ลิขิตฟ้าชะตารัก - ตอนที่ 407-408
ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 407 หน้าเนื้อใจเสือ / ตอนที่ 408 มือสกปรก
ตอนที่ 407 หน้าเนื้อใจเสือ
“จิ้งจอกสวมหน้ากากเมตตาหรือ เจ้าจะสำคัญตัวเองไปหน่อยหรือเปล่า” อวี้อาเหราย่นจมูก ปรายตามองมายังนาง “ยานี้เป็นยาที่ข้าส่งให้เจ้าต่อหน้าเสด็จพ่อ อยากใช้ก็ใช้ เพราะอย่างไรข้าก็มอบให้เจ้าแล้ว”
เมื่อพูดจบ นางก็ยื่นยาไปให้
“ไม่ต้องการยาเน่าๆ ของเจ้า” เมื่ออวี้จื่อเยียนถูกยั่วโมโหจนโกรธแล้วก็สะบัดมือปัดยาของอวี้อาเหราตกพื้น
อวี้อาเหรายักไหล่อย่างเบื่อหน่าย มองนางที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แต่ก็ยังดื้อรั้น ดวงตาที่มองกวาดไปทั่วนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา แล้วค่อยๆ กลับมามองอวี้จื่อเยียน “ข้ามีเรื่องที่อยากจะถามเจ้า”
“เฮอะ หากเจ้าไม่มีเรื่องอะไรก็คงไม่มาถึงที่นี่ แต่เจ้าอย่าได้ลืม ว่าข้าและเจ้าเหมือนน้ำกับน้ำมัน เจ้าคิดว่าข้าจะยอมตอบคำถามหญิงหน้าไม่อายเช่นเจ้าได้หรือ” อวี้จื่อเยียนเหยียดริมฝีปากด้วยความหยิ่งผยอง ไม่เห็นอวี้อาเหราอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย พูดออกมาก็บาดหูไม่น่าฟัง
สายตาของอวี้อาเหราเปลี่ยนไป ยื่นมือออกไปกำรอบลำคอของนาง “เจ้าว่าใครหน้าไม่อาย”
“เจ้า” อวี้จื่อเยียนไม่อาจหายใจเป็นปกติได้ แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังไม่วายที่จะจ้องมองนาง
อวี้อาเหรากลับหัวเราะ แล้วใช้น้ำเสียงอ่อนโยนที่ฟังดูน่าหวาดกลัวที่สุดในโลก “ข้าอุตส่าห์กล่อมให้เจ้าพูดดีๆ มิเช่นนั้น ตอนนี้เจ้าถูกไล่มาอยู่ที่หนานย่วน หากต้องยาพิษตาย หรือไม่ก็ถูกนางกำนัลตีจนตาย อย่างไรก็สาวมาไม่ถึงตัวข้า เสด็จพ่อก็คงคิดว่าเป็นเพราะเจ้าคิดร้ายต่อผู้อื่นไปทั่ว จนทำให้มีคนลงมือกับเจ้า…”
“เจ้า…เจ้าคิดจะทำอะไร” ดวงตาของอวี้จื่อเยียนยิ่งดูหดแคบ แล้วก้าวไปข้างหลังอย่างต้องการจะรักษาชีวิต แต่เพราะลำคอถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่จะพูดขึ้นมาสักคำก็ยังลำบากจึงทำได้แต่เพียงพิงตัวอยู่บนเตียงแล้วจ้องอวี้อาเหรา สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยแววร้องขอชีวิตอันเป็นสัญชาตญาณเบื้องต้นของมนุษย์
อวี้อาเหราหัวเราะเบาๆ “หากเจ้าไม่ยอมตอบมาดีๆ ข้าจะทำให้เจ้าไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย”
“เจ้ากล้าหรือ” อวี้จื่อเยียนทั้งโกรธทั้งตกใจ
“เจ้าก็คอยดูว่าข้าจะกล้าหรือไม่กล้า” น้ำเสียงของอวี้อาเหราเข้มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เมื่ออวี้จื่อเยียนถูกอีกฝ่ายขู่เข็ญเช่นนี้ก็ตกใจ ไม่กล้าที่จะดื้อดึงอีก “เจ้า…เจ้าปล่อยข้าก่อนสิ ไม่อย่างนั้นข้าจะตอบเจ้าได้อย่างไร”
อวี้อาเหราจึงค่อยผ่อนแรงที่มือ ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่เหน็บเอาไว้ในอกมาเช็ดมือข้างที่กุมลำคอของอวี้จื่อเยียน
