ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 387-388
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 387 เจ้าด่าข้า / ตอนที่ 388 ฉู่ป๋ายคนดี
ตอนที่ 387 เจ้าด่าข้า
“คุณหนู” หลังจากได้รับคำสั่งแล้วเมี่ยวอวี้ก็ชะงัก
“ยังไม่รีบไปอีก” อวี้อาเหรามองนางด้วยสายตาร้อนรน
อวี้อาเหราถอนสายตากลับมาอย่างพอใจ ลูบเสื้อผ้าที่องครักษ์หญิงผู้นั้นจับ แล้วหันไปยิ้มให้ฉู่ป๋าย “ข้าเคยคิดว่าเซิ่นซื่อจื่อจะมีเมตตาต่อสตรีบ้าง ไม่คิดว่าจะเด็ดขาดถึงเพียงนี้ สายตาจนหนทางขององครักษ์หญิงเมื่อครู่นี้ ไม่ทำให้เจ้าหมดความอดทนหรือ…”
“เจ้าอยากพูดเรื่องอะไรกันแน่” ฉู่ป๋ายผินหน้ามามองนาง สายตาจ้องมองนางไม่ไหวติง
อวี้อาเหราแสร้งทำท่าทีซื่อบริสุทธิ์ “ข้าเพียงขอความเมตตาแทนองครักษ์หญิงผู้นั้น”
“ขอความเมตตา?” ฉู่ป๋ายหัวเราะเบาๆ “แต่เจ้าอย่าได้ลืมไป เมื่อครู่นี้เป็นเจ้าที่ออกปากเอง”
“เจ้า” อวี้อาเหราถูกตอบกลับจนไปต่อไม่ถูก
จากอารมณ์ของเขานั้นมองไม่ออกถึงความเปลี่ยนไปของอารมณ์ของเขาเลย แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีหญิงผู้หนึ่งถูกตัดสินชะตากรรม ก็ยังไม่มีสีหน้าสงสารเลยแม้แต่น้อย เขาช่างใจหินถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“เจ้าทำไม” ฉู่ป๋ายยื่นหน้าไปข้างหน้า ได้กลิ่นหอมโชยมาจากร่างของเขา ทั้งเย็นชื้นใจและงามสง่า
“แค่กๆ” อวี้อาเหราถอยหลังไปด้านหลังหนึ่งก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ ช้อนตาขึ้นไปมองใบหน้าสง่างามของเขา ดั้งจมูกตั้งตรง ผิวขาวเนียนจนนางที่เป็นผู้หญิงยังไม่สู้ ทุกครั้งที่มอง หัวใจจะต้องเต้นเร็วขึ้น
“เจ้าอะไรเล่า” เมื่อเห็นนางไม่ตอบ เขาก็ยิ่งยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกนิด แล้วถามประโยคเดิม
อวี้อาเหรามองชายหนุ่มที่เข้าใกล้มาเรื่อยๆ หัวสมองก็ราวถูกตีจนยุ่งเหยิง ไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวอย่างไรดี จริงๆ นึกอยากที่จะบอกให้เขาถอยห่างออกไปหน่อย แต่ด้านหลังของนางเป็นเก้าอี้หนึ่งตัว ทำให้นางล้มนั่งลงไป
สายตาสบายๆ ของฉู่ป๋ายเหมือนดวงดาวในท้องนภา และยิ่งยามนี้ยิ่งระยิบระยับเป็นที่สุด
ฉู่ป๋ายหัวเราะเสียงแผ่วขึ้นมา ยื่นมือออกไปลูบใบหน้าเห่อร้อนของนาง “ทำไมหน้าของเจ้าแดงก่ำถึงเพียงนี้ หรือเป็นเพราะข้าดูดีเกินไป”
“เพ้ย” ผ่านไปนานนางจึงค่อยคืนสติ จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง สัมผัสได้ว่าถูกชายผู้นี้กล่นแกล้งอย่างเต็มที่ อวี้อาเหราลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วค่อยดึงเขาไปยังเก้าอี้
ฉู่ป๋ายไม่ขัดขวางการกระทำของนางเลยแม้แต่น้อย กระแทกกายนั่งลงบนเก้าอี้
