ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 405-406
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 405 ปลาหมอตายเพราะปาก / ตอนที่ 406 ขู่เข็ญข้า
ตอนที่ 405 ปลาหมอตายเพราะปาก
ลมเย็นพัดโชยผ่านร่าง หนาวเย็นเหลือจะกล่าว หากไม่ใช่เพราะสวมเสื้อคลุมกันลม นางคงถูกลมหนาวพัดจนเย็นไปถึงกระดูก ในมือมีเตาอุ่นมือ จึงไม่หนาวนัก แต่ขาและเท้าที่อยู่บนพื้นเปียกชื้นหนาวเย็นขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
เมี่ยวอวี้หนาวจนถูกมือเข้าหากัน ก้าวไปข้างหน้าแล้วเปิดประตูบานผุเก่า
มองจากภายนอก เห็นเงาร่างรางๆ ของอวี้จื่อเยียนอยู่ในห้องที่จุดตะเกียงสว่างไสว มีสาวใช้สองนางยกจานเข้ามา หนึ่งในสาวใช้คนหนึ่งบ่นขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้ “คุณหนูใหญ่ผู้นี้ช่างเรื่องมากนัก ดึกดื่นถึงเพียงนี้ยังต้องมารับใช้อีก หากไม่ใช่เพราะนางกำนัลข้างกายอนุรองกำชับเอาไว้ว่าให้ดูแลนางล่ะก็ ข้าก็ขี้เกียจจะสนใจนางแล้ว”
“ชู่ เจ้าพูดเสียงเบาๆ หน่อยเถิด ตอนนี้แม้ว่านางจะถูกลงโทษแต่ก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ หากนางได้ยินเข้า ต่อไปหากนางไปจากหนานย่วนแล้วก็ไม่รู้ว่าจะแก้แค้นพวกเราสองคนอย่างไร ไม่หาเรื่องให้มากความจึงจะเป็นการดี” สาวใช้อีกคนรีบยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปาก แล้วทำเสียงชู่ออกมา
สาวใช้ที่พูดเมื่อครู่นี้ไม่พอใจขึ้นมาทันที “เจ้าจะกลัวอะไร ตอนนี้ในจวนไหนเลยจะมีที่สำหรับคุณหนูใหญ่อีก หากไม่ใช่เพราะอนุรองตั้งครรภ์ คงโดนไล่ออกไปจากจวนเสียตั้งนานแล้ว พูดไปแล้วก็เห็นว่าคุณหนูรองผู้นี้ช่างเก่งกาจนัก ไล่คุณหนูใหญ่ให้เข้าๆ ออกๆ หนานย่วนได้ เพียงไม่กี่เดือนก็จัดการอนุรองได้แล้ว เมื่อก่อนนี้ยังถูกรังแกมาตั้งนาน ตอนนี้อนุสี่ครองอำนาจ ดีขึ้นกว่าครั้งอนุรองมากนัก ทั้งยังใจกว้างกับพวกเราบ่าวไพร่ตั้งมาก เจ้าว่าทั้งๆ ที่มาจากสถานะสาวใช้เหมือนกัน ทำไมอนุรองและอนุสี่จึงไม่เหมือนกันเลยเล่า”
“ยังจะมาทำปากยื่นปากยาวนินทาลัยลับหลัง เดี๋ยวจะเป็นปลาหมอตายเพราะปาก” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อเงยหน้าไปมอง ก็เห็นอวี้เดินนำอาเหราเดินนำสาวใช้มาได้ยินที่พวกนางพูดคุยกัน ก็ตกใจเสียจนถาดตกลงสู่พื้น “คุณ…คุณหนูรอง”
ทั้งสองคนรีบคุกเข่าลงทำความเคารพอย่างลนลาน
อวี้อาเหรากวาดตามองสาวใช้ทั้งสองคน ไม่เคยได้ยินมาก่อน ดูท่าแล้วอนุสี่คงมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่นจนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ไม่ว่าวใครก็ล้วนชื่นชม จึงยิ้มขึ้นอย่างพออกพอใจ “พวกเจ้าลุกขึ้นเถิด แล้วไปพักผ่อนเสีย”
“แต่คุณหนูใหญ่…” ทั้งสองเงยหน้าขึ้นอย่างลนลาน