อวี้จื่อเยียนเห็นท่าทีของนางแล้ว ก็เท่าว่าว่านางเป็นคนสกปรกมิใช่หรือ เมื่อเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่น
อวี้อาเหราก้มหน้านิ่งเงียบไปอึดใจ ทันใดนั้นก็เอ่ยถามขึ้นว่า “วันนี้ตอนอาหารเย็น เจ้าพบกับเซิ่นซื่อจื่อใช่หรือไม่”
“เซิ่นซื่อจื่อหรือ” สีหน้าของอวี้จื่อเยียนชะงัก “ไม่ได้พบ”
“โกหก” อวี้อาเหราตะคอกใส่ “หากเจ้ายังพูดจาส่งเดชอีกละก็…”
“ไม่กล้าแล้ว” อวี้จื่อเยียนรีบยอมรับผิด แล้วพยักหน้ารับทันที “ข้าพบกับเซิ่นซื่อจื่อจริงๆ”
“หากเชื่อฟังเช่นนี้ตั้งแต่แรกก็ดีแล้วมิใช่หรือ” สีหน้าของอวี้อาเหราเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มเรื่อยๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าพูดอะไรกับเขา”
“ข้า…” อวี้จื่อเยียนลังเล อ้าปากขึ้นแต่ไม่กล้าที่จะพูดว่าอะไร
มองใบหน้ายิ้มแย้มของอวี้อาเหรา แม้ว่านางจะยิ้มอยู่ แต่ก็ยังเผยให้เห็นถึงความเย็นชา จนทำให้คนมองอดรู้สึกเสียวสันหลังวาบไม่ได้ นางเพิ่งจะเข้าใจความหมายของคำว่าหน้าเนื้อใจเสื้ออย่างลึกซึ้งก็วันนี้ ตอนนี้อวี้อาเหราก็คงเหมือนกับเสื้อที่มีรอยยิ้มร่าประดับอยู่บนใบหน้ากระมัง
ใช่แล้ว เสือที่ยิ้มอยู่ช่างเหมือนกับนางในตอนนี้ รอยยิ้มที่ซ่อนมีด ผืนพรมที่ซ่อนเข็ม
ตอนที่ 408 มือสกปรก
สายตาของอวี้อาเหราค่อยๆ กวาดมามอง
อวี้จื่อเยียนรีบพูดความจริงทันที “ที่จริงข้าไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ตอนน้าข้าโกรธแค้นเจ้ามาก เมื่อเห็นเขากำลังมาหาเจ้า จึงอดใจไม่ได้ที่จะพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับเจ้า แต่เรื่องอื่นข้าไม่ได้พูดเลยนะ”
“เจ้าพูดว่าอะไร” อวี้อาเหราแปลกใจเล็กน้อย ทำไมมาเกี่ยวกับนางได้เล่า
ให้นางนั่งยันนอนยันก็เชื่อได้ว่าอวี้จื่อเยียนต้องด่านางอยู่ไม่น้อย และคงด่านางหนักหน่วงพอสมควร แต่ทำไมสีหน้าของฉู่ป๋ายจึงเปลี่ยนไปเพราะคำพูดของนางเล่า จะเป็นไปได้อย่างไร ทำไมเขาจึงเป็นเช่นนั้นได้
อวี้จื่อเยียนลังเลก่อนจะเอ่ยปากพูด “บอกว่าเจ้าหน้าไม่อายต่างๆ นานา…”
อวี้อาเหราเหยียมมุมปาก หญิงน่าตายผู้นี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก หากตอนนั้นนางอยู่ด้วย คงจะต้องสั่งสอนนางเป็นแน่ เมื่อรับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นางก็เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่ได้พูดเรื่องอะไรเลยจริงหรือ หากเจ้ากล้าที่จะโกหก เจ้าคอยดูเถอะ”
“ไม่นะ ข้าพูดเรื่องจริงทั้งหมด” อวี้จื่อเยียนเห็นนางไม่เชื่อก็รีบยืนยันคอแข็ง “เชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า ข้าตอบเรื่องที่เจ้าถามจนหมดแล้ว จะฆ่าจะแกงก็เชิญตามสบาย”
อวี้อาเหราเห็นสีหน้าของนางดูไม่เหมือนโกหกก็ขี้เกียจที่จะต่อล้อต่อเถียง “ฆ่าเจ้าหรือ ข้าไม่อยากให้มือของข้าสกปรก”