อวี้อาเหราวางมือทั้งคู่เอาไว้ที่เก้าอี้อย่างไร้ซึ่งคำพูด สายตากระทบลงที่ร่างของเขา เลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้มเล็กน้อย “ยกยอตัวเองว่าหน้าตาดี เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่”
“หน้าข้าจะหนาเท่าเจ้าได้หรือ” ฉู่ป๋ายไม่มีทีท่าเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหัวเราะเสียงเย็น ราวกับคนที่ถูกตรึงไว้บนเก้าอี้ไม่ใช่เขาอย่างไรอย่างนั้น
อวี้อาเหราโกรธเคืองใหญ่โต “เจ้าด่าข้าหรือ”
“ข้าไปด่าเจ้าตอนไหนเล่า” ฉู่ป๋ายถามอย่างใสซื่อ “ตอนนี้เป็นใครกันแน่ที่ตรึงร่างของข้าเอาไว้”
“เป็นข้าเอง แล้วจะทำไม” อวี้อาเหราสบถเสียงเย็น นึกอยากจะรู้ว่าเขาจะว่าอย่างไร ตอนนี้ฉู่ป๋ายสูญเสียพลังยุทธ์ไปจนหมด ดูแล้วเหมือนจะผอมกว่านางหลายชั่ง และดูอ่อนแอกว่านางเสียอีก ความแค้นที่โดนรังแกก่อนหน้านี้ในที่สุดก็ได้เวลาเอาคืนแล้ว
“แล้วสตรีที่ไหนเล่าตรึงร่างของบุรุษเอาไว้เช่นนี้” ฉู่ป๋ายถามกลับอีกครั้ง เมื่อเห็นนางเงียบไป จึงค่อยหัวเราะขึ้นมา “เพราะฉะนั้นแล้วเป็นเจ้าหรือข้ากันแน่ที่ไร้ยางอาย”
“…” อวี้อาเหราเข้าใจความหมายของเขา จึงถอยหลังกลับไป เขากำลังล้อนางที่ทำตัวไม่เรียบร้อยหรืออย่างไร
ตอนที่ 388 ฉู่ป๋ายคนดี
“ทำไมถึงไม่พูดเล่า หรือข้าพูดแทงใจดำเจ้า” ฉู่ป๋ายมองใบหน้าเล็กที่ห่อเ**่ยวลงด้วยความกระตือรือร้น
ไม่ได้เพิ่มเติมเสริมแต่งใดๆ ทั้งๆ ที่อยู่ในภาวะอารมณ์ที่ผิดปกติ แต่เพราะเครื่องหน้าที่ไร้ที่ติ นางจึงดูช่างออดอ้อน ตอนนี้เพราะนางโกรธ คิ้วของนางจึงยกสูงขึ้นเล็กน้อย ทำให้ยิ่งดูขี้อ้อนมากยิ่งขึ้น
อวี้อาเหราผลักเขาที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้วสบถเสียงเย็น “เจ้าสิหน้าไม่อาย”
“เจ้านี่ โดนพูดแทงใจดำก็ยังไม่ยอมรับ เมื่อครู่ยังพูดเก่งเป็นต่อยหอยอยู่เลยมิใช่หรือ ทำไมตอนนี้แม้แต่ครึ่งคำก็พูดไม่ออกเสียเล่า” ราวกับฉู่ป๋ายมองไม่เห็นแววตาโกรธเคืองในสายตาของนาง ยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“เจ้า!” อวี้อาเหราโกรธจนนึกอยากจะยกหมัดขึ้นพุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเขา แต่สติปัญญาก็ทำให้นางค่อยๆ สงบลง กัดริมฝีปากแล้วหันกลับไป “ข้าพูดไปก็สู้เจ้าไม่ได้อยู่ดี ขี้เกียจจะเถียงกับเจ้าแล้ว”
เมื่อพูดจบแล้ว นางก็คิดจะเดินจากไป แต่แรงๆ หนึ่งหยุดนางไว้
จึงเห็นว่าฉู่ป๋ายดึงมือนางเอาไว้ ร่างทั้งร่างสั่นสะเทือน เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดความเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง จึงรู้ว่านางนั้นมานั่งอยู่บนเก้าอี้เสียแล้ว และเขาได้เลียนแบบทีท่าของนางก่อนหน้านี้ ใช้สองมือวางเอาไว้ที่สองข้างของเก้าอี้ ล้อมตัวนางไว้บนเก้าอี้ไม่ให้ขยับตัวไปไหน
อวี้อาเหราได้สติขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ “เจ้าจะทำอะไร”
ในช่วงเวลาที่อวี้อาเหราตกอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนนั้น ได้มองไปยังร่างของฉู่ป๋ายด้วยความแปลกใจ เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาลึกซึ้ง จนทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ราวกับสายตาของเขาเต็มไปด้วยความสามารถในการสำรวจไม่จบไม่สิ้น จนเหมือนกำลังตรวจตราร่างเปลือยเปล่าของนาง
สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ นางก้มหน้าลง
ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งก็ดันใบหน้าของนางขึ้นมา อวี้อาเหราเปิดเปลือกตาขึ้น จึงพบว่าเขากำลังคว้าผมของนางหนึ่งปอยเอามาเล่น นางกลอกตาอย่างอับจนถ้อยคำ ถึงขนาดตรึงร่างของนางเอาไว้บนเก้าอี้เพื่อเล่นผมของนางหรือ
เมื่อเห็นฉู่ป๋ายใช้มือพันเส้นผมของนางเล่นเงียบๆ ไม่ส่งเสียง อวี้อาเหราก็เข้าใจขึ้นมา เพราะแค่อยากเล่นผมของนางนั่นเองหรือ ทันใดนั้นอารมณ์ดีๆ ของนางก็ไม่มีเหลือ พยายามสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของนาง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามีแรงมหาศาลหรือเพราะนางมีแรงน้อยยเกินไป ไม่ว่านางจะขัดขืนเพียงใดก็ไม่เป็นผล
ในที่สุดนางก็โมโห “เจ้าเป็นบ้าอะไร ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
“หากเจ้ายังเสียงดังอีก ไม่กลัวว่าเมี่ยวอวี้กับชิงอวิ๋นจะแห่เข้ามากันหรือไง”
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้อวี้อาเหราหยุดพูด ไม่กล้าร้องโวยวายอะไรอีก
อวี้อาเหราเห็นว่าต่อต้านอย่างไรก็คงต้านไม่ไหว จึงทำเก็บกักความโกรธเอาไว้ เมื่อพูดออกมาก็กลายเป็นเสียงที่ฟังดูปลอบประโลม น้ำเสียงอ่อนโยนพูดขึ้นว่า “ฉู่ป๋ายคนดี เจ้าปล่อยข้าเถิด เจ้าเพียงอยากเล่นผมข้ามิใช่หรือ ข้าก็ให้เล่นแล้วไง แต่เจ้าเล่นกักตัวข้าเช่นนี้ข้าอึดอัดอยู่บ้างหรอก มือเท้าข้าแข็งไปหมดแล้ว”
“หืม” คิ้วของฉู่ป๋ายกระตุกเล็กน้อย “เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ”
“ปล่อยข้าหรือ” อวี้อาเหราชะงัก คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงออกปาก
“ประโยคก่อนหน้านั้นสิ” ฉู่ป๋ายส่ายหน้า
อวี้อาเหราเงียบไปครู่ “ฉู่ป๋ายคนดี”
“อืม” ฉู่ป๋ายหัวเราะออกมา หัวเราะจนหน้าอกพองยุบเป็นจังหวะ มองสำรวจนางอย่างออกรสชาติ “หากเจ้าเรียกอีกสักครั้ง ข้าก็จะปล่อยมือ”
“…ฉู่ป๋ายคนดี” ยามที่เรียก อวี้อาเหราก็ขนลุกไปทั่วร่าง นางเพียงพูดออกไปมั่วๆ เท่านั้น ทำไมเมื่อถึงปากของเขาแล้วจึงเปลี่ยนความรู้สึกไปเสียนี่