“ให้สาวใช้เดิมของนางมาดูแลเถิด พวกเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด” อวี้อาเหราว่าจบ ก็โบกมือให้พวกนางทั้งสองถอยออกไป แล้วก้าวเท้าเข้าไปในห้องของอวี้จื่อเยียน
หนานย่วนนั้นเทียบไม่ได้กับเรือนหน้า ไม่เพียงรกร้างไร้ผู้คน ทั้งยังเก่าแก่คร่ำคร่า ที่นี่ยามหนาวก็หนาวจัดยามร้อนก็ร้อนเหลือ ยากที่จะรับได้
เมื่อย่ำเท้าเข้าไปในห้อง ก็ยังนับว่าอบอุ่นกว่าภายนอกอยู่บ้าง เห็นอวี้จื่อเยียนฟุบอยู่เพียงผู้เดียว คงจะเจ็บปวดเสียจนไม่มีเรี่ยวมีแรง เสื้อผ้าขาดวิ่นที่เปื้อนเลือดนั้นถูกสาวใช้เปลี่ยนให้ใหม่ เสื้อผ้าที่ถูกเปลี่ยนใหม่นั้นบาง ในห้องไม่มีเตาผิงเผาฟืน หนาวเย็นเป็นอย่างมาก แต่อวี้จื่อเยียนที่ถูกเฆี่ยนตีจนบาดเจ็บหนักเช่นนี้ ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างก็ราวกับเปลวไฟแผดเผาจนไม่รับรู้ถึงความหนาวเย็นอีกต่อไป
อวี้อาเหราเห็นแล้วก็อดรนทนไม่ได้ “เมี่ยวอวี้ อย่างไรนางก็เป็นคุณหนูใหญ่ของจวนเรา ให้คนมาซ่อมแซมหน้าต่างประตูให้หนานย่วนหน่อยเถิด ไปหยิบเอาฟืนธรรมดามาด้วย อย่าให้คนภายนอกว่าเอาไปนินทาว่าพวกเรารังแกธิดารอง”
“คุณหนูช่างมีจิตใจเมตตากรุณายิ่งนัก บ่าวจะไปบอกคนให้มาจัดการเพคะ”เมี่ยวอวี้จำเอาไว้แล้วออกคำสั่ง
มุมปากของอวี้อาเหราโค้งขึ้นไปเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน นางมีใจเมตตาที่ไหน หากเป็นเช่นนั้นจริง อวี้จื่อเยียนคงไม่โดนไล่มายังหนานย่วนแห่งนี้หรอก
ที่นางทำนั้นเป็นเพียงชดใช้ความเสียหายอันยิ่งใหญ่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตอนที่ 406 ขู่เข็ญข้า
อวี้จื่อเยียนรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่หน้าประตู เมื่อเห็นอวี้อาเหรามองเข้ามาจากหน้าประตู ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปไม่นิ่งเฉยเหมือนเดิม รีบตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากเตียงนอน สองตาถลึงโต หากไม่ใช่เพราะนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงแล้วก็คงจะลุกขึ้นมาได้แล้ว
อวี้อาเหรารับยาสมานแผลที่เมี่ยวอวี้ส่งมาอย่างเงียบๆ แล้วค่อยๆ ก้าวไปข้างเตียงช้าๆ
“เจ้าจะทำอะไรข้า” อวี้จื่อเยียนเห็นนางเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาทั้งสองก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่ก้าวถอยหลัง แต่ก็ไม่เป็นไปตามใจ เพราะร่างกายเจ็บปวดเสียจนเกินจะทานทน อย่าว่าแต่การขยับอย่างอิสระเลย
อวี้อาเหราไม่พูดอะไร ยังคงก้าวประชิดไปข้างหน้าต่อไป
อวี้จื่อเยียนขู่ขึ้นมาว่า “หากเจ้ากล้าทำอะไรข้า ท่านแม่ของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ วันนี้ข้าโดนไล่มายังหนานย่วน แต่เสด็จพ่อก็ยังรักใคร่สงสารข้าอยู่ หากทรงทราบว่าเจ้าลงไม้ลงมือกับข้า เจ้าคิดว่าจะปล่อยเจ้าไว้หรือ”