หลังจากที่พูดจบก็หันกลับไปที่ประตู
มือสกปรกหรือ อวี้จื่อเยียนจ้องมองไปยังแผ่นหลังของนางที่จากไปอย่างโกรธแค้น หากสายตาสามารถฆ่าคนได้จริงๆ ตอนนี้อวี้อาเหราคงตายไปเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้ว
เมี่ยวอวี้ที่ยืนคุมอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นนางเดินออกมาก็รีบเข้ามาต้อนรับ แล้วยื่นเตาอุ่นมือในนาง “คุณหนู ท่านเอาไปอุ่นมือสิเจ้าคะ”
“อืม” อวี้อาเหรารับมาเงียบๆ ท่าทีเปลี่ยนไปเป็นเหม่อลอย ในสมองยังคงคิดถึงทำพูดที่อวี้จื่อเยียนพูดขึ้นเมื่อครู่นี้
เมี่ยวอวี้อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “คุณหนู อย่าคิดอีกเลย พวกเรารีบกลับไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ ท่านป่วยอยู่เช่นนี้ยังต้องมาโดนลมหนาวอีก หากกลับไปบ่าวจะเตรียมน้ำขิงอุ่นๆ ให้นะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก” อวี้อาเหราโบกมือ เมื่อได้ยินชื่อยาน้ำแล้วก็อดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว
เมี่ยวอวี้วิเคราะห์ท่าทีของนาง แล้วลองเอ่ยถามเลียบเคียง “ถ้าอย่างนั้นบ่าวจะเตรียมน้ำอุ่นให้อาบนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ต้องการอะไร” อวี้อาเหราไม่มีท่าทีสนใจอะไรเป็นพิเศษ รู้สึกเพียงร่างกายอ่อนเพลีย ยามที่ออกเดินก็รู้สึกเท้าเปลี้ย นางเพียงอยากกลับไปพักผ่อนในห้องที่อบอุ่น วันนี้ทั้งวันทั้งคืนนางไม่ค่อยได้พักผ่อน ทั้งยังต้องฝืนร่างกายที่ป่วยไข้ออกมารับมือกับผู้คนมากมาย
ในยามนี้นางจึงรู้สึกเหนื่อย แต่กลับนอนไม่หลับ
หลังจากที่สองนายบ่าวกลับมาถึงเรือนพักแล้ว เมี่ยวอวี้ก็สั่งให้คนรีบจุดฟืนทันที โชคดีที่ยามกลับมายังคงมีเชื้อฟืนอยู่ ดังนั้นตอนนี้ทั่วทั้งห้องก็ยังคงอบอุ่นอยู่ นางยกถ้วยชาที่ชงจนเรียบร้อยเข้ามาในห้อง จึงเห็นอวี้อาเหรานั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตาผิง
“คุณหนู เชิญดื่มชาเจ้าค่ะ”
“อืม”
หลังจากที่อวี้อาเหรารับชามา นางก็ยังคงเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น
ยามที่รับน้ำชามา เมี่ยวอวี้ก็เผลอแตะมือเย็นเฉียบของนาง รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก “คุณหนู ทำไมมือท่านจึงเย็นถึงเพียงนี้ ทำไมผิงไฟตั้งนานแล้วยังไม่เห็นอุ่นขึ้นมาเลย บ่าวจะไปต้มน้ำมาให้ท่านอาบ อย่างนั้นคงจะอุ่นขึ้นมาไม่น้อย”
“ไม่ต้องหรอก” อวี้อาเหราส่ายหน้า
ที่มือเท้าของนางเย็นนั้นก็เป็นเพราะได้รับไข้เย็นมาแต่เดิม ไม่ว่าจะทำร่างกายให้อบอุ่นเพียงใด แต่เพียงออกห่างจากไฟก็จะหนาวเย็นขึ้นมาอีกรอบ
เมี่ยวอวี้เห็นว่านางไม่มีท่าทีอะไร ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “คุณหนู คุณหนูใหญ่พูดอะไรกับท่านกันแน่ ทำไมนับตั้งแต่กลับมาจากหนานย่วนถึงเป็นเช่นนี้ หรือว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือ”