่ในทีท่าที่ปกติที่สุด “เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน”
“แล้วเหตุใดข้าถึงมาที่นี่ไม่ได้” ฉู่ป๋ายกล่าวขึ้น น้ำเสียงฟังดูยียวน
อวี้อาเหรามองเขานิ่งๆ เหตุใดวันนี้ถึงได้รู้สึกว่าเขาแปลกไปนะ ถามอะไรก็ต้องถามกลับ อีกอย่าง ท่าทีที่เขายิ้มออกมานั้นกลับทำให้ดูน่าหวาดกลัว นางชะงักไปนานจึงค่อยรู้ตัว “เจ้ามาทำไมกัน”
“เหตุใดหรือ หรือว่าองค์รัชทายาทมาได้ แต่ข้ามาไม่ได้?” ทันใดนั้นฉู่ป๋ายก็ค่อยๆ ยื่นมือออกไปปัดบ่าของนาง ลอบดึงเสื้อของนางขึ้น ปกปิดกระดูกไหปลาร้าขาวผ่องราวหิมะที่ปรากฏออกมาให้เห็น ทั้งขาวทั้งเรียบลื่นงดงามอย่างยิ่ง แต่สายตาของเขาช่างมุ่งมั่น แม้ว่าเขาจะทำเช่นนี้แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันกลับราวกับกำลังสร้างผลงานศิลปะอันงดงามเสียมากกว่า
อวี้อาเหรารู้สึกหัวสมองขาวโพลน นี่นางกำลังเปรียบเทียบร่างกายของตัวเองกับงานศิลปะอย่างนั้นหรือ
นางมองสายตาที่ลุ่มลึกและห่างเหินของฉู่ป๋ายนิ่ง ดวงตาของเขาเหมือนกับวังน้ำวนที่มีชีวิต ที่สามารถดึงดูดให้คนตกลงไปได้ ดวงตาที่ส่องประกายดึงดูดสายตาราวกับดวงดาราเต็มนภา ทว่าในเวลาเดียวกันกลับไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนดวงดาวที่อยู่สูงขึ้นไป แต่กลับเหมือนแสดงสว่างที่หลบซ่อนเอาไว้เสียมากกว่า
เมื่อได้สติขึ้นมา นางก็ไม่รู้เลยว่าชายที่อยู่ตรงหน้ากำลังเล่นผมของนางอยู่