ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 385-386
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 385 คิดเกินเลย / ตอนที่ 386 ช่วยไม่ช่วย
ตอนที่ 385 คิดเกินเลย
เมื่อออกมาจากในห้อง อวี้อาเหราก็มองไปรอบๆ มองไม่เห็นฉู่ป๋ายอยู่ที่กองไฟเลยแม้แต่เงา จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างสงสัย “เจ้าบอกว่าเขาผิงไฟอยู่ที่นี่มิใช่หรือ”
“เมื่อครู่นี้อยู่ที่นี่จริงๆ นะเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้มองไปทางบ่าวรับใช้หญิงที่ยืนรักษาการอยู่ที่หน้าประตูจึงเอ่ยถาม “เจ้าเห็นเซิ่นซื่อจื่อหรือไม่”
องครักษ์หญิงผู้นี้คือบ่าวรับใช้หญิงที่อายม้วนขณะที่เดินไปส่งฉู่ป๋าย เมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบตอบทันที “เซิ่นซื่อจื่อประทับอยู่ที่ห้องหนังสือน้อยของคุณหนูเจ้าค่ะ”
ห้องหนังสือน้อยหรือ? อวี้อาเหราชะงักไป มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ไป ไปดูที่ห้องหนังสือกัน”
ห้องหนังสืออยู่ด้านในของห้องนี้ อยู่ข้างๆ กันเท่านั้น อวี้อาเหราเดินไปยังห้องหนังสืออย่างคุ้นชิน ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็เห็นฉู่ป๋ายเปิดหนังสือเล่มที่อยู่ในมือ เมื่อเห็นนางก็นิ่ง แล้วเลิกคิ้ว “เจ้าไม่นอนแล้วหรือ”
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า ใบหน้าของอวี้อาเหราก็แดงก่ำ ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จึงยืดคอทำเสียงแข็ง “เจ้าจะยุ่งทำไมว่าข้าจะนอนหรือไม่นอน”
“ก็ใช่ ข้าไม่ยุ่งก็ได้ แต่ถ้าแค่ถามก็คงได้กระมัง”
“…”
คำพูดของฉู่ป๋ายประโยคเดียว ทำให้อวี้อาเหราไม่อาจตอบโต้ได้เลย
พวกเขาเดินตามกันออกมาด้านนอก จึงได้เห็นองครักษ์หญิงผู้นั้นยืนคุมอยู่ในห้อง สายตาของฉู่ป๋ายมองสำรวจร่างกายของนางอยู่ครู่
“เซิ่นซื่อจื่อ คงจะไม่สนใจในตัวสาวใช้ของข้าหรอกใช่หรือไม่” สายตาของอวี้อาเหราแหลมคม จึงทันเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ นางหัวเราะเย็นๆ แม้แต่นางก็ยังรู้สึกว่าเสียงตัวเองนั้นเปลี่ยนไป
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ องครักษ์หญิงคนนั้นก็หน้าแดงขึ้นอีกครั้ง
สายตาของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา “เจ้านี่ชอบหน้าแดงนัก ข้าเห็นว่าเซิ่นซื่อจื่อก็พอใจในตัวเจ้า ข้าส่งเจ้าให้ท่านเลยเป็นอย่างไร”
“คุณ…คุณหนู…” องครักษ์หญิงตกใจเสียจนตัวสั่น รีบคุกเข่าลงทันที “บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ”
“ข้าเห็นว่าเจ้านั้นมีความกล้านัก ไม่เห็นจะไม่กล้าเหมือนที่ปากว่าเลย” อวี้อาเหราหัวเราะ น้ำเสียงของนางหากฟังแบบเผินๆ ก็ฟังดูสบายๆ แต่หากฟังอย่างตั้งใจแล้ว ก็จะได้ยินสำเนียงเย้ยหยัน และยังแฝงไปด้วยความเย็นชาไม่น้อย เหมือนกับใบมีดเย็นๆ ที่กรีดลงไปสู่ผิวเนื้อขององครักษ์หญิงทีละนิ้วๆ
องครักษ์หญิงตกใจจนร่ำไห้โดยไร้เสียง
ฉู่ป๋ายจึงหันมามองนาง “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าเป็นกังวลในเรื่องนี้แทนข้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ข้ากลัวว่าเจ้าจะอายหากออกปากมาเองน่ะสิ” น้ำเสียงของอวี้อาเหราแฝงแววเย้ยหยันชัดเจน “เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว กำลังอยู่ในวัยที่เลือดลมพลุ่งพล่าน มีเรื่องแบบนี้บ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร หากเจ้าต้องการสาวใช้คนนี้ก็เพียงเอ่ยปาก ข้าย่อมเข้าใจอยู่แล้ว”
“เจ้าเข้าใจเรื่องนี้ดีเลยหรือ” ฉู่ป๋ายหรี่ตา สายตาเปลี่ยนไปจนยากเกินกว่าที่จะคาดเดา
“ข้า…” อวี้อาเหรามองท่าทีของเขาในตอนนี้ ชะงักจนไม่อาจเตรียมคำพูดที่ตัวเองเตรียมเอาไว้ จนลิ้นแทบจะม้วนเป็นปมเมื่อถูกตัดบทเช่นนี้ ไม่สิ นางไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย จะไปเข้าใจเรื่องบ้านี้ได้อย่างไรกัน?