“เจ้าขู่เข็ญข้าหรือ” อวี้จื่อเยียนเงยหน้าขึ้นหัวเราะลั่น เลิกคิ้วสูงขึ้น
ใบหน้าของนางปราศจากสีเลือด แต่ก็ยังไม่เผยให้เห็นถึงความอ่อนแอ นางยืนอยู่อยู่ตรงนั้น แต่ก็ยังไม่เผยให้เห็นถึงช่องว่าง ราวกับเพียงนางขยับนิ้วมือเพียงนิ้วเดียวก็ทำให้อีกฝ่ายไร้ซึ่งทางตอบโต้ นี่เป็นสิ่งที่อวี้จื่อเยียนคิดเมื่อมองนางในยามนี้
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ อวี้จื่อเยียนก็ยังทำคอแข็งแล้วพยักหน้า “ไม่ผิด ข้ากำลังขู่เจ้า แล้วอย่างไร”
“ก็ไม่อะไร” อวี้อาเหรายิ้มอย่างเกียจคร้าน สายตาไม่ค่อยสนใจไยดีทั้งยังนิ่งสงบได้ลบเลือนหายไป แล้วจึงค่อยหยิบเอาตลับยาสมานแผลขึ้นมา “นี่เป็นยาที่ข้านำมาให้ เอาไปใส่แผลเองเถิด”
“เจ้านำมายามาให้ข้าหรือ” อวี้จื่อเยียนชะงัก นางยังนึกว่าอวี้อาเหราจะหาเรื่องนางเสียอีก…
อวี้อาเหราประสานสายตา “แล้วจะทำไม เจ้าคิดว่าข้าว่างไม่มีอะไรทำ จนต้องมาฆ่าเจ้ากลางดึกถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้าไม่ทำให้มือตัวเองสกปรกหรอก”
“เจ้าว่าใครสกปรก” ความโกรธของอวี้จื่อเยียนถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าไม่ได้ว่าเจ้า อย่าหาเรื่องไปหน่อยเลย” อวี้อาเหราตอบไปส่งๆ
อีกคนโกรธเคือง อีกคนชอบล้อเล่น เป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจน
อวี้อาเหราหันไปโบกมือให้เมี่ยวอวี้และบรรดาสาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง “พวกเจ้าออกไปก่อน ให้พวกข้าสองคนคุยกันตามลำพัง”
“เจ้าค่ะ บ่าวขอตัวก่อน” ในใจของเมี่ยวอวี้เกิดสงสัยขึ้นมา แต่ก็นำตัวสาวใช้สองสามคนจากไป เมื่อออกไปก็ปิดประตูด้วย
อวี้จื่อเยียนจ้องอวี้อาเหราอย่างเตรียมพร้อมรับมือ ใบหน้าเย็นชา “เจ้าจะทำอะไรกันแน่ ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะนำยามามอบให้ข้าจริงๆ คนอื่นอาจโง่ แต่ข้าไม่โง่”
“เอ๋ เจ้าฉลาดที่สุดแล้ว แต่ในเมื่อฉลาดขนาดนี้ทำไมไม่ใช้ให้ถูกเรื่องเล่า” อวี้อาเหราหัวเราะเสียงเย็น
อวี้จื่อเยียนเข้าใจความหมายของนาง กำลังด่านางทางอ้อมใช่หรือไม่
อวี้อาเหราก้าวเข้ามาใกล้ แล้วมองนางอย่างพินิจ จากนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมทั้งทำเสียงจุ๊ๆ “ดูสิ ร่างกายที่เคยแข็งแรงถูกเฆี่ยนตีถึงเพียงนี้ ช่างน่าเสียดายนัก เสด็จพ่อลงมือถึงเพียงนี้ได้อย่างไรนะ”
“อวี้อาเหรา เจ้าเลิกเสแสร้งเป็นจิ้งจอกกสวมหน้ากากเมตตาเสียที ข้าไม่หลงกลเจ้าอีกแล้ว” อวี้จื่อเยียนได้ยินแล้วถึงกับขนลุก อดไม่ได้ที่จะผงะถอยหลังอย่างรังเกียจ
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนที่ทำให้นางบาดเจ็บนั้นคือใคร
หากไม่ใช่เพราะอวี้อาเหราแล้ว นางจะถูกหลิงอ๋องลงโทษเช่นนี้หรือ นางมาบ่นเห็นอกเห็นใจ ดูก็รู้แล้วว่าเสแสร้ง ในขณะที่นางกำลังคิดเช่นนี้ก็กลับลืมไปว่าตัวเองนั้นสร้างเรื่องอะไรไว้