ยามที่ทั้งสองทำยังเงียบไม่พูดไม่จาอยู่นั้น องครักษ์หญิงก็พยายามรวบรวมความกล้า คุกเข่าลงแล้วก้มหน้าไปทางคนทั้งสอง “เป็นความผิดของบ่าวเอง บ่าวไม่ควรคิดเกินเลยต่อเซิ่นซื่อจื่อ ขอให้คุณหนูรองอภัยให้บ่าวด้วย บ่าวไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้าคิดเกินเลยเรื่องอะไร” อวี้อาเหราถามขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม
“บ่าว…” องครักษ์หญิงหน้าร้อนฉ่าแดงเถือก ความรู้สึกเช่นนั้นจะให้พูดออกมาได้อย่างไรกัน
อวี้อาเหราเลิกคิ้ว “คิดเกิดเลยเรื่องอะไร เจ้าพูดไม่ออกหรือ? เจ้านี่ช่างกล้าหาญนัก ท่านเป็นถึงเซิ่นซื่อจื่อ เจ้าจะดูถูกท่านหรืออย่างไร”
ตอนที่ 386 ช่วยไม่ช่วย
“บ่าวไม่กล้าดูหมิ่นเซิ่นซื่อจื่อเจ้าค่ะ และยิ่งไม่กล้ามีความรู้สึกเกินเลยอะไรทั้งนั้น คุณหนูรอง ท่านต้องเชื่อบ่าวนะเจ้าคะ!” องครักษ์หญิงตกใจเสียจนคุกเข่าและโขกศีรษะ ศีรษะของนางแทบจะถูกกระแทกจนแตก เลือดสดๆ หยดลงสู่พื้น ร่างเล็กๆ อ่อนบางสั่นเทาไปหมด
“เหตุใดข้าจะต้องเชื่อเจ้าด้วย” อวี้อาเหรากรอกตา เมื่อเห็นบ่าวรับใช้หญิงโขกศีรษะเสียงดังสนั่น ราวกับว่าจะโขกศีรษะไปเรื่อยๆ จนกล่านางจะยอมยกโทษให้ก็จะไม่ยอมหยุด นางอดทนดูไม่ได้ กำลังจะเอ่ยปากบอกให้นางลุกขึ้นยืน จึงกวาดสายตามองไปยังข้างกาย แม้ฉู่ป๋ายจะเห็นเหตุการณ์เช่นนี้แล้วก็ยังคงไม่มีท่าทีอะไรเช่นเดิม
ใจของนางกระตุกทันที หันกลับไปมององครักษ์หญิงแล้วพูดว่า “เจ้าไร้มารยาทต่อเซิ่นซื่อจื่อ สมควรถูกลงโทษ แต่หากเจ้าขออภัยต่อเซิ่นซื่อจื่อ ให้ท่านนำเจ้ากลับไป เช่นนั้นข้าจะไม่โกรธเจ้า มิเช่นนั้น เจ้าคงรู้ว่าจะถูกลงโทษเช่นไร”
“คุณ…คุณหนู?” องครักษ์หญิงหยุดร้องไห้ แล้วลอบมองไปยังฉู่ป๋าย
เขาค่อยๆ หันกลับไปมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของนางอย่างสำรวจตรวจตรา เป็นนานก็ยังไม่เปิดปาก
“เป็นอะไรไปเล่า? หรือว่าเลือกไม่ได้ สาวใช้คนนี้ไม่เข้าตาเจ้าหรืออย่างไร” อวี้อาเหรายังไม่คลายความตั้งใจ เงยหน้าขึ้นไปมองตาของเขา ไม่ว่านางจะพูดอย่างไร ท่าทีของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ทั่วทั้งร่างของเขายืนนิ่งเหมือนรูปปั้นแข็ง ทั้งเย็นชาและนิ่งแข็ง
หลังจากนิ่งไป ฉู่ป๋ายจึงเอ่ยปากขึ้น “เจ้าอยากรู้จริงๆ หรือว่าข้าจะทำอย่างไร”
“อืม ใช่” อวี้อาเหราพยักหน้าอย่างมั่นใจ
ใช่แล้ว นางอยากจะเห็นว่าเขาจะทำอย่างไรกับชีวิตน้อยๆ อ่อนแอ และอยากจะรู้ว่าเขาจะยังทำหน้าถือดีสูงส่งเช่นนี้อยู่หรือไม่
ฉู่ป๋ายเข้าใจเจตนาของนาง จึงส่งสายตาไปยังองครักษ์หญิง
องครักษ์หญิงตกใจเสียจนเกือบจะตาย คุกเข่าลงอึกๆ อักๆ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมั่วๆ เมื่อเห็นสายตาของเขามองมา ทันใดนั้นนางก็ตาเบิกโพล่งอย่างใสซื่อ จากริมฝีปากที่เม้มแน่น ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวและความตึงเครียด และยังแฝงความคาดหวังเอาไว้อีกด้วย
ขอเพียงเขาเอ่ยปาก นางก็จะปลอดภัย
ทว่า คำพูดของฉู่ป๋ายกลับทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นเย็นสันหลังวาบ เพราะเขาพูดว่า “นางเป็นคนของจวนหลิงอ๋อง แล้วแต่คุณหนูรองจะจัดการเถิด”
ความหมายก็เท่ากับว่า ความเป็นความตายขององครักษ์หญิงคนนี้ไม่เกี่ยวกับข้า
ช่างเป็นความเย็นชาที่เหนือเกินกว่ามนุษย์จะสัมผัสได้ ช่างไม่เห็นหญิงสาวอ่อนแออย่างองครักษ์หญิงผู้นี้อยู่ในสายตา อวี้อาเหราตื่นตกใจ จดจ้องมองใบหน้างดงามด้านข้างของฉู่ป๋าย แม้แต่ในยามที่เขาพูด เขาก็แทบจะไม่มีอารมณ์อะไรเลย ราวกับกำลังพูดถึงดินฟ้าอากาศที่แสนดี ไม่เหมือนพูดเรื่องความเป็นความตายของคนอยู่เลย
“คุณหนูรองไว้ชีวิตด้วย!” เมื่อองครักษ์หญิงได้ยินดังนั้น ก็ร้องไห้ออกมาอย่างไม่ปิดบังท่าทีลนลานของตัวเอง นึกอยากจะคว้าขาของอวี้อาเหรา แต่ถูกเมี่ยวอวี้กันตัวเอาไว้ จึงหันไปคว้าตัวฉู่ป๋าย เขาทำเพียงหลุบตาลงมอง ทว่าสายตากลับแฝงไปด้วยความโกรธเคือง สายตาเช่นนี้ ทำให้นางตกใจเสียจนนั่งลงกับพื้น
“เป็นเจ้าพูดเองนะ หลังจากลงโทษแล้วเจ้าอย่าได้อยากได้นางก็แล้วกัน” สีหน้าของอวี้อาเหราเปลี่ยนกลับไปเช่นเดิม
“อืม ข้ารับปาก” ฉู่ป๋ายยิ้มน้อยๆ แต่รอยยิ้มของเขากลับทำให้รู้สึกหนาวเย็นเป็นอย่างมาก
อวี้อาเหราใช้สายตามองไปทางเมี่ยวอวี้ “สาวใช้ผู้นี้กำเริบไร้ความเคารพ เจ้าพานางไปลงโทษเอาเอง ไม่ต้องมาถามข้า”